ทำโครงสร้างเสร็จแล้วก็ถึงขั้นตอนการขัดเก็บงานด้วยเครื่องขัด 2 ตัว คือเครื่องขัดกระดาษทรายกลม Dewalt และเครื่องขัดกระดาษทรายเหลี่ยมผืนผ้าของ  Makita อีกหนึ่งตัวสลับกันไปจะได้สลับกันพักบ้าง เป็นการขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ 80 และ 120 ส่วนที่เครื่องเข้าไม่ถึงก็ใช้ขัดด้วยมือ
        ระหว่างทำงานก็มีตัวยุ่งชื่อ Messi เหมือนนักบอลเลย เป็นพันธุ์ miniature schnauzer  ที่ผมชอบขนาดที่สร้างเว็บให้ความรู้สำหรับสุนัขพันธุ์นี้ที่เป็นภาษาไทยไว้เมื่อ 14-15 ปีก่อน ท่านที่สนใจก็สามารถเข้าไปศึกษได้นะครับ (www.myminischnauzer.com) ที่คอยโผล่หน้ามาดูผมตลอดเวลาว่าทำอะไรอยู่ จะต้องตามติดไม่ว่าจะไปไหน คิดว่าเขามาช่วยให้กำลังใจแล้วกันครับจึงพาเขาเข้ามาเป็นนายแบบถ่ายรูปคู่กับชิงช้าของผมแล้วกัน ซึ่งปกติโรงรถและ Workshop นี้จะเป็นพื้นที่ต้องห้ามที่ไม่ให้เขาเข้ามาไม่ว่าเวลาใด เนื่องจากเกรงว่าอาจเกิดอันตรายกับเขาได้ทั้งจากโดนรถทับ หรือจากเครื่องมือต่างๆ (ซึ่งหากไม่อนุญาตเขาจะไม่กล้าเข้ามาในพื้นที่นี้ครับ) 

       กลับมาที่งานอีกครั้งครับ ซึ่งตอนนี้ผมเองก็ยังชั่งใจอยู่ว่าจะอุดหัวสกรูด้วยกาว epoxy ผสมกับฝุ่นไม้ที่ได้จากถุงเก็บฝุ่นของเครื่องขัดที่ผมเก็บไว้ดีหรือไม่ และก็ยังเหลือขั้นตอนการขัดละเอียดเก็บงานก่อนลง Teak Oil และเจาะรูร้อยโซ่เท่านั้น น่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้าจะได้เริ่มโครงงานใหม่เสียทีแล้วครับ

      *** วันนี้เห็นข่าวประชาสัมพันธ์ที่แสนเศร้าว่า จะมีงาน คุยจ้อ .... คองานไม้ครั้งที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 9 มี.ค.  2556 ซึ่งบังเอิญไปตรงกับวันที่ ผบ.ได้แจ้งผมไว้ตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. แล้วว่าจะไปออกร้านขายของงาน Bartercard ที่หลักสี่ วันเดียวกันเลยกับงานคุยจ้อฯ (อีกแล้ว) ทำไมนะงานนี้มันมีอาถรรพ์สำหรับผมจริงๆเลยนะเนี่ย ใจตรงกันเป็นปี่ที่ 2 แล้วทำให้ไม่ได้ไปอีกแล้ว ฮึ่มๆ ***

      ผมขัดด้วยเครื่องขัดกระดาษทราย แล้วลง Teak Oil รอบแรกไปแล้วครับ จากนั้นก็รอข้ามคืนเพื่อให้ไม้มันดูดซึมน้ำมันเข้าไปในเนื้อไม้ก่อน เมื่อแห้งแล้วจะลงทับอีกสัก 2-3 เที่ยว เพราะมันต้องตากแดดตากฝนในสนามหญ้า ทำให้ต้องลงหลายๆรอบหน่อยครับ
      นอกจากนี้แล้วก็ยังคงต้องทาใหม่อีกทุกๆ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย เหมือนม้านั่งสนาม ซึ่งผมก็ได้ทาใหม่ไปอีกรอบแล้วครับ เพราะเห็นมันโดนแดดจัดๆทั้งวัน ทาไว้แค่ 3 เดือน ก็ซืดแล้วครับ แต่เมื่อทาใหม่แล้วดูมันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตาเลย ผมชอบไม้ที่ทาด้วย Teak Oil เพราะมันดูเป็นธรรมชาติดี

เจาะรูยึดน๊อตแขวนโซ่สำหรับแขวนชิงช้าทั้ง 2 ข้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะเอากลับไปแทนตัวเก่าแล้วครับ

SEASON 4:

EPISODE 7: เก่าไป.... ใหม่มา....

       หลังจากเก็บงานเล็กน้อยๆแล้ว ก็เลยจัดเอาตัวเก่ามาเปรียบเทียบถ่ายรูปเป็นที่ระลึกวาระสุดท้ายของการเป็นชิงช้า เพราะผมตั้งใจแล้วว่าคงจะตัดมันเอาไปทำรั้วต้นไม้เตี้ยๆแล้วพ่นสีขาวเพื่อประดับสวนจนกว่ามันจะผุพังไปเอง
       ผมนึกว่าชิงช้้าใหม่แค่รอทา Teak Oil อีก 2-3 เที่ยวก็น่าจะจบงานแล้วเชียว แต่ที่ไหนได้ไปขัดขาค้ำยันก่อนทาด้วย Teak Oil เพราะเห็นมันโดนแดดโดนฝนจนซีด กลับพบว่าขาข้างหนึ่งผุไปแล้ว  ทำให้คิดว่าคงจะต้องเปลี่ยนขาข้างที่ผุด้วยให้เรียบร้อยก่อน โดยจะใช้ไม้เต็งหน้า 3-1/2 x 1-1/2 นิ้วที่อยู่ในสต๊อกมาทำ

       ในที่สุดผมก็ยังไม่ได้เปลี่ยนขาชิงช้า ลองเอาไปแขวนดูก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าผมไม่ได้ลืมอะไร เผื่อขาดเหลืออะไรจะได้แก้ไขก่อน เมื่อแขวนดูแล้วท่าทางผมจะต้องเปลี่ยนขาและย้อมสีให้ใกล้เคียงกับสีของม้านั่งชิงช้า หรือไม่ก็ต้องไปซื้อไม้แดงมาทำขาใหม่ เพราะ ผบ. บอกว่าสีไม่เหมือนกัน 555  ชิงช้าที่ทำขึ้นใหม่ทำให้ผมประหยัดเงินไปได้อีก 13,000 บาท (เมื่อไม่ต้องซื้อใหม่โดยเสียค่าไม้และสกรูไปประมาณ 4,000 บาท แถมยังได้ไม้แดงที่ดีกว่าไม้อะไรก็ไม่รู้ที่เขาทำมาขายใช้ได้ไม่ถึง 3ปีก็ผุหมดแล้ว)
       งั้นเอาไว้รอให้ Teak Oil ที่ทาไว้แห้งดีก่อน แล้วค่อยมาว่ากันใหม่ครับ ขอเวลาไปทำโครงงานที่มันเป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้เข้ามาสู่การจับงาน DIY งานไม้ในที่สุดก่อนครับ

SEASON 5:

EPISODE 1: แรงบันดาลใจ

      จุดเล็กๆที่ทำให้ผมมาสนใจงานไม้ เพราะต้องการที่จะทำสิ่งที่ได้พบเห็นมันมาแล้วประทับใจด้วยตัวของผมเอง เนื่องจากเห็นว่ามันไม่น่ายากเกินไปที่จะทำได้ ทำให้ผมเข้ามาศึกษาหาความรู้  และพัฒนาฝีมือตนเองทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความชำนาญมากขึ้น เมื่อเข้ามาแล้วจากสิ่งเล็กๆเพียงนิดเดียว ก็ไม่คิดว่างานไม้มันมีเสน่ห์ทำให้ผมหลงไหลจนถอนตัวไม่ขึ้นเลยจริงๆ มันสนุก ได้ใช้ความคิดแก้ปัญหา ได้ความคิดสร้างสรรค์ และได้ทำอะไรต่างๆใช้ได้ด้วยฝีมือเราเอง จนทำให้ลงทุนไปกับมันได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย

