ReadyPlanet.com


รีวิว TOP GUN: MAVERICK
avatar
teetad


 ดูหนังออนไลน์

รีวิว TOP GUN: MAVERICK

9.8/10

ดูจบแล้วอยากขับเครื่องบินเลย 555+

หนังภาคต่อที่ยอดเยี่ยม ยกระดับทุกอย่างจากภาคแรก

ให้ทุกอย่างที่คาดหวัง แถมทำได้ดีกว่าที่คาดอีกต่างหากผ่านไป 36 ปี นับตั้งแต่ภาคแรก Top Gun (1986) หนังที่หลายต่อหลายคนไม่คิดว่ามันจะมีภาคต่อก็ได้คลอดออกมาในชื่อ Top Gun: Maverick (2022) พร้อมด้วยการกลับมาของ Pete "Maverick" Mitchell ที่แสดงโดย Tom Cruise มาในคราวนี้เขากลับมาในฐานะครูฝึกสอนโรงเรียน Top Gun เพื่อเตรียมฝึกเหล่าทหารระดับหัวกระทิ ไปทำภารกิจเสี่ยงอันตรายที่ไม่มีช่องว่างให้ความผิดพลาด เพราะนั่นหมายถึงชีวิต

แน่นอนว่าภาคต่อหนังตำนานขนาดนี้ ผ่านมา 36 ปี ย่อมเกิดความคาดหวังแน่นอน แต่! มันทำได้ถึงทุกความคาดหวังของเราเลย แถมยังทำได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้มาก ๆ มันคือภาคต่อที่ควรค่ากับคำว่าภาคต่อจริง ๆ ยกระดับทุกอย่างจากภาคแรก อะไรที่มันดีอยู่แล้ว ก็ยังทำได้ดียิ่งขึ้นเข้าไปอีก

ส่วนดีต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย เริ่มตั้งแต่ตัวเนื้อเรื่องที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย คนที่ไม่เคยดูภาคแรกมาก่อนก็เข้าใจได้ไม่ยาก ตัวหนังมีการกล่าวถึงเยอะอยู่ แต่ถ้าดูมาก่อนจะอินกว่า บทพูดเท่ ๆ ก็ยังมี, แนวทางการดำเนินเรื่องที่เหมือนกับภาคแรกเลย ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี มันยึดแนวทางเล่าเรื่องแบบเดิมแต่ยังไม่น่าเบื่อ แถมยังเป็นการเซอร์วิสแฟน ๆ ของหนังภาคแรกกลาย ๆ ด้วย, อีกทั้งฉากโรแมนซ์ของภาคนี้ที่พอหอมปากหอมคอ แต่เรียกรอยยิ้มได้เช่นเดิม, และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือฉากขับเครื่องบินที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์เลย ในภาคนี้มันดูสมจริงขึ้น อาจจะเพราะมีฉากที่นักแสดงขับกันเองจริง ๆ ด้วย เราได้เห็นดีเทลรายละเอียดต่าง ๆ ชัดเจนขึ้นกว่าภาคแรกเยอะมาก ทั้งใน cockpit ที่กว้างขึ้นเห็นท้องฟ้าดูสมจริงขึ้น ได้ยินเสียงหายใจของคนขับ สีหน้าต่าง ๆ ที่ชัดเจนมาก, พาร์ทของภารกิจก็ลุ้นระทึกจิกเบาะกันเลยทีเดียว แค่ฉากขับเครื่องบินไปมาก็เพลินแล้วอะ รวมถึงฉาก Dog fight ที่โคตรมันส์ การดีไซน์แอ็คชันบนเวหาทำได้สนุกมาก นับว่าเป็นฉากแอ็คชันไร้ที่ติการถ่ายทำในเรื่องนี้นับว่ายอดมาก ชื่นชมทีมงานทุกคนเลย เริ่มตั้งแต่การติดกล้องใน cockpit จับสีหน้า ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าในภาคแรกทำยังไง แต่ในภาคแรกนั้นเราจะเห็นสีหน้านักแสดงแบบ ecu เสียส่วนมาก ดูหนังออนไลน์ ฟรี

