ReadyPlanet.com


วิชา งานเคลือบเงาสำหรับช่างไม้ รหัส 101 (เลือกได้ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง) โพสครบแล้ว!!
avatar
Solar


ฉบับนี้ โพสครบนะครับ...

 

พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆครับ
หลังจากกลับจากการอบรมสีไฮกรอส ผมมีคำถามเรื่องสีเพิ่มเติมอีกมากมาย ด้วยความที่ไม่เคยทำงานสี/เคลือบไม้มาก่อนเลย งงมากเวลายืนจังก้าต่อหน้าชั้นผลิตภัณฑ์เคลือบไม้ ตั้งแต่เท้ายันเพดาน
ยุคนี้ จึงค้นหาข้อมูล หา e-book อ่านเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นของฝรั่ง ศัพท์หลายๆอย่าง ผลิตภัณฑ์หลายๆอย่างคงหลากหลายกว่าตลาดบ้านเราเยอะ
ไหนๆก็อ่านแล้ว ขออนุญาตินำมาแปล แบ่งๆกันนะครับ มีศัพท์ที่ผมเรียกผิด พิมพ์ผิด หรือเข้าใจกระบวนการผิด รบกวนชี้แนะผมด้วย หรือท่านใดมีประสบการณ์ตรง ช่วยนำมาเล่าสู่กันฟัง ถือว่าเบิกเนตรให้กันด้วยครับ

1.หากมีการแก้ไข ผมจะมาเก็บตก แก้ไขให้ในเนื้อความนะครับ

2.อนาตค รูปอาจจะหาย ผมจึงแบ็คอัพไว้ที่ lincolnwoodcraft ดอท บล็อคสปอท ดอท คอม ครับ ยังคงติดตามอ่านได้ที่โน่น
 



ผู้ตั้งกระทู้ Solar กระทู้ตั้งโดยสมาชิก :: วันที่ลงประกาศ 2012-06-15 15:38:09


1

ความคิดเห็นที่ 1 (1497522)
avatar
Solar
image

อ้างอิงจากหนังสือ American Woodworker Guide to Finishing (Winter 2007/2008)
ขั้นตอนการเคลือบเงาสำหรับงานไม้ ถือเป็นขั้นตอนที่ปวดหัวสำหรับมือใหม่หลายๆท่าน เพราะปัจจุบันนี้ มีผลิตภัณฑ์ออกมารองรับคุณภาพชิ้นงานที่ต้องการมากมายเหลือเกิน ดูของฝรั่งก็อย่างนึง พอจะมาหาซื้อใช้ในบ้านเรา ก็อาจจะหาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง หรือต้องหาบางอย่างทดแทนไปบ้าง บ่อยๆครั้ง เราจึงอาศัยครูลักพักจำ เสาะถามกระบวนการจากร้านค้าบ้าง จากกระทู้ต่างๆบ้าง ลองผิดลองถูก เอาไปใช้จริงได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ทำถูกก็ไม่แน่ใจ ทำผิดก็ไม่รู้ตัว...
อย่ากระนั้นเลย เรามาปูเสื่อ จกข้าวเหนียว และพูดคุยเรื่องงานสีแบบเบาๆกัน
การเคลือบเงาไม้ สามารถแบ่งตามประเภทต่างๆ จำง่ายๆได้ดังนี้
1) งานน้ำมัน (Oil)
2) งานวานิช (Varnish)
3) งานเชแลค (Shellac)
4) งานแลคเกอร์ (Lacquer)
5) กลุ่มผลิตภัณฑ์สูตรน้ำ (Water based)
6) งานขี้ผึ้ง (Wax)
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:39:17