     ผมเคยทำงานอดิเรกมาหลายอย่าง และแต่ละอย่างที่สนใจก็จะทุ่มเทศึกษาและทดลองมันอย่างจริงจังเสมอ เพื่อให้ได้ความรู้และความชำนาญ  เช่นเดียวกันกับที่ผมเคยเลี้ยงปลาทะเลครั้งแรกเมื่อ ประมาณ 13 ปีที่แล้วและหยุดไปหลายปี เนื่องจากช่วงนั้นความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ในการเลี้ยงปลาทะเลในตู้ยังมีน้อยและไม่แพร่หลาย  เครื่องมือที่จะช่วยในการรักษาสภาพแวดล้อมในตู้ก็ยังไม่ค่อยจะมี ทำให้เลี้ยงรอดระยะยาวได้ยาก แต่แล้วก็กลับมาเลี้ยงอีกครั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้วเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากโลกของการเลี้ยงปลาและสัตว์ทะเลมีการพัฒนาการด้านความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ไปมาก ทำให้โอกาสของปลาทะเลและปะการังที่จะเลี้ยงรอดในตู้ได้รยะยาวมีสูงมากขึ้น
     ในปัจจุบันประเทศไทยมีฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาทะเลที่สามารถเพาะพันธุ์ปลาทะเลสาวยงามที่อยู่ตามแนวประการังได้หลายสายพันธุ์แล้ว รวมถึงปลาการ์ตูนด้วยครับ ทำให้ไม่ต้องไปจับมาจากทะเลตามธรรมชาติเป็นจำนวนมากอีกต่อไปแล้วยังทนทานกว่าปลาทะเลที่มาจากธรรมชาติมากนอกจากนี้ยังสามารถส่งเป็นสินค้าส่งออกไปต่างประเทศนำรายได้เข้าประเทศอีกจำนวนมากอีกด้วย
     การแลกเปลี่ยนความรู้กันผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตก็มีกันอย่างกว้างขวางทำให้โอกาสรอดของปลาและประการังในตู้สูงขึ้นมาก เทียบได้กับที่มันอยู่ในทะเลจริงๆเลย  การเลี้ยงปลาทะเลเป็นการฝึกความอดทน มีวินัย และละเอียดอ่อน แต่ก็ให้สิ่งตอบแทนที่คุ้มค่ามาก และแล้วในที่สุดผมก็ต้องหยุดเลี้ยงไปอีกครั้งเมื่อมีการย้ายที่อยู่ แล้วก็มาเกี่ยวข้องกับงานไม้ด้วยนี่แหละครับที่เป็นสาเหตุให้ต้องหยุดเลี้ยงไป(อีกครั้ง)
     งานไม้เป็นสาเหตุที่ทำให้มันตายหมดยกตู้เลย ทั้งที่ตอนย้ายมาวางแผนในการย้ายมาอย่างดี เมื่อย้ายมาแล้วผมนำเอามาพักไว้ในโรงรถก่อน (ตู้ปลาทะเลนี่มี Chiller ให้มันเพื่อรักษาความเย็น(อุณหภูมิ)ไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิน 1 องศาเซลเซียส) เนื่องจากยังไม่ได้เอาเข้าในบ้าน เพราะตั้งใจว่าจะตั้งตู้ใหม่ให้มันเป็นขนาดยาว 7 ฟุต และเอาตู้เดิมเป็นตู้อนุบาลแทน เพื่อที่มันจะได้อยู่กันอย่างสบายๆ (เพราะปริมาณน้ำยิ่งเยอะการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ และเคมีในน้ำจะน้อยลง รวมถึงจะมีแบคทีเรียตามธรรมชาติของน้ำทะเลมากขึ้น)
     แต่เป็นเพราะความประมาทของผมเอง เนื่องจากช่วงนั้นก็ยุ่งมากไม่มีเวลามาดูแลอย่างใกล้ชิด โดยผมยอมให้ช่างที่ทำเฟอร์นิเจอร์บิล์ทอินห้องครัว มาย้อมสี ขัดและลงแลคเกอร์ในโรงรถทั้งที่ห่างจากตู้ปลาพอควร แต่ก็ไม่พอสำหรับปลาทะเลที่มีความไวต่อสารเคมีมากๆๆ อันตรายเกิดจากฝุ่นไม้ที่มีสารย้อม แลคเกอร์ และทินเนอร์ปลิวลงไปในตู้ปลา ซึ่งก็มองไม่เห็น แต่คาดว่าเมื่อลงไปแล้วมันจะละลายไปกับน้ำจนกลายเป็นสารพิษในน้ำทะเล ทำให้ปลาทะเลที่ผมเลี้ยงไว้ประมาณเกือบ 3 ปี ทยอยตายจนหมดทั้งตู้ โดยไม่สามารถช่วยชีวิตมันได้ทัน (งานนี้หมดเงินไปหลายหมื่นบาท แต่ก็ไม่ได้เสียดายเงินมากไปกว่าที่เสียดายชีวิตปลาทั้งหมดที่ผมเลี้ยงมันมา เพราะมันเชื่องมากๆ และเป็นสิ่งที่ทำให้ผมหายเครียดกับชีวิตได้เป็นอย่างดีตลอดที่เลี้ยงดูมัน)
      มาวันนี้เมื่อผมมีโอกาสได้มาทำ DIY งานไม้จึงได้เวลาที่ผมจะได้เริ่มทำงานไม้ชิ้นนี้แล้วละครับ โดยผมเริ่มจากดูแบบที่เคยค้นหามาไว้เมื่อประมาณ 5-6 ปีแล้ว มาเป็นแบบในการทำมันให้เป็นความจริงในเวลาอันใกล้นี้แหละครับ
 

*** รีดไป 2-3 รอบแล้วตอนนี้พักดูดเศษไม้หน่อยครับ ขนาดต่อเครื่องดักเก็บฝุ่นแล้วมันก็ยังฟุ้งเต็มเลย ***     

EPISODE 2: เริ่มงานจากแรงบันดาลใจ

     โครงงานที่ผมจะทำนี้เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมมาจับงานไม้ DIY  โดยเริ่มจากที่ผมเลือกใช้ไม้จริงคือไม้แอช (Ash) แผ่นขนาด 6-1/2" x 1" ยาว 10 ฟุต (ใช้จริงประมาณ 7 ฟุต) ที่ยังไม่ได้ไส นำมาไสด้วยเครื่องรีดทั้ง 2 หน้าก่อน ส่วนด้านข้างหลังจากตัดได้ขนาดแล้วจึงเอาไปไสด้วยกบมือ (ย้ำว่ากบมือนะครับ ไม่ใช่กบไฟฟ้า กบช่างชาวบ้านนี่แหละครับ เพราะเริ่มไสได้แล้วเนื่องจากช่วงที่ผม unplugged ทำโครงชิงช้า ผมได้ทดลองใช้เครื่องมือพื้นฐานงานไม้ ทั้งเลื่อย สิ่ว และ กบครบเลย ทำให้ผมพอที่จะใช้งานมันได้บ้าง) ส่วนกบไฟฟ้า Bosch ซื้อมายังไม่เคยใช้งานจริงเลย เคยแต่ลองมาไถๆดูแต่รู้สึกว่ามันควบคุมยากและยังไม่มีงานที่ต้องไสหน้ากว้างเกินกว่า 12" ก็เลยหันไปใช้เครื่องรีดไม้ เพราะง่ายดี และรู้สึกว่ามันน่าจะปลอดภัยกว่ากบไฟฟ้า เอาไว้มีงานที่ต้องไสแผ่นไม้หน้ากว้างๆแล้วจะลองดูอีกที ตอนนี้นอนอยู่ในตู้ไปก่อนแล้วกัน
      ว่าด้วยเรื่องกบนี่ตอนนี้ อยากได้กบธรรมศักดิ์เหมือนกันนะครับ กะไว้ว่าวันไหนที่จะไปราชบุรี จะถือโอกาสแวะไปอุดหนุนอาจารย์ซะหน่อยเพราะไม่ไกลจากเส้นทางที่จะต้องไปราชบุรี ไม่ทราบว่าอาจารย์ดนัยแกทำไว้จำหน่ายเลยหรือว่าต้องสั่งทำน่ะครับ ผมชอบแบบที่เป็นไม้ชิงชันติดกระพี้ เหมือนที่คุณตังมีน่ะครับมันสวยคลาสสิคดีจริงๆ

       นำไปตัดซอยให้ได้ขนาดความยาวต่างๆตามต้องการด้วยเครื่องเลื่อยองศาสไลด์ ใส่ใบตัดไม้ของ Bosch 12" 80ฟัน (Makita รุ่น LS1216L ตัวนี้เป็นตัวที่ผมอยากได้มานานแล้ว และก็ได้ไปเห็นตัวจริงที่งานรวมพลฯครั้งที่ผ่านมาที่บู๊ทของ Makita ผมคิดว่าจะเอาไปใข้ในการตัดร่องไม้(Dado)ที่สามารถตัดได้ถึง 16.4 นิ้ว เมือใช้ร่วมกับแผ่นรองตัด โดยเฉพาะการตัด cross cut กับไม้หน้ากว้างและยาวสามารถทำได้ดี ทำให้ไม่ต้องใช้โต๊ะเลื่อยหรือเลื่อยวงเดือนมือถือที่ค่อนข้างอันตราย
       ในที่สุดก็ตัดใจไปถอยมาจนได้ แม้ว่าราคาสูงเกินสองเท่า เมื่อเทียบกับขนาด 10" ที่มีราคาไม่เกิน 14,000 บาท(คงเป็นเพราะรุ่นนี้จะผลิตในญี่ปุ่นมันเลยแพงมั้งครับ)  แต่ก็ได้เครื่องมือที่งานค่อนข้างเนี้ยบ (หากซื้อมาแล้วได้ใช้ก็คงคุ้มละครับ 555) ตอนถอยมานี่แกะดูที่ร้าน(เพื่อเอากล่องออก เพราะใส่รถม่ายได้) พบว่าไม่มีใบเลื่อยแถมมาให้อีก (คนขายบอกว่ารุ่นที่ทำในญี่ปุ่นจะไม่มีใบแถมมาให้ ..ความรู้ใหม่??? ) ทำให้ต้องเสียเงินซื้อใบขนาด 12นิ้ว 80ฟัน รุ่นตัดไม้ของ BOSCH มาอีกใบในราคา 1,5xx บาท เห็นที่ร้านบอกว่ามีใบของ Freud (ที่ผมเคยอ่านหนังสือฝรั่งบอกว่าเป็นใบเลื่อยที่ดีมาก) ด้วย แต่ที่ร้านตอนนั้นมีแต่ใบตัดอลูมิเนียม ใบตัดไม้ไม่ได้เก็บเอาไว้ที่ร้านเลยจึงได้ใบของ Bosch มาแทน ว่าจะลองซื้อ Freud มาลองใช้ดูซะหน่อย (รวมถึงเขาบอกว่า Bosch ซื้อกิจการ Freud ไปแล้ว)

