ขอตอบแบบไปรู้จำมานะครับ .. ตามความเข้าใจไม่ว่าจะไม้สักเกรด A ก็ควรทายาครับ เรียกได้ว่าเราควรพยายามป้องกันให้ได้มากที่สุด เพราะเราเดาใจท่านปลวกไม่ได้ครับ ดังนั้น เราก็เลยต้องหวังพึ่งเคมีที่มีอยู่ในไม้สัก (ซึ่งก็มีการหมดอายุ)  และเคมีที่เราทาเพิ่ม (ซึ่งก็มีวันหมดอายุ) และพึ่งความแข็งของเนื้อไม้ซึ่งปลวกดูเหมือนจะใช้ในการตัดสินใจว่าจะกินก่อนหรือทีหลังหนะครับ (ในจุดนี้ เข้าใจว่าปลวกชอบกินกะพี้ (สักสวนป่ามีกะพี้มาก) และสักสวนป่าคือสักอายุน้อย = ไม่แข็งเท่าสักเกรดที่แก่ีกว่า) เคยอ่านเจอ...มีคนบอกว่าเขาเอาสักสวนป่ามาหลอกสถาปนิกที่ต้องเลือกไม้ในงานก่อสร้าง โดยบอกว่าก็เป็นสักเหมือนกันปลวกไม่กิน..

ราคาโครงสักสวนป่าแถวบ้านผมอยู่แถวๆ 500 บาทต่อมัด ซึ่งในราคาประมาณนี้ผมเข้าใจว่าลองหาโครงตะแบก (600) ก็น่าจะเป็นที่ไม่ถูกใจท่านปลวกมากกว่า ไม่งั้นก็ต้องกระโดดไปหาสักเกรด A ...(750..) ครับ

ส่วนเรื่องหลังทริมขอบแล้วต้องทาน้ำยาไหม เนื่องจากการทาอะไรที่เป็นน้ำลงบนไม้หลังจากใส่กาวแล้ว ต้องดูครับว่าไม้นั้นถ้าโดนน้ำอีกจะมีการเปลี่ยนรูปร่างหรือไม่อย่างไร และมีผลกับกาวของเราด้วยไหม... ปกติเข้าใจว่าเมื่อเราลงน้ำยากับไม้ในตอนแรก ไม้มีการเปลี่ยนรูปร่าง (บวมน้ำขยายตัว และก็หดตัวเมื่อแห้ง) แล้วเรานำไม้นั้นมาแต่งให้ตรงแบนพร้อมสำหรับการประกอบ (น้ำยาแห้งอยู่ข้างในไม้แล้ว) แล้วจึงนำมาประกอบชิ้นงาน ซึ่งเราคงพยายามไม่ให้ไม้ต้องเจอน้ำหลังจากนั้นแล้วครับ (ถ้าไม่มากจนถึงขึ้นทำให้ไม้หรือกาวเปลี่ยนรูปก็ไม่น่าเป็นปัญหามั้งครับ คงต้องลองดู) เข้าใจว่าลงน้ำยาตั้งแต่ตอนแรกขั้นเดียวครับ

 ขอบคุณมากครับคุณ mole  ยังไงรบกวนถามอีกซัก2ข้อได้มั้ยครับว่าน้ํายากันปลวกเอาย่ีห้อไหนดีละก็ไม้MDF ต้องทาด้วยมั้ยครับ ขอบคุณครับ

ราคาโครงสักสวนป่าแถวบ้านผมอยู่แถวๆ หย่อน 400

มีโครงตะแบก กับสักเกรด A ราคาหย่อนด้วยไหมน้อ .. (สงสัยจริงๆแล้ว Pakae เป็นคนเอาไม้สักสวนป่ามาวางขายทำกำไรแถวบ้านผมแน่เลย) . .หุ หุ  ผมได้โครงตะแบกมา 3 มัดกองอยู่เป็นเดือนแล้วครับยังไม่ได้ลงมือทำอะไรต่อซะที ว่าด้อมๆมองๆสีของพี่อนุรักษ์ไว้ และก็รออาวุธให้ครบอีกชิ้นนึงจึงว่าจะลงมือทำงานต่อ แต่ที่ทำให้ไม่ยอมเริ่มจริงๆซะทีก็คือการทายากันปลวกก่อนนี่แหละแหะๆ