ความคิดเห็นที่ 2 (1497523)
avatar
Solar

บางครั้ง ผู้ผลิตก็ผสมประเภทการเคลือบเงาเข้าด้วยกัน แล้วก็ออกชื่อใหม่ (ให้ช่างงงเข้าไปอีก) ยกตัวอย่างเช่น Danish Oil ก็คือการผสมระหว่างน้ำมันและวานิช หรือ Tung oil ก็คือ วานิชบางๆผสมกับแร่บางอย่าง การผสมกันแบบนี้ ก็เพราะต้องการดึงคุณสมบัติของการเคลือบเงาแต่ละประเภทมาใช้งาน
ในงานเคลือบเงานั้น ให้เราจำจุดประสงค์ที่เราเคลือบเงา ง่ายๆ 3 ข้อ ได้แก่
1) เพื่อขับ/ดึงความสวยงามของไม้ให้โดดเด่นออกมา (Enhance)
2) เพื่อผนึกปิดไม้ไว้ (Seal)
3) เพื่อป้องกันไม้จากการใช้งาน (Protect)
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:39:51


ความคิดเห็นที่ 3 (1497524)
avatar
Solar

ดังนั้น การเคลือบเงาไม้ใน 6 ประเภทข้างต้นนั้น ต่างมีความสามารถในการบรรลุจุดประสงค์ 3 ข้อนี้ มากน้อยแตกต่างกันไป ในการพิจารณาเลือกใช้การเคลือบเงานั้น เราจึงต้องตั้งโจทย์ ถามตัวเองว่า
1) ต้องการให้การเคลือบเงานี้ มีผลกับเฉดสีดั้งเดิมของไม้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด (Color)
การเคลือบเงาแต่ละประเภท ส่งผลกระทบกับเฉดสีดั้งเดิมของไม้แตกต่างกันออกไป บางครั้งเราก็ต้องการให้เฉดสีเปลี่ยน แต่บางครั้งเราก็ต้องการให้คงเฉดสีดั้งเดิมไว้ เรามาดูคำอธิบาย และเปรียบเทียบสีต่างๆของไม้ ดังรูป
1.1) กลุ่มสูตรน้ำ (Water based finishes) ส่งผลให้ไม้สีเข้มขึ้น แต่ไม่มีผลกับเฉดสีดั้งเดิม
1.2) น้ำมันลินซีด (Boiled linseed oil) ทำให้ไม้มีสีเข้มขึ้น และเฉดสีจะออกเหลืองอำพัน โทนสีอุ่น
1.3) แวกซ์ ไม่มีผลการสีดั้งเดิมเลย มายังไง ก็ไปแบบนั้น
1.4) โพลียูริเทน-สูตรน้ำมัน ทำให้ไม้มีสีเข้มขึ้น และเฉดสีจะออกเหลืองอำพัน โทนสีอุ่น แต่ไม่เข้มเท่ากับกลุ่มน้ำมันลินซีด
1.5) เชแลคส้ม เพิ่มสีส้มโทนอุ่นให้กับเฉดสีเดิมของไม้ (เชแลคสีอื่นๆ ก็เพิ่มโทนสีตามนั้นๆ)
1.6) แลคเกอร์ ทำให้ไม้สีเข้มขึ้นนิดนึง
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:40:09


ความคิดเห็นที่ 4 (1497525)
avatar
Solar

2) ต้องการใช้กระบวนการเคลือบเงา ที่มีขั้นตอนการทำงานยากง่ายเพียงใด (Application)
โดยทั่วๆไปแล้ว กระบวนการเลือกทำงานเคลือบไม้เป็นเรื่องของความถนัดช่างแต่ละคน เพราะการเคลือบไม้แต่ละประเภทใช้ทักษะทางช่างและประสบการณ์ มากน้อยไม่เท่ากัน การเคลือบประเภทน้ำมันและแวกซ์ ทำงานได้ง่ายที่สุด (เช็ดน้ำมันและเช็ดออก ทำให้เกิดรอยชั้นฟิลม์บางๆบนชิ้นงาน) ในขณะที่งานเชแลค, วานิช และกลุ่มสูตรน้ำ จะใช้แปรงทา และสร้างชั้นฟิลม์ที่หนากว่า ตัวช่างเองก็ต้องอาศัยความประณีตและประสบการณ์ในการใช้แปรง เพื่อไม่ให้เกิดรอยขนแปรง หรือรอยชั้นฟิลม์ทับกัน และสุดท้าย งานแลคเกอร์ (ซึ่งเรามักจะการพ่น) ก็จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น กาพ่นสี ระบบลม และทักษะฝึกฝนการใช้กาพ่นสี
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:40:27


