ReadyPlanet.com


เทคนิคการทำงานเป็นทีมให้สำเร็จที่นิยมใช้กันมาก
avatar
Admin




ผู้ตั้งกระทู้ Admin กระทู้ตั้งโดยเว็บมาสเตอร์ :: วันที่ลงประกาศ 2008-08-26 12:39:46


1

ความคิดเห็นที่ 1 (1296051)
avatar
สันติภาพ

ภาพนี้ท่านคิดเห็นเป็นอย่างไร

 

ผมเคยเอาไปให้หลายๆคนดู

 

แล้วถามว่าคิดอย่างไร

 

เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สันติภาพ วันที่ตอบ 2008-08-26 12:48:46


ความคิดเห็นที่ 2 (1296154)
avatar
สุทิน

มอง จาก ภาพ แล้ว ..... คุ้น ๆ กับ ที่ เห็น ใน เมือง ไทย ..... จึง เกิด ความ คิด ขึ้น มา ว่า ....  แท้ จริง แล้ว ... งาน เสร็จ ... งาน เดิน ... ไม่ ได้ เกี่ยว กับ ว่า มี คน มาก คน น้อย เลย ....  แต่ เกี่ยว กับ ว่า มี คน ลง มือ ทำ งาน จริง ๆ กี่ คน ต่างหาก .....

ทำงาน ทั้ง วัน ได้ พัน ห้า ....  เดิน ไป เดิน มา ได้ ตั้ง ห้า พัน .....

ผู้แสดงความคิดเห็น สุทิน วันที่ตอบ 2008-08-27 08:22:46


ความคิดเห็นที่ 3 (1296214)
avatar
pk

ผู้จัดการทำอะไร
คำถามสั้นๆ ข้อนี้ต้องการคำตอบที่ยาวพอสมควร

 

คนส่วนใหญ่ได้รับการโปรโมตให้เป็นผู้จัดการ เพราะว่าเขาทำงานเก่ง ขยัน รับผิดชอบสูง มุ่งมั่นทำงานให้สำเร็จ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มองไปข้างหน้าแล้ววางแผนอย่างดี


เราโปรโมตคนเก่ง แล้วคิดเอาเองว่าเขาคงเป็นผู้จัดการที่เก่งด้วย ส่วนใหญ่ไม่เป็นอย่างนั้น

หากเราไม่เตรียมความพร้อมแล้ว ผู้จัดการมือใหม่มักตกหลุมพรางเหล่านี้

1.แยกแยะไม่ออกว่าบทบาทพนักงานกับผู้จัดการแตกต่างกันอย่างไร ผู้จัดการคือการทำงานผ่านคนอื่น พนักงานคือการทำงานด้วยตนเอง หากไม่แนะนำเขา เขาก็จะสรุปเอาเองว่าเขาได้รับการโปรโมตเพราะทำงานหนัก เขาก็จะทำงานหนักขึ้นไปอีก

2.คนเก่งมักคิดว่าคนอื่นขยันทุ่มเทและรับผิดชอบแบบตน ที่จริงแล้วองค์กรมีคน 3 ประเภท คือ กลุ่ม A พวกรับผิดชอบสูง 10-20% กลุ่ม B คือ พวกปานกลาง 60-70% และกลุ่ม C คือ พวกที่เหลือ ผู้จัดการมือใหม่มักบ่นกับพวกกลุ่ม B และ C ว่า ตอนผมเป็นพนักงานไม่เห็นจะต้องให้ใครมาสอน ดังนั้นพวกคุณก็น่าจะเป็นแบบนั้น เรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ต้องสอน ไม่ต้องชี้แนะอะไร เพราะผู้จัดการมือใหม่ไม่ตระหนักถึงการกระจายตัวของบุคลากรดังกล่าว

3.กลัวที่จะมอบหมายงาน เมื่อเป็นผู้จัดการใหม่ๆ เขาจะมอบหมายงาน และอาจจะสื่อสารไม่ชัดเจน เพราะเข้าใจเอาเองว่าคนอื่นน่าจะเข้าใจ (แบบตนเอง) คนรับมอบหมายงาน ก็ทำงานออกมาไม่ดี เขาก็ต้องกลับมาแก้ไขงานลูกน้อง หนักๆ เข้าทำเองดีกว่าเกือบทุกเรื่อง ในที่สุดงานก็ถาโถมมาที่ผู้จัดการ แทนที่จะบริหารงานและบริหารคน ผู้จัดการก็ยุ่งกับการทำงาน

ผู้จัดการรับผิดชอบกับผลสำเร็จของงานในหน่วยงานตน ซึ่งต้องมีการวางแผน และติดตามประเมินผล