จังหวะตัดต่อตอนขับเครื่องบินมันเลยจะดูโดด ๆ ไปบ้าง เพราะเราไม่เห็นรายละเอียดข้างนอกเลย แต่พอมาเป็นภาคนี้ เราจะเห็นฉากต่อฉากการเชื่อมโยงของแบ็คกราวที่ส่งอารมณ์คนดูได้อย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยการที่ต้องใช้เครื่องบินจริง ๆ ตามเก็บภาพต่าง ๆ นอกเครื่องกลางอากาศด้วย รวมถึงทีมงานภาคพื้นดินที่ต้องจับภาพเหล่าเครื่องบินจากบนพื้นให้ทันเช่นกัน นับว่าเป็นการถ่ายทำที่สุดยอดจริง ๆ

ทางด้านนักแสดงถือว่าทำงานกันหนักมาก พวกเขาต้องเข้าฝึกสภาพร่างกาย จิตใจและฝึกบินกันจริง ๆ เป็นเวลากว่า 3 เดือน และต้องชื่นชม Tom Cruise จริง ๆ ที่อายุปาเข้าไปเลข 6 แล้วยังจะกล้าบ้าบิ่นขับเครื่องบินเองจริง ๆ อีก แถมยังคงคาแรคเตอร์ตัวละคร Pete "Maverick" Mitchell เอาไว้ได้ ที่ถ่ายทอดมันออกมาในรูปแบบที่ดูโตขึ้นแต่ยังไว้ลายความเป็นตัวละครนี้แบบในภาคเก่าได้อย่างดี ส่วนตัวละครอื่น ๆ ก็รับผิดชอบหน้าที่ตัวเองได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ตัวละครจะเด่น ๆ ไม่กี่ตัว แต่ก็มีคาแรคเตอร์ชัดให้น่าจดจำได้เช่นกัน และสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือตัวละครของ Jennifer Connelly ที่มาในบท Penny Benjamin เข้าใจว่าทำไมเลือกเปลี่ยนบทนางเอกนะ นั่นก็เพราะเรื่องของหน้าตาต้องหาตัวนักแสดงที่อายุใกล้เคียงกันและยังหน้าตาดูดีเทียบเคียง Tom Cruise ได้ด้วย ซึ่งนางเอกเก่าอย่าง Kelly McGillis ตอนนี้ก็แก่เกินไป เลยเลือกที่จะหยิบนำตัวละครลูกสาวนายพลที่ Maverick หักอกไว้ในภาคแรกมาสานต่อในภาคนี้ เลยเอา Connelly มารับบท และเลือกที่จะสานต่อตัวละครนี้ได้อย่างชาญฉลาด

ด้านเสียงประกอบ นี่เราดูในโรงปกติ ยังรู้สึกว่ากระหึ่มและทำได้ดี นี่ถ้าดูในโรงอย่าง IMAX ต้องกระหึ่มกว่านี้และมีเก้าอี้สั่นกันบ้างอะ เพลงประกอบที่คุ้นเคยในภาคแรกก็มีมาให้คิดถึง รวมถึงดนตรีแต่ละฉากก็เข้ากับสถานการณ์ขับอารมณ์ของเรื่องได้เป็นอย่างดี

สรุปแล้ว Top Gun: Maverick เป็นหนังที่เราประทับใจมาก ดีงามทุกส่วน ยกระดับในทุกแง่ของภาคแรกอาจจะมีติดเรื่องพาร์ทดราม่าระหว่างตัวละคร Maverick กับลูกของ Goose นิดนึง มันคลี่คลายง่ายไปและประเด็นมันน่าจะแรงกว่านี้ได้อีกหน่อย กับเรื่องบางตัวละครที่เกี่ยวข้องกับ Maverick นอกเหนือจากนั้นดีงามมากทุกส่วนจริง ๆ เว็บดูหนัง



ผู้ตั้งกระทู้ teetad (teetad131-at-gmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2022-08-03 13:05:05


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.