ความคิดเห็นที่ 5 (1497526)
avatar
Solar

3) ต้องการป้องกันเนื้อไม้ ด้วยคุณภาพดีเพียงใด  (Protection)
ถ้าหากเราต้องการปกป้องรักษาชิ้นงานให้มีอายุยืนยาว ก็ควรจะเลือกการเคลือบเงาที่สามารถป้องกันการระเหยของน้ำในชิ้นไม้ (ดังที่เราทราบอยู่แล้วว่า แม้จะผ่านการอบไม้มาแล้ว ไม้ก็ยังมีความชื้นอ่อนๆหลงเหลืออยู่) ยิ่งเราเคลือบไม้หนามากแค่ไหน ก็จะยิ่งปกป้องการระเหยของน้ำได้มาก แต่อย่าลืมว่า ทุกอย่างก็มีข้อจำกัด เพราะการสร้างชั้นฟิลม์ที่หนามากกว่า 0.006 นิ้ว (ประมาณว่า ทายูริเทนไป 4 รอบ) ก็จะมีแนวโน้มว่าจะเกิดรอยแตกบนชั้นฟิลม์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่ที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงกระทันหัน
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:40:43


ความคิดเห็นที่ 6 (1497527)
avatar
Solar

4) ต้องการความทนทานจากการเคลือบเงามากแค่ไหน (Durability)
ประเภทของการเคลือบเงา และความหนาของชั้นฟิลม์ที่เคลือบ จะช่วยปกป้องชิ้นงานไม้จากรอยขีดข่วนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้งาน การเคลือบบางประเภทสามารถทนต่อรอยขูดขีด, น้ำ, ความร้อน ได้ดีกว่า คุณสมบัติความทนทานนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของการใช้งานไม้เราด้วย เช่น เฟอร์นิเจอร์โต๊ะก็มีโอกาสที่จะเกิดรอยขีดข่วนได้มากกว่าโคมไฟตั้งโชว์
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:41:03


ความคิดเห็นที่ 7 (1497529)
avatar
Solar
image

ตารางเปรียบเทียบความทนทาน ของประเภทการเคลือบเงาแต่ละประเภทกับปัจจัยการเกิดรอยบนชิ้นไม้
Excellent ดีเยี่ยม = 6; Very Good ดีมาก = 5; Good ดี = 4; Fair พอใช้ได้ = 3; Poor แย่ = 2; Very Poor แย่มาก = 1;
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:41:35


ความคิดเห็นที่ 8 (1497530)
avatar
Solar
image

เอ้า...อย่าเพิ่งอ๊วกครับ นี่ยังแค่ชิมๆ
เรามาเริ่มที่การเคลือบเงาแต่ละประเภทกัน
1) เคลือบน้ำมัน
การเคลือบน้ำมันแบบทั่วๆไป นิยมอยู่สองชนิด คือ น้ำมันลินสีด และ ทังออย์ล (Tung oil)

น้ำมันลินสีด หรือน้ำมันเมล็ดฝ้าย ทำจากเมล็ดต้นแฟล็คซ์ (flax) เราเห็นใช้งานอยู่บ่อยๆในงานวาดภาพสีน้ำมัน ซื้อตามร้านเครื่องเขียน/อุปกรณ์วาดรูป มีคุณสมบัติแห้งตัวช้า ดังนั้นจึงมีการเติมสารเร่งการแห้งตัว และเรียกว่า boiled linseed (ไม่แน่ใจว่า ภาษาไทยเรียกว่า อะไร)