       ตอนที่ไปเอาเลื่อยตัวนี้ ผมก็แกล้งทำใจกล้าๆไว้เพราะผมต้องไปกับ ผบ.ทบ (เนื่องจากจะต้องไปราชบุรีด้วยกัน) แกก็พูดเหมือนกันว่าซื้ออีกแล้วเหรอ แล้วยังถามอีกว่า ราคาเท่าไร เห็นเบิกเงินออกมาเยอะนี่ ผมก็เลี่ยงๆตอบไปว่าไม่เท่าไรหรอก นิดหน่อย พอดีเขาขายราคาโปรโมชั่น แล้วก็รีบตัดบทชวนคุยเรื่องอื่น แกก็คงรู้แหละครับ แต่แกล้งถามไปอย่างนั้นเผื่อผมจะหลุดปากออกมาบ้าง (ผมว่าแกคงรู้และไปดูมาแล้วว่าผมเบิกเงินออกมาเท่าไร แต่คราวนี้ก็ไม่ได้บ่นอะไรต่อ แปลก??? สงสัยคงชินแล้วมั้งครับ)
         ส่วนการใช้งานของผมกับเจ้าเลื่อยตัวนี้ ก็ยังทุลักทุเลอยู่เนื่องจากมันหนักเหมือนกัน เนื่องจากจะต้องยกขึ้นวางไว้บนโต๊ะงานไม้ตอนที่จะใช้งาน ทำให้กินที่โต๊ะไปกว่าครึ่งโต๊ะ( เนื่องจากผมยังไม่ได้ทำโต๊ะให้มัน (Miter Saw Station) โดยเฉพาะ) ส่วนตอนไม่ได้ใช้ก็ต้องยกลงไปวางกับพื้นไปอยู่กับเพื่อนๆไปก่อนแล้วกัน เพื่อที่ผมจะได้มีพื้นที่บนโต๊ะไว้ทำงาน

     ตัดไม้ได้ตามขนาดที่ต้องการเกือบครบแล้วครับ ที่เหลือคงเป็นขั้นตอนการซอยไม้ด้วยเครื่องเลื่อยสายพาน แต่กระนั้นก็ยังคงขาดไม้กลึงกลมขนาด 3/8 นิ้วยาวประมาณ 24 นิ้วอีกท่อนครับ คิดว่าจะทำเองด้วยโต๊ะเร้าเตอร์ครับ แผ่นอะคริลิคิแล้วก็อุปกรณ์ฟิตติ้งอีกนิดหน่อย ขอไปหาซื้อก่อนแล้วกันครับ เพราะที่มีอยู่ขนาดและสีมันไม่ตรงกับที่ต้องการครับ ทั้งหมดก็เพื่อนำไปทำเป็นส่วนประกอบหลักของโครงงานที่จะทำต่อไป
     ติดตามกันต่อไปแล้วกันครับว่าผมกำลังจะทำอะไร เท่าที่ดูแล้วก็แก้แบบบ้างเล็กน้อยตามสภาพของที่เรามีอยู่จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อวัตถุดิบมาเพิ่มให้เสียเงินอีกเปล่าๆ?

อาจานแกทำไว้ขายคับ

แต่โทรไปนัดก่อนก้อดี

เผื่อมีอาจานแกจะเก็บไว้ให้

แต่ผมแนะนำว่าเตรียมเงินไปเผื่ออีกหน่อย

อาจโดนหลายอย่าง

555

 ผมก็เลี้ยงปลาทะเลเล่นๆมา 3 ปีแล้วครับ ทุนน้อย เลี้ยงได้แต่ปลาการ์ตูน ตอนนี้ำ็ก็มาบ้านงานไม้ อย่าบอกนะครับว่าพี่เอ็มจะทำตู้ปลา

 คุณ pakae

ขอบคุณที่แนะนำครับคงจะไปต้นเดือนหน้า ตอนนี้ก็หยอดกระปุกเตรียมไว้ก่อนละครับ

*** อัพเดท***   

วันนี้ 15 มี.ค. 2556

มีโอกาสได้โทรไปหา อ.ดนัย ที่ธรรมศักดิ์การช่าง และได้คุยกันเรื่องกบที่ อ.ทำอยู่ แต่ยังไม่มีของที่อยากได้ เลยสั่งทำ กบล้าง 22 นิ้วไป 1 ตัว กับกบล้าง/ กบผิวรุ่นพรีเมี่ยมไปอีก 1 ชุดให้ อ.ดนัยทำให้ครับ เห็นว่าช่วงที่ผ่านมาไฟไหม้บ้านอาจารย์ตอนไม่อยู่บ้าน แต่ดีที่เพื่อนบ้านช่วยกันดับได้ทันเลยต้องซ่อมแซมบ้านก่อน รอ อาจารย์ดนัยทำเสร็จเสร็จเมื่อไรค่อยไปรับมาดูแล

วันที่ 14 พ.ค. 2556

ได้ไปรับครอบครัวกบที่สั่งไว้มาแล้วครับ แถมกบกระดี่กลับมาอีก 2ตัว พร้อมค้อนไม้อีก 1 ด้ามครับ ติดตามได้จาก ความเห็นที่ 277-288 ครับ ผมพาเยี่ยมชมร้านธรรมศักดิ์การช่างด้วยครับ

คุณ suchartjit

    ยินดีครับที่ได้ทราบว่าเลี้ยงปลาทะเลอยู่เหมือนกัน เท่าที่ทราบตอนนี้ก็มีคุณ Prescott อีกท่าน ระมัดระวังกันไว้หน่อยนะครับเรื่องฝุ่นไม้ หรือฝุ่นสี จากการทำงานไม้นี่เหละครับอันตรายมาก เดี๋ยวจะสูญเสียเหมือนผม สกิมเมอร์งี้เป็นสีน้ำตาลเลย ช่วยมันไม่ทันผิวลอกกันหมดเลย ผมละเศร้าเลยทั้งปลา กุ้ง สัตว์น้ำอื่นๆรวมถึงปะการังด้วยหมดทั้งตู้เลย

     ก็คิดอยู่เหมือนกันครับเรื่องทำตู้แต่คงทำตู้เฟอร์ครอบโครงเหล็กอีกทีน่ะครับ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมน่าจะเป็นปลายปีหน้าโน่นเลยครับ รอของที่คั่งข้างจะต้องทำให้เสร็จก่อนครับ คิวยาวถึงปีหน้าเลย

ซอยให้ได้ขนาดหน้ากว้างตามที่ต้องการด้วยเลื่อยสายพาน แล้วเตรียมปรับแต่งผิวด้วยกบไม้อีกทีพร้อมๆกันหลายแผ่น เพื่อที่จะได้เท่ากันพอดี และไม่เบี้ยวไปเบี้ยวมา

        เก็บตกเรื่องชิงช้าหน่อยครับ คือว่าผมตัดสินใจเฉือนชิงช้าเก่าเอาไว้เฉพาะไม้ที่ยังดีอยู่ เพราะคิดแล้วว่าจะเอาไม้ไปทำเป็นรั้วแต่งสวนโดยไม่ได้ถอนตะปูออก เพราะถอนไม่ออกมันจะหักเนื่องจากส่วนใหญ่มันเป็นสนิม เลยตัดช่วงที่มีตะปูกับสกรูทิ้งไปเป็นช่วงๆด้วยจิ๊กซอเรียบร้อยไปแล้ว ทำให้ตอนนี้ชิงช้าเก่าของผมกลับคืนสู่สามัญและเป็นการรีไซเคิลกลับเอามาใช้ใหม่ให้คุ้มค่า เอาไว้ว่างๆค่อยมาทำต่อครับ (เห็นดอกไฮเดรนเยียร์กับรั้วสวยๆในรูปสุดท้ายไม่ใช่ดอกไม้ที่ผมปลูกหรือรั้วที่ผมทำไว้นะครับ แค่หาเอามาให้ดูเป็นตัวอย่างที่ผมจะทำ ช่วงเวลาที่รอกาวแห้งแล้วกันครับ)
         ดอกไฮเดรนเยียร์นี่เป็นดอกไม่ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ตามค่า pH ของดินครับ เป็นดอกไม้ที่สวยมากชนิดหนึ่งแต่ปลูกยากเหมือนกันโดยเฉพาะใน กทม.ที่ อากาศค่อนข้างร้อนครับ แต่ท่านที่เก่งๆก็สามารถปลูกได้นะครับ ส่วนของฝรั่งนี่เขาปลูกลงดินกันงามมากๆ โดยเฉพาะที่อากาศเย็นๆ