การวางแผนครอบคลุมไปถึง

วางแผนเรื่องอัตรากำลังให้เหมาะกับงาน ต้องใช้อัตราเท่าไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ต้องจัดสรรทรัพยากรอะไร เท่าใด ให้สำเร็จ

ต้องมีการปรับเปลี่ยน และเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

องค์กรมีพลวัตไม่หยุดนิ่ง ผู้จัดการต้องริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม ผู้จัดการต้องริเริ่ม ติดตามผล และปรับแผน

ผู้จัดการต้องประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา มีเครื่องมือชนิดหนึ่งเรียกว่า 7-S Framework ซึ่งจะช่วยผู้จัดการประเมินสถานการณ์ได้

7-S Framework เป็นของบริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง McKinsey เขาแนะนำว่า ในการวิเคราะห์องค์กรนั้นมีปัจจัย 7 ตัวที่จะต้องสอดประสานกันเพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุแผนยุทธศาสตร์ได้

เครื่องมือนี้ แต่เดิมได้ถูกกล่าวอ้างในหนังสือ The Art of Japanese Management by Richard Pascale และ Anthony Athos ในปี ค.ศ. 1981 ซึ่งผู้เขียนได้วิเคราะห์ว่า ในตอนนั้นทำไมบริษัทญี่ปุ่นจึงประสบความสำเร็จ ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น Tom Peters และ Bob Waterman ซึ่งในขณะนั้นเป็นที่ปรึกษาที่บริษัท McKinsey ได้ศึกษาว่าบริษัทอเมริกันที่ประสบความสำเร็จมีแนวทางอย่างไร พวกเขาก็เอาแบบจำลอง 7-S มาใช้ในการวิเคราะห์ จนกระทั่งเป็นหนังสือชื่อดังในปี ค.ศ. 1978 ชื่อ In Search of Excellence

7-S มีอะไรบ้าง

Shared Values, Strategy, Structure, Systems, Staff, Style และ Skills

เราลองมาดูนิยามของแต่ละตัวกัน

Shared Values คือ ค่านิยมร่วมขององค์กรหรือหน่วยงานนั้นๆ ด้วยการตอบคำถามง่ายๆ ว่า องค์กรนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร และองค์กรมีค่านิยมร่วม หรือมีปรัชญาในการดำเนินงานว่าอย่างไร

Strategy ยุทธศาสตร์ คือ ตัวที่จะมากำหนดว่าองค์กรจะจัดสรรทรัพยากรขององค์กรที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นเพื่อใช้ในกิจกรรมอะไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ว่า สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร คู่แข่งคือใครและมีกลยุทธ์อย่างไร ใครเป็นลูกค้า และเขาคาดหวังอะไร

Structure องค์กรควรจะจัดโครงสร้างองค์กรในลักษณะใดที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสามารถจะแข่งขันได้ในสิ่งแวดล้อมที่องค์กรดำรงอยู่ การจัดองค์กรมีหลายทางเลือก จะจัดแบบลำดับขั้นเป็นกล่องๆ แบบทั่วไป หรือแบนราบ หรือจัดแบบ Matrix ที่มีสายงานบังคับบัญชาที่มากกว่าหนึ่งราย

Systems กระบวนการ ขั้นตอน การไหลเวียนของงาน ควรจะเป็นแบบไหน และระบบสนับสนุนต่างๆ ที่จะมารองรับการทำงานควรจะเป็นแบบใด

Staff บุคลากรควรมีลักษณะความเชี่ยวชาญแบบใด และควรมีจำนวนเท่าใด

Style วัฒนธรรมองค์กรควรเป็นแบบไหน ผู้บริหารควรมีปฏิสัมพันธ์กันในลักษณะใด

Skills ทักษะ และศักยภาพของบุคลากรในองค์กรควรจะต้องเป็นอย่างไร

7-S จะช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ว่ามีองค์ประกอบข้อใดบ้างที่อาจจะไม่สอดคล้องกับการบริหารธุรกิจ และควรปรับเปลี่ยนอย่างไร โดยที่คำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่หลากหลาย

ผู้จัดการจะเก่งได้ต้องใช้เวลา ไม่ใช่เก่งภายในข้ามคืน!
 

ผู้แสดงความคิดเห็น pk วันที่ตอบ 2008-08-27 12:53:04


ความคิดเห็นที่ 4 (1296231)
avatar
สุทิน

ขอโทษ ...  คุณ pk    [ความเห็นที่ 3]

นี่ มัน ... ห้อง ...  "เลี่ยงวิชาการ"  นะ คร๊าบ บ ... บ .. บ ...... ( แซวเล่น .... ห้าม โกรธ ....)