ส่วนทังออย์ล (คนไทยเรียก น้ำมันตุง ส่วนคนไทยจีนเรียก ตังอิ๊ว --> Tung= หัวใจ เพราะใบมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ) จะแห้งเร็วกว่าน้ำมันลินสีดดิบ แต่ช้ากว่าลินสีดหุงต้ม ซึ่งต้องทาบนชิ้นงาน 5-6 รอบ เพื่อให้มีคุณสมบัติเคลือบผิวดังที่ต้องการ
การเคลือบน้ำมัน เป็นการเคลือบชิ้นงานที่ทำงานง่ายมาก เพียงแค่เช็ดน้ำมัน และใช้ผ้าเปล่าเช็ดซ้ำทุกๆรอบที่เคลือบ เนื่องจากเนื้อฟิลม์เคลือบมีความบาง และไม่สามารถป้องกันรอยได้ จึงเหมาะสำหรับผิวที่ไม่ต้องถูกสัมผัสใช้งานบ่อย เช่น กรอบรูป เป็นต้น
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:41:51


ความคิดเห็นที่ 9 (1497531)
avatar
Solar
image

2) เคลือบวานิช
วานิช ก็คือ การนำน้ำมันผสมกับเรซินสังเคราะห์ เช่น ยูริเทน, alkyd แบ่งประเภทตั้งแต่ เงาด้าน กึ่งเงา หรือเงา
สปาวานิช (Spar varnish)  คือ มีสัดส่วนของน้ำมันมากกว่าเรซิน ทำให้มีคุณสมบัติผิวที่อ่อนตัว ดูไม่แข็งกระด้าง เหมาะสำหรับงานภายนอก ในขณะที่ วานิชภายใน (Indoor varnish) จะมีคุณสมบัติผิวที่แข็งมากกว่า เพราะมีสัดส่วนผสมของเรซินมากกว่าน้ำมัน การทาทับหลายๆครั้ง จึงสร้างฟิลม์ที่แข็งแรง ทนรอยขีดข่วนต่างๆ
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:42:08


ความคิดเห็นที่ 10 (1497532)
avatar
Solar
image

3) เคลือบวานิชผสมน้ำมัน
ก็คือการนำวานิชมาผสมน้ำมัน เพื่อสร้างความแข็งแรงที่มากกว่าการใช้เคลือบน้ำมันเพียงอย่างเดียว มักใช้ชื่อตามที่เราเห็นเช่น เดนนิชออยล์ หรือ ทีคออยล์
การใช้งานง่ายมาก (เช็ดด้วยน้ำมัน และใช้ผ้าเปล่าเช็ดออก) แต่แห้งตัวช้ามากๆเช่นกัน
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:42:24


ความคิดเห็นที่ 11 (1497533)
avatar
Solar
image

4) เคลือบเชแลค
เชแลค เป็นสารเรซินธรรมชาติที่สกัดจากแมลง นำมาคั้น และอบแห้ง เวลานำไปใช้งาน เราจำเป็นต้องนำไปผสมกับแอลกอฮอล์เสียก่อน หรือในบางยี่ห้อ เราจะเห็นเป็นเชแลคสำเร็จรูป ผสมแอลกอฮอล์มาเรียบร้อยแล้ว
ในเชแลคธรรมชาติ จะมีสีออกส้มนิดๆ ซึ่งจะเพิ่มโทนสีอุ่นกับชิ้นงาน แต่ในท้องตลาด ก็มีเชแลคสำเร็จรูปสีอื่นๆเช่นกัน
เชแลคส่วนใหญ่ จะมีสารแว๊กซ์ผสมอยู่แล้ว แต่ก็จะมีผลิตภัณฑ์ทางเลือก de-waxed shellac นั่นก็คือ เชแลคที่ไม่มีแว๊กซ์ ซึ่งนำไปใช้เป็นซีลเลอร์ สำหรับการซีลปิดผิวไม้ ก่อนที่จะทายูริเทนทับ
ในสมัยก่อน ช่างนิยมใช้เชแลคมากที่สุด จนกระทั่งมีการพัฒนาแลคเกอร์ และยูริเทนขึ้นมา
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:42:41