คุณM ซื้อ แผ่น Biscuit ของ Hafele จากที่ไหนครับ

 คุณPaisal

    ผมสั่งจาก Hafele ไทย โดยตรงเลย ชิ้นละ 2 บาทนิดๆ(แล้วแต่เบอร์) Hafele เอาของมาส่งที่บ้านเลยครับ(ผมสั่ง 3 เบอร์ๆละกล่อง @ 1,000ชิ้น) แต่ผมว่าสั่งจากตัวแทนน่าจะถูกกว่าแต่ตอนนั้นผมไม่รู้จักร้านตัวแทนที่จะสั่งให้เลยสั่งเองเลยเพราะต้องการใช้งาน (ที่บ้านผมเองก็ใช้อุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆของ Hafele โดยเฉพาะในครัวเยอะเหมือนกัน)
     อีกทางเลือกผมเห็น Thaicarpenter ก็เอาแผ่น Biscuit ของ Makita มาขายแล้วเหมือนกัน ไปอุดหนุนกันได้นะครับ

    ช่วงนี้ผมแนะนำหากใครยังไม่ได้ซื้อ Biscuit Jointer หรือ Plate Jointer และสนใจ ตอนนี้เห็น Thaicarpenter.com เอารุ่น 3901 ที่ผมใช้อยู่มาขายไปอุดหนุนกันหน่อยก็ดีครับ ส่วนอีกรุ่นจะเป็น PJ7000 เป็นรุ่นที่ปรับปรุงมาจากรุ่น 3901 ที่เห็นเอาเข้ามาขายกันบ้างแล้ว แต่อาจจะหายากสักหน่อยนะครับ

    ต้องขออภัยทุกท่านที่ติดตามอยู่นะครับเนื่องจากสองสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ว่างทำงานที่ค้างให้เสร็จนะครับ เพราะงานยุ่งและต้องเตรียมไปออกงานแสดงสินค้ากับ ผบ.วันเสาร์ที่ 9 มี.ค.นี้ด้วยครับ สัปดาห์หน้าคงจะเสร็จแน่เพราะหาอุปกรณ์มาได้ครบแล้วครับ

 กลับมาทำต่อครับ เป็นขั้นตอนการทำส่วนประกอบครับ ตามรูปเป็นการทำไม้แท่งยาวกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3/8 นิ้วด้วยโต๊ะเร้าเตอร์ติดดอกลบมุม( Round over bit) ผมแยกทำเป็น 2 แท่งยาวแท่งละประมาณ 12 นิ้ว โดยมีหวีไม้ช่วยกด และตัวพาไม้ช่วยดันครับ

        ได้ออกมาเป็นแบบนี้ครับ จากนั้นก็ตัดหัว ตัดท้ายแล้วนำไปทำให้เล็กลงด้วย กบติดปากกา (หนีบเบาๆ)ก่อนขัดด้วยกระดาษทรายเพื่อให้กลมและได้ขนาด 3/8 นิ้วตามต้องการพอดี

        เนื่องจากขนาดมันเล็กมากเลยไม่สามารถที่จะใช้เร้าเตอร์กัดให้มีขนาด 3/8 นิ้วทีเดียวได้เลยครับ เพราะเดี๋ยวมันจะหักหรือไม่ก็ตีนิ้วเอาได้ครับ เนื่องจากผมยังไม่ได้ทำจิ๊กไว้สำหรับเหลาไม้กลมโดยเฉพาะเลยใช้เทคนิคนี้ไปพลางๆก่อน ขนาดที่ใช้ทั้งหวีไม้และตัวพาไม้ช่วยแล้วยังกินยางที่ตัวพาไม้แหว่งไปหน่อยเลย

     ตัดไม้ทำบังใบด้วยโต๊ะเลื่อยวงเดือนโดยใช้ตัวพาไม่ช่วยในการตัด เพื่อทำชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องครับ ตามแบบเดิมไม่มีบังใบ แต่ผมเห็นว่าทำบังใบแล้วจะดูดีกว่าเลยทำเพิ่มเข้าไป

     การทำบังใบบนโต๊ะเลื่อยจำเป็นต้องถอดตัวกันไม้ดีดกลับ และฝาครอบป้องกันใบมีดออกก่อน (ซึ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างมาก) โดยผมใช้ตัวพาไม้ 2 อันเป็นตัวจับไม้ เมื่อเสร็จแล้วค่อยใส่กลับเข้าไปใหม่ตามเดิมเพราะมันน่ากลัวเกินไป

    ตัดไม้ด้านข้างทั้งซ้ายชวาพร้อมกันตามแบบด้วยเลื่อยสายพาน

      เจาะไม้ด้วยดอก 3/8 นิ้ว เพื่อใส่แท่งไม้กลมที่ทำไว้ด้วยสว่านแท่น เนื่องจากยังไม่ได้ทำโต๊ะสำหรับสว่านแท่นเลยทำตัวบล๊อกขึ้นมาใช้ชั่วคราวก่อน (แต่ก็ชั่วคราวมาปีกว่าแล้วละครับ)

EPISODE 3: เริ่มประกอบร่าง

    ประกอบฐานเข้าด้วยกันด้วยกาว Epoxy (ผมเลือกใช้กาวชนิดแห้งใน 40 นาทีไม่เอาแบบ 5 นาที เพราะกลัวว่าแบบ 5 นาทีผสมเสร็จก็แห้งเลยยังไม่ทันใช้เลย) และสกรูสเตนเลสเนื่องจากจะต้องตั้งไว้กลางแจ้ง ตากแดดตากฝนตลอดเวลา (ผมพบว่าไม้ไอสกรีมที่ทานแล้วนี่แหละสามารถนำมาใช้คนกาวและทากาวได้เป็นอย่างดี)

      ทดลองนำไม้แท่งกลมมาประกอบดูก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าขนาดรูที่เจาะไว้กับแท่งไม้กลมเข้ากันพอดี ก่อนที่จะประกอบผนังด้านข้างทั้ง 2 ด้านเข้ากับฐานด้วยกาว epoxy และสกรูสเตนเลสเช่นเดียวกัน

     เมื่อประกอบผนังด้านข้างแล้ว ผมเริ่มวัดมุมเพื่อทำหลังคา โดยใช้ฉากเป็นวัดมุมที่จั่วของผนัง แล้วจึงเอาไปตัดเอียงหลังคาทั้งสองชิ้นด้วยเลื่อยสายพาน

    ระหว่างที่วัดมุมเพื่อไปทำหลังคา ผมติดคานด้านบนเพื่อเอาไว้เผื่อต้องการแขวนกับต้นไม้หรือชายคาจะได้มีที่ยึด

    ผมตัดแผ่นอะคริลิคที่ซื้อไว้นานแล้ว.จาก The mall แผนกเครื่องเขียน ที่สติ๊กเกอร์เขียนไว้ว่าเป็นอะคริลิคใสขนาด 3 มม.แต่พอเปิดกระดาษหุ้มออกกลายเป็นอะคริลิคสีขาวขุ่นซะนี่ แต่ก็ตัดแล้วเลยตามเลย ผมจึงจับเอามาใส่เพื่อจะได้ทำส่วนอื่นต่อไปได้ เมื่อมีเวลาค่อยไปหาซื้อเอาใหม่

    อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเปลี่ยนแบบไปเล็กน้อยคือเดิมผมจะเซาะร่องที่ผนังด้านในเพื่อใส่แผ่นอะคริลิคเข้าไปแต่ผมมาคิดได้ว่าจะทำให้ด้านที่ผมติดหลังคาถาวรจะไม่สามารถถอดออกมาได้อีกเมื่อปิดหลังคาไปแล้ว ทำให้ผมเปลี่ยนมาปิดด้านนอกแล้ใช้คิ้วไม้ประกบเข้าไปอีกทีแล้วยึดด้วยสกรูสเตนเลสโดยไม่ตืดกาว ซึ่งจะทำให้ผมสามารถถอดเปลี่ยนได้เมื่อยามจำเป็น

    ด้วยขนาดความหนา 3 มม.ผมสังเกตุว่ามันน่าจะบางไป หากต้องรับแรงกดดันจากของที่ใส่ด้านในอาจทำให้มันโก่งออกมาด้านนอกได้ เลยคิดว่าถ้าซื้อใหม่จะซื้อเป็นขนาด 4 มม.เลยน่าจะกำลังดี