ผู้แสดงความคิดเห็น สุทิน วันที่ตอบ 2008-08-27 13:28:19


ความคิดเห็นที่ 5 (1296251)
avatar
pk

ขออภัยครับ ไม่รู้ว่าจะเอาไว้ห้องไหน เอานี่แหละ เดี๋ยวจะลองแจ้งเพิ่มห้อง วิชาการที่ไม่เกี่ยวกับไม้ น่าจะดีนะขอรับกระผม

ผู้แสดงความคิดเห็น pk วันที่ตอบ 2008-08-27 15:23:24


ความคิดเห็นที่ 6 (1296252)
avatar
Team Work ..... ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น Team Work ..... ค่ะ วันที่ตอบ 2008-08-27 15:24:46


ความคิดเห็นที่ 7 (1296270)
avatar
top27

55555

ผู้แสดงความคิดเห็น top27 วันที่ตอบ 2008-08-27 18:28:28


ความคิดเห็นที่ 8 (1296320)
avatar
สันติภาพ

รูปนี้ ถูกต้องแล้วครับ

เป็นอย่างนี้ละ

และก็เป็นเช่นนั้นด้วยครับ

สามารถแบ่งได้ดังนี้

1. ถ้าคนที่ขุดเป็นคนงานขุด

  ทุกคนที่มายืนดูก็ไม่มีหน้าที่ที่ต้องมาขุด เขาต้องทำหน้าที่เขา

     - ผู้บริหาร ก็คงมีหน้าที่บริหาร มีคำสั่งให้ทำงานนี้

    - engineer ก็ต้องออกแบบว่าทำอย่างไร

    - ผู้ควบคุมงานก็ดูแบบ แล้วแจ้งให้คนงานทำงาน ควบคุมการขุด

    - จัดชื้อก็ชื้อของที่ต้องใช้ในงานนี้

และ คนอื่นๆ อีกก็ไม่มีหน้าที่ที่ต้องขุด

 

ยืนดูก็ถูกแล้ว

ถ้าคนที่ขุดตำแหน่งเดียวกันกับคนยืนดู

   ก็ถือว่าเป็นการทำงานเป็นทีมที่ไม่น่าดู

แต่ที่ยืนดูก็หลายๆตำแหน่งปะปนกัน

 ถ้าคนที่ขุดอาจจะมีตำแหน่งเดียวกันกับคนที่ยืนดูคนใดคนหนึ่ง ก็เห็นว่ามากัน 2 คน แสดงว่าคนที่ขุดไม่ใช่คนงานขุด 

ผู้ควบคุมงานต้องรับผิดชอบใช้คนผิดประเภท

  

 

จะเห็นว่า ใครมีหน้าที่อย่างไร ก็ต้องทำหน้าของตน  (นี้คือในโลกของการทำงานครับ)

  

   

ผู้แสดงความคิดเห็น สันติภาพ วันที่ตอบ 2008-08-28 08:15:02


ความคิดเห็นที่ 9 (1296322)
avatar
pk

ผมเคยมีประสบการณ์นึงมาเล่าให้ฟัง

ผมเป็น IE(Industrail Engineer)ที่โรงงานแห่งหนึ่งจบมาใหม่ๆ ทำงานดีขยัน ลุย ไม่นานนักผู้บริหารก็เลื่อนให้เป็น Manager ผมด้วยความเป็นคนหนุ่มก็ยังทำเหมือนเดิม ลุย ทำแบบเดิมๆ วันนึงขณะที่ผมกำลังง่วนอยู่กับหน้างาน ผู้บริหารคนเดิม (ซึ่งเขาก็ชอบนิสัยผมเป็นการส่วนตัว)เดินมาข้างๆกระซิบเบาๆว่า

MD : "เฮ๊ย! ผมมีอะไรจะบอกคุณว่ะ ผมคิดว่าเมื่อเดือนที่แล้ว ผมเสียวิศวกรเก่งๆไปคนนึง แต่ผมได้ ผจก.ห่วยๆมา1คนว่ะ"

เห่อๆ ต่อจากนั้นก็โดนส่งไปอบรม ยาววว หัวโขนที่ใส่ก็ต้องไปตามหัวโขน เด้อขรับเด้อ!