ความคิดเห็นที่ 12 (1497534)
avatar
Solar
image

5) เคลือบแลคเกอร์
แลคเกอร์ ผลิตจากไนโตรเซลูโลส มีคุณสมบัติแห้งตัวไวมาก จึงถูกประยุกต์การใช้งานผ่านการพ่น มีความแข็งแรงและทนทานดี เมื่อแห้งตัวไว จึงเป็นข้อได้เปรียบเวลาทำงาน เพราะสามารถพ่นทับหลายๆรอบ และเสร็จงานเคลือบผิวได้ภายในวันเดียว

แลคเกอร์ มีคุณสมบัติเป็นโทนเนอร์ในตัว จึงสามารถใช้เป็นตัวผสมกับสีย้อมไม้ได้อีกด้วย ข้อเสียอย่างเดียวของแลคเกอร์ก็คือ ทินเนอร์ที่ใช้ควบคู่กับแลคเกอร์ เป็นสารพิษตกค้าง และติดไฟ  จึงควรใช้ในพื้นที่ที่มีระบบถ่ายเทอากาศที่ดี (แต่ไม่ใช่นำฝุ่นเข้ามาด้วย) และหากต้องการใช้การทาแลคเกอร์แทนการพ่น ก็จำเป็นต้องผสมทินเนอร์ที่มีเชื้อการแห้งตัวช้า เพื่อมีเวลาให้ช่างสามารถทากวาดเก็บผิวงาน
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:42:58


ความคิดเห็นที่ 13 (1497537)
avatar
Solar
image

6) กลุ่มสูตรน้ำ
กลุ่มนี้ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับลดความอันตรายและสารตกค้างจากการใช้ทินเนอร์ ซึ่งก็มีผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ วานิช, โพลียูริเทน, แลคเกอร์ ข้อดีอีกข้อก็คือ ช่างสามารถล้างทำความสะอาดเครื่องมือด้วยน้ำเปล่าๆได้เลย ส่วนข้อควรระวังในการใช้กลุ่มสูตรน้ำ ก็คือ น้ำจะเป็นตัวดึงเสี้ยนไม้ให้ขึ้นมาระหว่างเคลือบผิว ส่งผลให้สารเคลือบลงไปไม่ลึกถึงเนื้อไม้เท่าๆการเคลือบแบบอื่น (ก็ต้องแก้ไขด้วยขัด และทาหลายๆรอบ เพื่อให้ซึมลงไป)
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:43:39


ความคิดเห็นที่ 14 (1497538)
avatar
Solar

7) เคลือบแวกซ์
แวกซ์สำหรับงานไม้ที่มีในท้องตลาด เป็นแวกซ์เหลว สามารถใช้เคลือบชิ้นงาน โดยไม่มีผลกระทบกับเฉดสีของไม้ ตัวแวกซ์เองมีความอ่อน จึงไม่ทนต่อรอยขีดข่วนหรือกันน้ำ จึงไม่เหมาะกับชิ้นงานที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ แต่ก็สามารถประยุกต์ใช้ทาทับผิวบนสุดของการเคลือบไม้แบบอื่นๆได้
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:43:57


ความคิดเห็นที่ 15 (1497542)
avatar
Solar

ตกลงว่า จะใช้การเคลือบแบบไหนดี?
คำถามแบบนี้ ต้องถามกลับว่า ชิ้นงานของเราเป็นลักษณะการใช้งานแบบใด นั่นก็คือ
ถ้าชิ้นงานเป็นตู้ครัว หรือตู้เก็บของในห้องน้ำ เราก็ต้องคำนึงถึงเรื่องความทนทานเป็นหลัก การเคลือบที่ต้องการจึงต้องทนต่อเหงื่อ (ทั้งแบบเค็มและแบบเปรี้ยว) ดังนั้น วานิช หรือยูริเทน จึงเป็นตัวเลือกต้นๆ และหากไม่ชอบกลิ่นทินเนอร์ ก็สามารถเลือกสูตรน้ำเพื่อทดแทนได้ แลคเกอร์ ก็ยังถือว่ารับได้ ส่วนเชแลคหรือเคลือบน้ำมัน ไม่ควรนำมาใช้เลย