EPISODE 4: ตีลังกาทำหลังคา

       หลังจากที่ติดแผ่นอะคริลิคชั่วคราวเสร็จทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ผมก็ไปตััดมุมเอียงของหลังคาตามที่วัดไว้ด้วยฉากเป็นด้วยเลื่อยสายพาน แล้วทดลองเอามาวางเพื่อกะตำแหน้งกับโครงที่ได้ทำไว้แล้ว เนื่องจากหลังคาข้างหนึีงจะยึดติดกับโครงอย่างถาวร ผมจึงเลือกใช้ Biscuit Jointer เป็นตัวยึดหลังคา เข้ากับโครง

       ผมทำการทดสอบความลึกของร่องที่จะใส่ Biscuit ให้พอดี โดยทดสอบกับเศษไม้ที่มีอยู่

      ผมเลือกใช้ แผ่น biscuit เบอร์ 20 แล้วเจาะด้วย Buiscuit Jointer ทั้งที่แผ่นหลังคาและมุมของผนังด้านบนฝั่งละ 2 แผ่น รวมเป็น 4 แผ่น

EPISODE 5: เพื่อนเก่า

     เมื่อเจาะร่องสำหรับใส่ Biscuit ด้วยเพื่อนเก่าเจ้า Makita 3901 เสร็จแล้วจึงทำการประกอบหลังคาเข้ากับผนังโดยยึดกันด้วยกาว epoxy โดยไม่ต้องใช้สกรูใดๆ แล้วยึดไว้ด้วยแคล้มป์สักครึ่งวันก็ติดแน่นอย่างถาวรเลย หลายท่านคงเดาออกบ้างแล้วว่าผมกำลังทำอะไรที่มันเป็นแรงบันดาลใจให้ผมมาสนใจ DIY งานไม้นะครับ

     หลังจากที่หลังคาติดกับผนังแน่นดีแล้วผมก็คลายแคล้มป์ที่ยึดอยู่ทั้งหมดออก แล้วจึงเริ่มลงมือขัดๆๆๆ ทั้งด้วยเครื่องและ แป้นขัดกระดาษทรายด้วยมือ  จากนั้นก็เริ่มไสปรับผิวหน้ามุมองศาของหลังคาที่ต้ดออกแล้วด้วยกบจากนั้นจึงก็ขัดหลังคาอีกด้านด้วยเพื่อนำมาประกอบกับส่วนฐานที่ทำไว้แล้ว

EPISODE 6: กบกับสิ่ว

    หลังจากได้หลังคาอีกด้านมาแล้ว จึงเริ่มเจาะหลังคาเพื่อใส่บานพับทองเหลืองโดยใช้สิ่วครับ ผมดูเทคนิคนี้มาจากหนังสือของฝรั่งน่ะครับ ผลงานก็ออกมาพอดูได้ครับ เพราะผมลับสิ่วให้มันคมๆเลยทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้น แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ใช้กบมือและสิ่วอย่างจริงจังในการทำงานครั้งนี้ละครับ

    จากนั้นผมจึงเอาแท่งไม้กลมที่ทำไว้ทั้ง 2 อันเพื่อทำไว้ให้นกยืนเกาะใส่เข้าไปในรูที่เจาะไว้แล้วตั้งแต่ต้นและยึดด้วยกาว epoxy ให้แท่งไม้กลมยึดติดในรูที่เจาะไว้ รอจนกาวแห้งดีแล้วจึงตัดออกด้วยเลื่อยญี่ปุ่นจากนั้นก็ใช้กระดาษทรายขัดให้เรียบเสมอกัน

      ในที่สุดผมไปซื้อแผ่นอะคริลิคใสขนาด 4 มม.มาแล้วทั้งแผ่นขนาด 4x8 ฟุตเลย (ผมให้ทางร้านเขาตัดออกเป็น 3 แผ่น เพราะจะได้ใส่รถเก๋งได้ครับ) กะว่าที่เหลือจะเอาไว้ใส่แทนกระจกสำหรับตู้ในช็อปมันจะได้ไม่แตกหากมีเศษไม้หรือ อะไรกระเด็นไปโดนเข้า
      ผมซื้ออะคริลิคมาจากร้านที่รู้จักกันแถวมีนบุรี เลยได้ราคามาค่อนข้างดี และร้านนี้มีเครื่องตัดทั้ง CNC และ Laser ที่เคยได้มีโอกาสให้ร้านทำงานบางอย่างให้ งานที่ตัดจากเลเซอร์นี่เนี้ยบจริงๆ หากมีโอกาสจะไปใช้บริการอีก ท่านใดอยู่แถวๆย่านมีนบุรีและอยากได้อะคริลิคราคาไม่แพงบอกผมได้นะครับจะได้แนะนำให้ เพราะลูกเจ้าของเขาเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกันกับ ผบ.ทบ. ผมเองครับ 555)

    ระหว่างนี้ผมก็ลง ยูริเทน (Polyurethane) ไปด้วย เพื่อให้มันสามารถปกป้องไม้ที่ต้องตากแดดตากฝนได้เป็นอย่างดี แต่ผมก็ไม่ค่อยจะชอบผิวสัมผัสของมันสักเท่าไร ไม่เหมือนกับ Teak Oil หรือแลคเกอร์ด้านที่ผมชอบมากกว่าแต่ก็จำเป็นจึงต้องใช้น่ะครับจึงลงเป็นรอบแรก

   ผมก็มีทิปเหมือนกันกับ อ.เอ๋ นะครับ ผมใช้กล่องหรือถาดพลาสติคสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบมีฝาปิด (ของเหลือจาก MK สุกี้ ที่สั่งมากินที่บ้าน) 2กล่อง เอามาใส่ แลคเกอร์หรือ Polyurethane สำหรับผสมและทาเนื่องจากเวลาปาดแปรงจะง่ายเพราะกล่องมันเป็นสี่เหลี่ยม ใช้ไม่หมดหรือระหว่างทาต่อรอบก็สามารถปิดฝาเพื่อไม่ให้มันแห้งได้ และใช้อีกอันสำหรับเก็บแปรงที่ยังใช้ไม่เสร็จปิดฝาไว้มันจะไม่แห้ง เมื่อจะใช้ก็เปิดฝาเอาออกมาใช้ได้อีกไม่ต้องล้างแปรงให้ยุ่งยาก

       นอกเรื่องหน่อยครับ เพราะระหว่างที่ผมไปรอลูกน้องเขาตัดแผ่นอะคริลิคและเอาขึ้นรถให้ ผมก็ได้ไปคุยกับเจ้าของซึ่งเป็นพ่อของเพื่อน ผบ. ผมได้ความรู้เรื่องพลาสติคเยอะ จนผมเหลือบไปเห็นโต๊ะเลื่อย ที่เขาใช้ตัดอะคริลิคอยู่ซึ่งถามแล้วได้ความว่าใช้มานานกว่า 5 ปีแล้ว เป็นโต๊ะเลื่อยยี่ห้อ UNIONONE

       ผมเห็นแล้วปิ๊งเลยเพราะเป็นโต๊ะแบบมาตรฐานอเมริกันที่อยากได้มากๆเลย ผลิตที่ใต้หวัน เป็นโต๊ะแบบตั้งพื้น ที่มีพื้นโต๊ะเป็นเหล็กหล่อแข็งแรงเลย นอกจากนี้ยังมี Miter Slot ขนาดมาตรฐาน อยู่ 2 ข้างของแนวใบเลื่อย แล้วก็มีเพลาใบเลื่อยขนาด 5/8 นิ้วพอดิบพอดี แถมยังมี Insert Plate แบบอเมริกัน ที่สามารถเปลี่ยนได้ง่าย และเจ้าของเขาก็ทำ Zero Insert Plate ด้วยอะคริลิคใส่ไว้ด้วยเลย ส่วนรั้ว (Fence) ก็เป็นสไตล์แบบ Biesemeyer ด้วยครับ ที่ผมอยากได้เอามาใส่ใบเลื่อยแบบ Dado ซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่น่าเสียดายแกบอกว่าร้านที่เอาเข้ามาขายเลิกกิจการไปแล้ว แกยืนยันว่าใช้งานได้ดีมากยังอยากจะหาซื้อใหม่อีกตัวเลย

     ผมจึงเอามาบันทึกไว้เผื่อใครเคยพบเห็นร้านที่ขายโต๊ะเลื่อยแบบนี้ แนะนำผมด้วยครับ ผมก็เคยไปดู Bigwood MJ2331 ที่มีลักษณะพื้นโต๊ะใกล้เคียงที่สุดแต่ก็ยังไม่ครบเหมือนอย่างที่ต้องการ และเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวแล้วจึงยังไม่น่าลงทุน เลยเก็บตังหยอดกระปุกไว้ก่อนครับ

EPISODE 8: ครั้งแรกกับยูริเทน

   ทา ยูริเทน หรือ Polyurethane ไปแล้ว 1รอบ พอแห้งดีสัก 1 คืนผมก็เอากระดาษทราย 320 grit ลูบซะ 1 รอบ