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น pk วันที่ตอบ 2008-08-28 09:01:22


ความคิดเห็นที่ 10 (1296382)
avatar
จ๊อด

ผมก็เห็นด้วยกับคุณสันติภาพนะครับ... แต่ละคนแต่ละหน้าที่ ย่อมมีบทบาทและหน้าที่แตกต่างกัน และความชำนาญในแต่ละตำแหน่งก็แตกต่างกันด้วย... ผมเคยห็นบริษัทหนึ่งเอาเจ้าหน้าที่บัญชีไปลองขายของ โอโห...นรกชัดๆ สุดท้ายพวก sales ต้องบอกว่าพี่อยู่หลังบ้านต่อไปเถอะครับ อยากออกมาไล่แขกผมเลย ฮ่าๆ (จริงๆ เขาอยากให้แต่ละหน้าที่เข้าใจสภาพการทำงานของอีกแผนก ซึ่งก็ค่อนข้างได้ผลนะ)

เพราะฉะนั้นแต่ละคนควรจะเข้าใจบทบาทและหน้าของตัวเองให้ชัดเจน ว่าหน้าที่และความรับผิดชอบของคุณคืออะไร....อย่าเปรียบเทียบกับใคร ให้เปรียบเทียบกับตัวเอง... ว่าคุณทำหน้าที่ของคุณเต็มที่หรือยัง....

บางคน อาจจะมองว่าผู้บริหาร วันๆ ไม่เห็นทำอะไรเลย... มีแต่ออกงาน ตี golf นั่งหัวโต๊ะสั่งโน้น สั่งนี่ จริงๆ แล้วนั้นแหละครับคือหน้าที่บางส่วนของผู้บริหารในการสร้าง connection และสร้าง Image ให้กับองค์กร....

แต่ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าผู้บริหาร สำคัญที่สุดในองค์กรนะ... มันก็เหมือนร่างกายคนละครับ มีสมอง แต่ขาดแขนขา คิดได้แต่ไปไหนไม่ได้.... มีสมองแต่ไม่มีหัวใจ..  ก็คงไม่ได้หัวใจลูกน้องเหมือนกัน.....

 

ผู้แสดงความคิดเห็น จ๊อด วันที่ตอบ 2008-08-28 15:35:51


ความคิดเห็นที่ 11 (1296536)
avatar
สุทิน

ผม ขอ อนุญาต เห็น ต่าง ไป จาก ทุก ท่าน ...นะ ครับ

โดย ส่วน ตัว .... ผม มอง ไป ว่า ..... เป้า หมาย ของ "ทีม งาน"  คือ  ผลงาน ที่ สำเร็จ ....  ตาม กำหนด เวลา ....

ผม จะ ไม่ ถือ ตัว ว่า ... ผม อยู่ ใน ตำแหน่ง   Executive ... Director ... Manager ... Engineer ... หรือ Supervisor ........ หาก ผม มี กำลัง หรือ ความ สามารถ พอ ที่ จะ ทำ ได้ .... และ ขณะ เวลา นั้น ... ผม ก็ ว่าง ๆ ...ไม่มี อะไร จะทำ ... นอก จาก ยืน หรือ นั่ง ดู คน ใน ตำแหน่ง "กู" ทำงาน คนเดียว ..... ผม จะ ลง ไป ช่วย เลย ครับ .... ดี กว่า  มา เร่ง งาน เอา ตอน ปลาย ๆ ... ใกล้ ๆ จะ ส่ง มอบ งาน กัน แล้ว .....  งาน จะได้ เสร็จ ก่อน หรือ ทัน เวลา ที่ กำ หนด .......

และ ผม ก็ มี ความ คิด ว่า ... การ ที่ ระดับ ผู้บริหาร ลดตัว ลงไปทำงาน เคียงบ่า เคียงไหล่ กับ คนงาน ระดับล่าง บ้าง ... เป็น บางโอกาส ........ จะเป็นการ บำรุงขวัญ ให้กับ คนงาน ระดับ "กู"  นี้ ... และ จะได้ รับ ทราบ ถึง ปัญหา ระดับ รากหญ้า เลย ว่า เขา ทำงาน ลำบาก เพียงใด ? ... พบ กับ อุปสรรค อะไร บ้าง ?.... จะได้ เห็นใจ พวกเขา ....แบ่งปัน รายได้ ... กำไร ... ให้ พวกเขา บ้าง .... เฉลี่ย ความสุข ความสบาย ให้ พวกเขา บ้าง .....

ไม่มี พวกเขา มา "ช่วย งาน" ....งาน จะ "สำเร็จ" ...และ  พวกเรา จะ "สบาย" ได้ อย่าง นี้ ... หรือ ?

เพื่อ ที่สุด ....  โดย รวม ... ก็ จะได้ มี ความสุข ... คุณภาพชีวิต ... ความเป็นอยู่ ... ที่ ดีขึ้น ถ้วนหน้า กัน .... ครับ   

ผู้แสดงความคิดเห็น สุทิน วันที่ตอบ 2008-08-29 19:20:11


ความคิดเห็นที่ 12 (1401491)
avatar
pongcop

ไม่น่ามายืนบังลมเลย คน(กู)จะทำงาน ร้อนก็ร้อน

ผู้แสดงความคิดเห็น pongcop ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-12-18 11:41:23



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.