ถ้าชิ้นงานคือ เก้าอี้ โต๊ะ เราต้องคำนึงเรื่องรอยขีดข่วน ก็ต้องเลือกว่า เราอยากจะเคลือบด้วยวิธีการขัดถูหรือไม่ (การขัดถู เป็นการปัดฝุ่น และปัดชิ้นงานให้เงา ไม่ว่าจะขัดถูด้วยมือ หรือด้วยเครื่องปัด) แลคเกอร์สามารถปัดเงาได้ง่ายที่สุด ตามด้วยเชแลค ส่วนวานิชและกลุ่มสูตรน้ำ ก็สามารถปัดเงาได้ดีเช่นกัน แต่ต้องปัดด้วยผ้าที่มีใยความละเอียดสูงๆ คุณภาพสูงๆ (ดังที่เราจะเห็นว่า มีผ้าปัดเงาหลายๆเกรด หลายๆผิว)

ถ้าชิ้นงานเป็นตู้หนังสือ, ชั้นวางทีวี, ชิ้นงานตกแต่งบ้าน เช่น กรอบรูป โคมไฟ ซึ่งก็ไม่ต้องเผื่อเรื่องรอยขีดข่วนหนักๆ การเคลือบน้ำมันหรือน้ำมันผสมวานิชหลายๆรอบ ก็เป็นทางเลือกที่ดี

สุดท้ายคือ พื้น โดนทุกวัน หนักทุกอย่าง (น้ำ เครื่องดื่มหก รอยลากเก้าอี้/เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ)...ใช้ยูริเทน ดีที่สุด
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:44:49


ความคิดเห็นที่ 16 (1497543)
avatar
Solar
image

วิธีการตรวจชิ้นงานขณะเคลือบ
ขณะที่เราเคลือบชิ้นงาน บ่อยครั้งที่เราจำเป็นต้องยกชิ้นงานขึ้นส่องกับแสง เพื่อตรวจหารอยตำหนิต่างๆ ซึ่งต้องคำนึงเรื่องประเภทของแสง/สีแสงที่ใช้ส่อง และทิศทางของที่แสงตกกระทบด้วย
วิธีการง่ายๆ มีดังนี้
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:45:13


ความคิดเห็นที่ 17 (1497544)
avatar
Solar
image

และสุดท้าย คือ ใช้ไฟส่องเข้ามาทั้งสองทิศทาง เพื่อดูภาพรวมทั้งหมดอีกครั้ง

สำหรับการเช็คสีเฉดสีนั้น จำเป็นต้องคำนึงเรื่องของประเภทของแสง ว่าเป็นแสงธรรมชาติ หรือแสงเทียม (นีออน) หรือผสม และสีแสง (ส่องตอนเช้า กลางวัน เย็น หรือใช้นีออนส้มอมเหลือง ขาว)
แสงที่เหมาะสมใช้ตรวจที่สุด คือ แสงนีออนขาวที่ให้สีเหมือนแสงธรรมชาติ (หากใช้แสงธรรมชาติ เราไม่สามารถควบคุมความเข้มแสงได้เลย)

ส่วนงานซ่อม ที่จำเป็นต้องเทียบสีกับสีเดิมนั้น เราควรจะเปรียบเทียบทั้งภายใต้แสงธรรมชาติ แสงเทียม หรือแม้แต่แสงที่ใช้ในบ้านเจ้าของชิ้นงาน เพื่อให้มั่นใจว่า สีที่ผสมขึ้นมาใหม่ จะดูกลมกลืนเข้ากับสีเดิม
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:45:39


ความคิดเห็นที่ 18 (1497548)
avatar
พงษ์(บ้านงานไม้)

 ..งง..