    ลูบทั้งข้างนอกและข้างในเลยละครับ

    แล้วทาอีกรอบทั้งนอกและในปล่อยไว้ให้แห้งอีกรอบแล้วจึงเอาแผ่นอะคริลิคใส (คราวนี้ใสจริงๆครับ) ใส่ที่ด้านหน้าและด้านหลัง ยึดปิดไม้คิ้วด้วยสกรู สเตนเลส แผ่นอะคริลิคที่ตัดมานี้จะไม่ได้เ็มพิ้นผิว แต่มีช่องว่างด้านล่างโดยสูงจากพื้นขึ้นมา 1 นิ้วครับ

   เกือบเสร็จแล้วครับ ขอพักเพื่อทำส่วนที่เหลืออีกนิดหน่อยเสร็จแล้วจะมาเล่าต่อ เพราะผมหยุดทำงานที่ต้องใช้เครื่องมือไฟฟ้าในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เนื่องจากเกรงใจข้างบ้านครับ

โต๊ะเลื่อยใน ค.ห. 232 เข้าท่ามากๆครับพี่ เทอดศักดิ์ แต่ดูแล้วคงไม่ถึงมือพี่แน่ๆ คนที่เจอคงจะซื้อใช้เองซะมากกว่า ^_^

 คุณ Yun

        ตื่นแต่เช้าหรือยังไม่ได้นอน อย่ามัวสร้างชุดโน้นชุดนี้อีกนะครับรอก่อน ตามไม่ทันเลย อลังการกันจริงๆ นี่ผมก็นั่งดูวิดีโองานคุยจ้อฯอยู่ ยังเสียดายไม่หายที่ไม่ได้ไปอีกครั้งในปีนี้

      ไม่น่าเชื่อว่าที่ป้อนอาหารนก (Bird Feeder) อันแค่นี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผมมาหลงไหล DIY งานไม้ได้ถึงขนาดนี้ แรกๆก็คิดว่าแค่ทำเล่นๆ นิดๆหน่อยๆ ทำไปทำมาอลังการงานช้างเลย

     เฉลยแบบให้ดูจากที่จินตนาการไว้โดยเอาแบบมาจากต่างประเทศ หลายๆแบบเอามาผสมกัน ลูกออกมาเลยหน้าตาเป็นอย่างนี้ เชื่อแล้วว่าตอนคิดกับตอนทำนี่มันไม่เหมือนกันจริงๆ เลยต้องมีการแก้งานไปจากแบบเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานครับ

ผมเคยเป็นคนตื่นเช้าครับ พี่เทอดศักดิ์ แต่หลายปีมานี้กลายเป็นคนตื่นไม่เป็นเวล่ำเวลาไปซะฉิบ T_T" ดูอาการผมจะคงเข้าช่วงปลายวัยรุ่นแล้วมังครับ

รู้สึกเสียดายแทนพี่จริงๆ งานคุยจ้อฯครั้งนี้ ผมได้ความรู้เพียบเลยครับ

งั้นผมตั้งชื่อที่ใส่อาหารนกของพี่ว่า thousand road Bird Feeder แล้วกันนะครับ พี่เทอดศักดิ์  

thousand road Bird Feeder

ชื่อเท่ห์ไปป่ะเนี่ย

ขอบคุณ คุณM สำหรับข่าวสารเรื่องแผ่นบิสกิต ผมซื้อ 3901 จาก thaicarpenter เมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่ตามหาแถวบ้านอยู่นาน ตอนนั้นผมไม่เห็นว่าเวปมี่แผ่นบิสกิตขายนะครับ สำหรับ  MJ2331  คุณMคิดถูกแล้วละครับ ผมมีข้อจำกัดเรื่องงบเลยรับมาแล้ว ผมเข้าใจ(เอาเอง)ว่าเครื่องรุ่นนี้เลียนแบบ Ridgid แต่ยังห่างไกลมาก   และโดน kick back จากตัวนี้แหละ ซี่โครงแทบหัก แต่เป็นเพราะความประมาทของผมเอง.. ด้วยความโกรธ(อย่างไม่มีเหตุผล)ผมเลยเอากระสอบมาคลุมไว้ซะเลย

 คุณ YUN

   ขอบคุณครับที่ตั้งชื่อให้ยังไม่ทันไรเลยมีเหน็บๆมาจากคุณ Pakae ซะแล้ว

คุณ Pakae

   ขอนิดนึงแล้วกันครับคุณ Pakae 

   อีกเรื่องครับคือเรื่องกบไสไม้นั้น ผมสั่ง อ.ดนัย แห่งธรรมศักดิ์การช่าง ทำกบล้าง 22 นิ้วให้ผมตัวนึง กับชุดกบรุ่นพรีเมี่ยมให้อีก 1 ชุดไปแล้วครับ แต่กว่าจะได้คงอีกสักพัก เพราะอาจารย์แกซ่อมบ้านที่ไฟไหม้ไปเล็กน้อยอยู่น่ะครับ

คุณ Paisal

    เจ้า MJ2331 นี่ก็ราคาไม่เบาเลยนี่ครับผมได้เห็นตัวเป็นๆที่ YHM แล้วราคาตั้งสามหมื่นกว่า ราคาขายสัก 2 หมื่นน่าจะประมาณนั้น ใช่ไหมครับ ผมไปเจออีกตัวของ JET JTS-250CS ก็น่าสนใจเหมือนกัน แต่ราคาคงเอาเรื่องเหมือนกันนะครับ เพราะเห็นทาง Matchparts หรือ Jettools-Prof ในปัจจุบัน เคยลงโฆษณไว้นานแล้วแต่อยู่ไม่รู้เลิกขายไปหรือยัง ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆเหมือนกัน เดี๋ยวหาข้อมูลไปเรื่อยๆก่อนครับ
   ( update 14-4-2556) : JET JTS-250CS ไม่ได้สั่งเข้ามาแล้ว มีแต่ JTS-600XM แทนแล้วครับ 48,xxx บาท

   เรื่องเครื่องไสชิด BIGWOOD นี่ผมก็ยังไม่ได้ซื้อ JP-801 เพราะวันก่อนเข้าไปดูที่ YHM Group แต่ไม่มีของให้ดูเลย มีแต่รุ่นเก่า JP802 (สมัยที่ยังเป็น Warrior อยู่) ซึ่งก็ไม่มีอยู่ในแคตตาล็อกแล้ว ยังสงสัยอยู่ว่า YHM Group เขาคงขายดีเลยไม่มีสินค้ามาโชว์เลย คงรอเขาอยู่ว่าจะเอามาให้ดูได้เมื่อไร เลยยังไม่ได้ซื้อครับ หรืออาจลองไปดูยี่ห้ออื่นๆด้วย

     เปิดหลังคาที่ให้อาหารนกแล้วทดลองใส่อาหาร เพื่อทดสอบดูการไหลของอาหารลงสู่ถาดด้านล่าง เพราะเมื่อนกกินอาหารในถาดไป อาหารที่อยู่ด้านบนก็จะไหลลงมาแทนที่เองโดยอัตโนมัติเนื่องจากรูปทรงจะเหมือนกรวยเหลี่ยม เราเพียงแต่คอยเติมไว้ให้มันเมื่ออาหารพร่องลงไปเท่านั้น  

      ขั้นตอนที่เหลือเป็นการทำเสาและฐานเพื่อติดตั้งที่ให้อาหารนกไว้ด้านบน และสามารถปักลงไปในดินบริเวณที่ต้องการได้ โดยผมใช้ไม้เต็งขนาด 2x 5 นิ้ว ตัดให้มีความยาว 170 ซม. แล้วเอามาผ่าให้ได้ขนาด 2x2 นิ้ว แล้วเอาไปรีดจะเหลือเป็นเสาเหลี่ยมขนาด 1-3/4x 1-3/4 นิ้ว ส่วนตัว Support หรือขารองผมก็ใช้ไ้ม้เต็งมาตัดด้วยเลื่อยสายพาน

 สวัสดีครับ คุณ M และเพื่อนๆ คนรักงานไม้ทุกท่านครับ

 คุณเสะ

   ยินดีต้อนรับกลับสู่วงการ DIY งานไม้อีกครั้งครับ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมสนุกกับมันเพราะมีหนังสือ นิตยสาร และวิดีโอเกี่ยวกับงานไม้นี่แหละครับทำให้การทำ DIY สนุกขึ้นเพราะเราสามารถศึกษาหาความรู้และเทคนิคต่างๆได้ง่าย และยิ่งมี Webboard อย่าง Thaicarpenter.com นี่ที่มีผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์มาช่วยแชร์ความรู้ให้อย่างไม่ปิดบังด้วยยิ่งทำให้เราสามารถทำอะไรต่างๆได้ง่ายขึ้นและสนุกกับมันมากขึ้นไปอีก