 น้ำยากันปลวก .. พอจะบอกคร่าวๆได้แต่กับของที่ใช้อยู่ครับ ผมลองใช้ Bora-care อยู่ครับ แต่ไม่ได้เอาไม้ไปปักดินล่อปลวกดูเลยไม่รู้ว่าจะได้ผลดีจริงตามข้อมูลที่ได้รับมาหรือเปล่าหนะครับ ตอนที่ค้นหายา ผมพยายามหาตัวที่มีอันตรายกับผู้ใช้น้อยๆหนะครับ (ไม่ได้เรียนเคมีมาเลยกลัวเป็นพิเศษ) หาไปหามาก็มาเจอตัวนี้ เอาเป็นว่าข้อมูลที่ได้มาถ้าจำไม่ผิดนะครับ คือมีความเป็นอันตรายเท่าๆกับเกลือ มีการผลิตมาให้มีความสามารถในการซึมลึกเข้าเนื้อไม้ (ไม่รู้พิเศษกว่าของทั่วไปที่เขาใช้กันหรือเปล่า) มีฤทธิ์ในการต่อต้านปลวกน้อยประมาณ 12 ปี.. ตอนนั้นซื้อมา 1 US แกลลอน ประมาณ 3.5 ลิตรมั้ง ... 3200 บาท 2-3 ปีมาแล้วหนะครับ.. ซื้อจากบริษัทแถวสวนหลวง ร.9 ถ้าจำไม่ผิด www.boracarethai.com คนที่บริษัทที่เคยคุยด้วยให้ความรู้ในเรื่องการต่อต้านปลวกดีมากครับ เขาโทรมาคุยยาวเลย ส่วนของยี่ห้ออื่นๆยังไม่เคยลองครับต้องรอพี่ๆแถวนี้มาตอบ ของผมยังเหลืออยู่ครึ่งถัง เลยยังไม่ได้ไปลองตัวอื่น

 ตัวน้ำยาเป็นเหมือนเยลหนืดๆใส ต้องเอามาผสมน้ำตามสัดส่วนว่าจะให้ต่อต้านผู้บุกรุกพันธุ์ไหน การทาปกติจะทา 2 รอบ โดยปล่อยไว้ให้แห้งก่อนทารอบต่อไป ตัวน้ำยาจะสิงสถิตอยู่ในไม้ไปอีกนานตราบเท่าที่เราไม่ทำให้น้ำซึมเข้าไปมากจนดันเอายาออกมา การนำไปใช้ ปกติแนะนำว่าี่ควรจะใส่ยาลงบนชิ้นงานด้านที่ติดผนัง ไม่เจอแดด ซึ่งเป็นด้านที่ปลวกมา สัดส่วนในความเข้มข้นก็ให้เข้มข้นหน่อยสำหรับด้านที่ปลวกชอบบุก และเจือจางลงมาในด้านที่เปิดโล่ง.. (อันนี้เผอิญไปถามเผื่อทาเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินของเก่าที่มีการติดตั้งในบ้านมานานแล้วครับ ซึ่งก็ได้ความรู้เฟิ่มมาว่า ถ้าจะต้องทายาลงบนพื้นผิวแนวตั้ง (อันนี้หลุดจากเรื่องการลงน้ำยาที่ไม้โครงแล้ว) ก็จำเป็นต้องใช้การฉีดน้ำยาในแบบโฟมเพื่อให้โฟมเกาะอยู่ที่เนื้อไม้แล้วน้ำยาจะได้ค่อยๆซึมเข้า .. $$$++)  blah blah blah.... ประมาณนี้มั้งครับ 

ส่วนเรื่อง  MDF ผมก็มิได้ใช้หนะครับเดี๋ยวรอความเห็นจากผู้ใช้ท่านอื่นๆดีกว่า  จากการค้น มีกระแสบอกว่าปลวกไม่ชอบกินไม้ที่มีสัดส่วนของกาวมาก MDF เป็นไม้ป่นที่ถูกนำมาประสานแล้วบีบอัด ... ประเด็นคือในขั้นตอนการผลิตทางโรงงานสามารถใส่เคมีต่อต้านแมลงเข้าไปได้ (พึ่งรู้ว่าไม้อัดก็มีแบบที่มีการใส่เคมีเช่นกัน (tr) ดังนั้นคงต้องถามทางโรงงาน MDF ที่เราใช้ว่าในขั้นตอนการผลิตมีเคมีต่อต้านปลวกอยู่แล้วหรือเปล่าหนะครับ 

 ขอบคุณคุณ mole อีกครั้งครับ ได้ความรู้เพ่ิมข้ึนมากเลยครับ เด่วคงต้องลองไปซ้ือมาใช้ดูบ้าง

ส่วนไม้โครงสักจ้อย ผมซ้ือมา 440 ครับ ใจจริงอยากได้ตะเเบกเเต่หาไม่ได้ครับ