ผู้แสดงความคิดเห็น พงษ์(บ้านงานไม้) (bangranmai_k-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:53:55


ความคิดเห็นที่ 19 (1497551)
avatar
Solar

คือ...ผมเปิดกระทู้ก่อนๆ โพสแล้ว มีปัญหา เนื้อความหาย รูปหาย

จึงทดลองตั้งกระทู้ใหม่ โพสใหม่ ทำอยู่ 3 รอบ สำเร็จในรอบนี้ครับ ขอโทษที่ทำให้สับสน...เดี๋ยวแอดมินคงลบกระทู้เสียๆเหล่านั้นครับ
ส่วนกระทู้นี้ ตัวจริง เรียนเชิญแบ่งปันความรู้กันครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 15:57:59


ความคิดเห็นที่ 20 (1497563)
avatar
Natkanon

แล้วรหัส 101 มันคืออารายหรอ

ผู้แสดงความคิดเห็น Natkanon วันที่ตอบ 2012-06-15 16:09:11


ความคิดเห็นที่ 21 (1497575)
avatar
tphen

ยังใช้แปรงในการทาเคลือบผิวอยู่เหมือนกัน

เป็นความรู้ที่ดีมากครับ ขอบคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น tphen (tphen-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 16:37:31


ความคิดเห็นที่ 22 (1497578)
avatar
Solar

101 คือ ความรู้พื้นฐานเบื้องต้นครับ เป็นมุก ผมตั้งขึ้นมาเอง เสมือนรหัสวิชาที่ใช้เรียน นับเป็นหน่วยกิตหน่ะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 16:42:14


ความคิดเห็นที่ 23 (1497615)
avatar
เอ๋ เพาะช่าง

แล้วมันเป็นไปได้มั้ยว่าจะออกงวดนี้น่ะ101

ผู้แสดงความคิดเห็น เอ๋ เพาะช่าง (hometist-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-15 18:29:53


ความคิดเห็นที่ 24 (1497924)
avatar
ปริญญาช่าง พัทยา

 

เรียนมุข ต้องเรียนจากเซียนเอ๋นะ....จาได้ฮาตรึม...

ผู้แสดงความคิดเห็น ปริญญาช่าง พัทยา (prinya-chang-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-16 07:01:00


ความคิดเห็นที่ 25 (1498527)
avatar
ตาโล

 ขอบคุณครัาบ  

ขออนุญาต เลคเชอร์ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาโล (paisaan-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-16 20:25:24


ความคิดเห็นที่ 26 (1498534)
avatar
ปราโมทย์ พิดโลก

ลงทะเบียนเรียนแล้วครับ...... พออ่านจบแล้ว...จะสอบเมื่อไร....ถ้าได้ A ...มีรางวัลไหมครับ....ครือออ...อยากได้รางวัลง่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปราโมทย์ พิดโลก (motepits6-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-16 20:37:46


ความคิดเห็นที่ 27 (1498582)
avatar
tu

น่าจะมีบทความเกี่ยวกับสีสูตรน้ำบ้างนะครับ ส่วนตัวผมก็ใช้มาซักระยะหนึงแล้วครับ พอดีที่โรงงานอยากลองเปลี่ยนวิธีทำ เลยได้ลองทำมา2-3งานแล้ว ข้อดีคือไม่เหม็น ลดขั้นตอนจากสีสูตรทินเนอร์ไปได้1-2ขั้นตอน  ข้อเสียเท่าที่เจอก็คือ คนทำต้องมีความชำนาญพอสมควร                เพราะสีสูตรน้ำ ถ้าทาไม่ดี ทาซ้ำไม่ได้ เพราะมันจะเป็นคราบ แถมแก้ยากด้วย เสียดายสมัครสมาชิกไม่ได้ลงรูปลำบาก จะได้ลงรูปให้ดู ผมพึ่งทำบานประตูไป400บาน สูตรน้ำล้วนๆ ยี่ห้อโรเธนเบิร์ก 

ผู้แสดงความคิดเห็น tu วันที่ตอบ 2012-06-16 21:18:40


ความคิดเห็นที่ 28 (1498605)
avatar
Solar

ช่วยๆแชร์ความรู้กันมาเลยครับ ช่างสักคนคงไม่ได้ลองทำงานเคลือบได้ทั้งหมดทุกผลิตภัณฑ์

แต่ละท่านถนัดอะไร มีประสบการณ์อะไร มาเล่าให้กันฟัง เผื่อเป็นทางเลือกให้กับคนเดินตามครับ :D

เรื่องสอบ...แหะๆ คงต้องงัดผลงานการเคลือบ+เทคนิคของแต่ละท่านมาส่งประกวดกันในนี้ละครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Solar ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-16 21:50:36


ความคิดเห็นที่ 29 (1500265)
avatar
ชวัลรักษ์

เชแลค...สกัดมาจากแมลงเหรอครับ...