    ส่วนเรื่องโต๊ะเลื่อยนี่ผมก็ยังดูๆไปเรื่อยๆเพราะน่าจะเป็นการลงทุนที่สูงที่สุดสำหรับเครื่องมืองานช่างนี่แหละครับ เพราะแบบที่สนใจน่าจะอยู่ระดับ 50-60K
    ยี่ห้อ UNIONONE นี่ก็ยังเป็นหนึ่งในเครื่องที่ชอบ ผมเข้าไปดูในเวปของผู้ผลิตก็ไม่มีรายละเอียดตัวแทนในไทย e-mail ไปถามก็ไม่ตอบอะไรกลับมาเลยยังไม่ทราบว่ายังมีใครขายอยู่หรือเปล่า

   ส่วน MKT TS250 ผมเองยังไม่ชอบ เพราะเหมือนกับ JET JTS-600XM  (ได้ไปดูตัวจริงๆมาแล้ว) เพราะเป็นแบบโต๊ะสไลด์ เลยยังดูๆอยู่ไม่ได้รีบร้อนอะไร จะรอสร้าง Workshop ให้เสร็จก่อนจะได้มีที่ว่างเพราะตอนนี้ก็มีเครื่องไสชิดรอเข้าคิวที่จะต้องจัดหามาไว้อยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ยังหาที่ลงไม่ได้เพราะมันรกไปหมด ของทุกอย่างวางอยู่กับพื้น ตอนนี้ก็เลยต้องใช้ Makita MTL100S ไปพลางๆก่อน  สิ่งที่ผมไม่ชอบโต๊ะเลื่อยแบบ Contractor saw ของ Makita คือรางสไลด์ที่ไม่มีประสิทธิภาพเลย หลวมก๊อกแก๊กแล้วมันจะตัดให้ตรงได้อย่างไร และราง Miter บนโต๊ะที่เป็นขนาดที่ไม่ใช่มาตรฐานที่คนอื่นๆเขาใช้กันทั่วไป รวมถึงรั้วที่ก๊องแก้งค์ไปหน่อยครับ ส่วนอย่างอื่นก็พอรับได้ แต่ก็เคยแปลกใจไม่หายว่าร่องสไลด์(Miter Track) ของ Makita ทำไมไม่ใช้ขนาดมาตรฐานที่ชาวบ้านเขาใช้กัน ยิ่งกว่านั้นร่องสไลด์ของโต้ะเลื่อย MLT100 กับเลื่อยสายพาน LB1200F ยังคนละขนาดอีกทำให้ Miter Track ของทั้งสองรุ่นใช้ด้วยกันไม่ได้ ?????

   สิ่งที่ Makita ในประเทศไทย (ที่ไม่มี Makita (Thailand) ไม่ค่อยเหมือน Makita ที่ประเทศอื่นๆเขาก็ตรงที่ไม่เอาพวก Options ของเครื่องมือ มาขายเลย(หรือมีก็มีน้อยมาก) และก็เอาแต่เครื่องมือพื้นๆมาขาย ซึ่งยี่ห้ออื่นเขาก็เอามาขาย แต่ก็ยังดีกว่า BOSCH นิดหนึ่งที่ไม่ค่อยเอาสินค้าเครื่องมืออะไรเข้ามาขายสักเท่าไรโดยเฉพาะเครื่องมืองานไม้(ท่าทาง Product Manager คงไม่ค่อยมีความรู้ด้านงานไม้หรือเปล่า) ทั้งที่ Makita มีเครื่องมือดีๆมากมายแต่บ้านเราหายาก วันก่อนถามเรื่อง Tracking saw รุ่น SP6000K มีขายแต่ไม่มีราง (Track) มีแต่ตัว แล้วก็ไม่ได้สั่งรางมาขายด้วย ทั้งๆที่ตัวนี้สร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับรางโดยเฉพาะ (แล้วจะเอาไปใช้กับอะไร??  งง) สงสัยผมจะบ่นมากไปหรือเปล่านะ

ผมว่าเรื่องสนุกอีกเรื่องสำหรับ DIY งานไม้คือการศึกษาเรื่องเครื่องมือ แล้วก็ออกไปซื้อมาสะสมไว้แหละ เห็นด้วยไหมครับ

    เอาขาตั้งไปลบมุมทั้ง 4 มุมด้วยดอกเร้าเตอร์แบบเอียง 45 องศาที่โต๊ะเร้าเตอร์ โดยเว้นส่วนที่ไม่ได้ลบประมาณ 6นิ้ว จากปลายเสา เพื่อให้เมื่อติดขารองทั้ง 4 ด้านแล้วจะได้รับกันพอดี

       เนื่องจากผมต้องขัดไม้แบบโค้งเพื่อลบรอยจากเลื่อยสายพาน แต่เนื่องจากผมยังไม่มี Drill Press Drum Sander (มีแผนจะทำใช้สักอันสองอัน) หรือ ฺำBelt/ Disc Sanding Station ผมเลยเอาเจ้ารถถังมานอนตะแคง และหาไม้รองไว้หน่อย มือหนึ่งก็บีบไกเพื่อให้มันทำงาน อีกมือก็เอาชิ้นงานเข้าขัดตามโค้ง และด้านข้าง ก็โอเคครับพอใช้ได้ เดี๋ยวค่อยขัดด้วยมืออีกครั้งเพื่อเก็บงาน

       เมื่อขัดเสร็จก็เอาไปตัดออกเป็นสองส่วน ทั้งสองอันทำให้ผมได้ขารองแผ่นพิ้นเสาหรือขาตั้ง Bird Feeder มา 4 อัน จากนั้นก็เอามาทาด้วยกาว epoxy แล้วบีบไว้ด้วยแคล้มป์เข้ากับเสา รอให้แห้งคู่หนึ่งก่อนครับค่อยขัดปรับผิวให้เรียบเสมอกับเสา แล้วค่อติดคู่ที่เหลือต่อไป

      Shop Notes: นอกเรื่องอีกแล้วครับ เรื่องของเรื่องคือว่าระหว่างที่ผมเปิดรถถังเพื่อขัดไม้ ปรากฏว่ากระดาษทรายสายพานหลุดที่รอยต่อ(อีกแล้ว) เหมือนกับว่ารอยต่อใช้กาวคุณภาพไม่ดี มันถึงหลุดง่าย ทั้งที่ยังใหม่อยู่เลย (แน่ใจว่าผมใส่ทิศทางถูกต้องตามลูกศร และปรับ skew ให้สายพานวิ่งอยู่กลางล้อและแป้นแน่นอน)
       ผมมีกระดาษทรายสายพานยี่ห้อนี้อยู่ 2 อันๆนี้เเป็นอันที่ 2 ที่ซื้อมาแล้วก็หลุดที่รอยต่อเหมือนกัน (ไม่ทราบเหมือนกันว่าผลิตมาจากที่ไหน)  อันแรกหลุดไปนานแล้ว ส่วนอันนี้เพิ่งใช้ไปครั้งเดียวเองหน้าทรายยังใหม่อยู่เลย ดีที่ซื้อมาทดลองแค่  2 อัน ลาเลยสำหรับการดาษทรายสายพานยี่ห้อนี้ครับ ส่วนกระดาษทรายม้วน(กระดาษทรายแดง) ยี่ห้อนี้ผมก็ใช้อยู่ก็โอเคนะครับ คงต้องเอาไปตัดแล้วไว้ใส่กับแป้นขัดกระดาษทรายแทนแล้วกันครับ

    ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาใช้กระดาษทรายสายพานของ 3M แทนแล้วครับไม่ทราบว่าคุณภาพจะเป็นอย่างไร แต่ผมว่าด้านชื่อเสียงของกาว 3M นี่น่าจะไม่มีใครเกินแล้วมั้งครับ

เรียนคุณ M

กระดาษทราย 3M น่าจะดีสุดแล้วเท่าที่ผมใช้มา ไม่ค่อยขาด และรอยต่อก็ค่อนข้างเรียบกว่ายี่ห้ออื่นๆครับ

ผมอยากจะรบกวนขอเบอร์ร้านที่คุณMซื้อแผ่นบิสกิตซักหน่อยครับ  ผมทดลองสั่งในเวปมาตกชิ้นละ 10บาทครับ

คุณ Paisal,

    ผมก็ค่อนข้างไว้ใจสินค้าของ 3M อย่างไรก็ตามผมก็ยังไม่มีประสบการณ์กับกระดาษทราย 3Mนะครับ แต่ก็ซื้อมาใช้ 1 กล่อง(10 เส้น) เพราะราคามันถูกกว่าซื้อเส้นเดียวเยอะ

ส่วนเรื่องแผ่น Biscuit รายละเอียดตามนี้เลยครับ

Hafele (Thailand)   www.hafele.com/th/th

Sales: SURIN JAIDEE

e-mail: SURIN@HAFELE.CO.TH

Mobile : 08-5111-9339

Tel : 02-728-7171-3311/Fax : 02-741-7272

รหัสสินค้า:

1.  267.90.000  WOODEN SLATS SIZE 0 @2.35 บาท

2.  267.90.010  WOODEN SLATS SIZE 10 @2.46 บาท

3.  267.90.020  WOODEN SLATS SIZE 20 @2.68 บาท

(ไม่แน่ใจว่า sales ยังอยู่หรือเปล่า จริงๆติดต่อ sales ท่านใดก็ได้ครับ)