ผมเข้าใจว่าทำมาจากยางไม้ซะอีก... เริ่ม งง ๆ ละ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวัลรักษ์ วันที่ตอบ 2012-06-19 15:24:22


ความคิดเห็นที่ 30 (1500592)
avatar
นัทคุง

 ลงทะเบียนเรียนด้วยคนครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัทคุง (nattbanphe-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-20 08:48:24


ความคิดเห็นที่ 31 (1508298)
avatar
โดม

Shellac  แปลตรง ๆ

Shell   = เปลือก 

lac = lac bug แมลงครั่ง(Coccus lacca)

 

รวมกันเป็น shellac มาจากเปลือกของแมลงจริง ๆ มันกินดูดน้ำต้นไม้แล้วทิ้งสารไว้เป็นเกราะป้องกันตัว

 

Google ค้น Lac bug หรือ "แมลงครั่ง"ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โดม วันที่ตอบ 2012-07-12 22:05:53


ความคิดเห็นที่ 32 (1509514)
avatar
ไผ่ตง

 อ่านเพลินเลย ขอบคุณครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ไผ่ตง (konbapa-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-07-17 17:00:21


ความคิดเห็นที่ 33 (1509862)
avatar
เคณ

ได้มาอีกแล้ว ความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณมากครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เคณ วันที่ตอบ 2012-07-19 00:12:11


ความคิดเห็นที่ 34 (1536896)
avatar
by

อยากทำป้ายไม้  ง่ายจากไม้  mdf ช่วยแนะนำทั้งการตัดและลงสีหน่อยคร่า มือใหม่ อยากทำเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น by วันที่ตอบ 2012-10-25 13:32:21


ความคิดเห็นที่ 35 (2976161)
avatar
kp

ชะแล๊ก ภาษาจีนเรียกว่าน้ำมันตังอิ๊วถูกต้องหรือเปล่าครับ เพราะทราบว่าหลายท่านหาซื้อน้ำม้นตังอิ๊วแล้วไม่ได้สักร้านเนื่องจาก คนซื้อก็ไม้รู้ คนขายก็ไม่รู้ ว่าคือชะแล็ก ก็เลย ซื้อขายกันไม่ได้  กรุณาให้ความรู้ด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น kp (kp3460-at-hotmail-dot-co-dot-th)วันที่ตอบ 2013-08-07 14:10:17


ความคิดเห็นที่ 36 (2976627)
avatar
ตี๋เล็ก

 ขอบคุณบทความดีดี

ผู้แสดงความคิดเห็น ตี๋เล็ก (T__lex-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2013-08-12 10:48:44


ความคิดเห็นที่ 37 (4217112)
avatar
ศิวาการ

 ขอบคุณสำหรับ บทความดีๆครับ

ได้รับประโยชน์ และความรู้เรื่องงานเคลือบเยอะจิงๆ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ศิวาการ วันที่ตอบ 2021-01-28 12:57:14


ความคิดเห็นที่ 38 (4253681)
avatar
สุจันทร์รัตน์ เจริญผล

 งานไม้แกะสลัก ใช้ไม้จามจุรี เป็นงานตั้งโชว์ ิิควรใช่แว้กแบบไหนดีครับ

 
ผู้แสดงความคิดเห็น สุจันทร์รัตน์ เจริญผล วันที่ตอบ 2021-05-21 19:10:08


ความคิดเห็นที่ 39 (4255979)
avatar
ครูการงาน

 น้ำมันชักเงา คืออะไรคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ครูการงาน (areeya-dot-0507-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2021-05-28 22:40:56



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.