   พูดถึงเรื่องเครื่องมือแล้ว ผมว่าช่างไม้มือสมัครเล่นอย่างเราๆ น่าจะชอบดู ซื้อ และสะสม พวกเครื่องมือทั้งหลายแน่นอน เพราะเครื่องมือดี จะช่วยให้การทำงานง่าย และเร็วขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็น พวกเครื่องมือทั้งที่ใช้ และไม่ใช้ไฟฟ้า โดยส่วนตัวในปัจจุบัน ก็จะซื้อเครื่องมือที่คิดว่าดี มียี่ห้อหน่อย เท่าที่จะสามารถซื้อได้ และเท่าที่กระเป๋าจะเอื้ออำนวยครับ เพราะสมัยก่อนผมต้องเสียเงินกับการซื้อเครื่องมือ 2 รอบมาหลายครั้ง เป็นค่าประสบการณ์ที่ทำการบ้านไม่ดีพอ ไม่มีคนแนะนำ ไม่มีแหล่งข้อมูลที่ดีๆ เหมือนหลายๆ กระทู้ในเว็บแห่งนี้ที่หลายๆ ท่านนำประสบการณ์ และความรู้มาแบ่งปันกัน และสร้างแรงบัลดาลใจในการทำงานไม้ด้วยตนเองให้แก่คนอื่นๆ

คุณเสะ

       น่าจะเป็นคอเดียวกันอีกคนแล้วแน่ๆเลย คนทีซื้อและสะสมเครื่องมือเยอะๆต้องยกให้คุณ i3ird ตัวพ่อเลยละครับ ผมน่ะไปเยี่ยมช็อปคุณ i3ird มาแล้วเป็นช็อปเก่า รอว่าแกสร้างช็อปใหม่เสร็จเมื่อไร พวกเราจะไปเยี่ยมอีกครั้ง น่าจะอลังการกว่าเดิมอีกหลายเท่าแน่ๆเลยละครับ ส่วนผมก็เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆชอบก็ซื้อ โดยเฉพาะหากเจอเครื่องมือดีๆก็จะสะสมไปเรื่อยๆครับ เรื่องรายการเครื่องมือนี่ผมเพิ่งจะทำรายการเสร็จพร้อมราคาที่ซื้อไว้ด้วย รวมราคาแล้วให้ ผบ.เห็นไม่ได้เลย 555 (จริงไหมครับคุณ i3ird)

      ส่วน Workshop ของผมนี่ก็ตั้งท่าจะทำมาก็เป็นปีแล้วครับ คงจะเริ่มได้เร็วๆนี้แน่ครับ ตอนนี้ก็เริ่มสร้าง Mobile Clamp Rack อยู่ครับคงทำให้เสร็จเพื่อเก็บ Clamps ก่อนครับ เพราะมันรกเหลือเกิน และมันก็เป็นส่วนหนึีงของ Workshop ผมด้วยครับ ที่ทำเพิ่มเติมจาก Rolling Shop Cart ที่ผมได้ทำไปแล้ว เริ่มทำเมื่อไรจะไปต้งกระทู้ใหม่ชื่อว่า ช็อปงานไม้ในฝันของผม หรืออะไรประมาณนี้เลียนแบบคุณเขมทัต เลยละติดตามต่อไปได้ครับ
      หากคุณเสะ ทำอะไรอยู่ก็เอาผลงานมาโชว์กันบ้างนะครับเพราะบางครั้งเราก็ได้เห็นความคิดดีๆของเพื่อนๆที่เอามาโชว์เหมือนกัน สามารถเก็บเอาไปใช้ประโยชน์ได้ครับ ส่วนตัวของผมชอบทำไป เล่าไป เพราะระหว่างที่ผมทำอยู่อาจจะมีคำแนะนำที่ดีๆจากเพื่อนๆ หรือผู้รู้ จะได้เอามาแก้ไข หรือปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ทันเวลา ดีกว่าที่ทำเสร็จแล้วมาเล่าทีเดียว มีอะไรที่ไม่ดีหรือเราอาจไม่เข้าใจทำให้ต้องมาลองผิดลองถูกด้วยตัวเองก่อน ก็จะแก้อะไรไม่ทันแล้ว ซึ่งจากการทำ mobile Storage ของผมก็ได้เรียนรู้และประสบการณ์จากการทำมันมากมายหลายอย่างเลยละครับ

      การทำ DIY งานไม้ นี่ก็เป็นอะไรที่ทำขึ้นโดยไม่ได้หวังรายได้อะไรจากมันกลับมาจากสิ่งที่เราลงทุนไป(มากเหมือนกัน) แต่สิ่งที่ได้มาก็คือความสุขที่ได้ทำงานไม้ได้ด้วยตัวเอง ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ได้ศึกษาหาความรู้และแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ได้มิตรภาพจากเพื่อนๆที่มาจากหลายสาขาแต่มีใจรักเหมือนๆกัน แค่นี้ผมว่าก็คุ้มค่าแล้วครับ และเครื่องมือที่เราลงทุนไปก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีต่าในตัวของมันเองอยู่แล้วไม่ได้หายไปไหนมากมาย เก็บไว้เก่าๆอาจมีราคามากขึ้นก็ได้ใครจะไปรู้  

จริงครับพี่เอ็มและขอต้อนรับคุณเสะสำหรับงานไม้ DIY ที่เราๆชื่นชอบกัน

ผมว่าจะไม่ซื้ออะไรแล้วนะพี่เอ็มแต่สุดท้ายไปถอย JP-801 มาอีกแล้วสุดท้ายก็เหมือนเดิมซื้อมาประมาณเดือนธันวาคมจนป่านนี้ยังไม่ได้แกะพลาสติคเลย.....เห้อว่าจะไม่แล้วเชียวถ้าสนใจขายต่อเอามั้ยพี่เอ็ม5555

คุณ i3ird

     แหมนินทาแป๊บเดียวเอง ตัวจริงมาเองเลยนะ คุณ i3ird สร้างช็อปใหม่เสร็จรึยัง จะได้พาพลพรรคไปฉลองเปิด ช็อปใหม่ กันอีกครั้ง เสียดายไม่ได้ไปงานคุยจ้อฯ เลยไม่ได้เจอกัน

     ตอนนี้ก็กำลังเคลียร์พื้นที่ เพื่อรอเครื่องไสชิดตัวใหม่อยู่  JP-801ของคุณ i3ird น่ะให้ฟรียังไม่มีปัญญาไปเอาเลย รีบๆแกะพลาสติคออกซะเพราะเดี๋ยวบังเอิญคุณเล็กมาเห็นเข้าจะรู้ว่าเราซื้อเครื่องมือมาอีกแล้ว แกะแล้วเขาจำไม่ได้หรอกว่าตัวไหนผิดแปลกมาใหม่ หากสะดุดตาถามขึ้นมา เราก็บอกว่าโอ้ยมันอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้วจำไม่ได้หรือ เนียนๆไปเลย ผมใช้วิธีนี้แหละ 555

    ช่วงนี้เลยยังไม่ได้ตกลงใจที่ซื้อตัวไหน ที่จริงแล้วก็เหมือนกับคุณ i3ird ละครับที่คิดว่าปีนี้จะยังไม่ซื้อเครื่องมือชิ้นใหญ่ๆเพิ่มอีก หลังจากที่ได้ซื้อแท่นเลื่อยองศาแบบสไลด์ Makita LS1216L ไปแล้วเมื่อต้นปี แต่พอเจอสวยๆ (เอ้อเครื่องมือนะครับไม่ใช่สาวๆ) ก็อดใจไว้ไม่ไหวเหมือนกันครับ แถมยังไปดู spec เครื่อง JET JPT-260 กับ JPT-310 อีกด้วย งานนี้หาก ผบ.รู้ราคาเครื่อง JET สงสัยหูอื้อแน่เลย 555
     

     ขั้นตอนประกอบเสาด้วยส่วนค้ำยันพื้น 4 อันผมประกบเข้ากับหัวเสาของตัว Bird Feeder และติดด้วยกาว epoxy โดยไม่ได้ใช้สกรู เสร็จจากนี้ก็จะเอาไปขัดกระดาษทราย ติดฐานเข้ากับเสาด้วย epoxy และสกรูสเตนเลสโดยเจาะจากด้านบน จากนั้นจึงจะลงยูริเทน เคลือบ ก่อนนำเจ้า Bird Feeder มาประกอบกับเสาต่อไป

       ระหว่างรอให้สีโป้วอุดรอยตำหนิต่างๆของไม้เต็งที่ทำเสาแห้งเพื่อขัด ผมก็มาตัด Butyl Tape (เห็นช่างเขาใช้ในการปิดหลังคาตอนทำโรงรถที่ สามรถกันแดดกันฝนได้ไม่หลุดร่อน) โดยใส่ระหว่างร่องบานพับเปิดปิดของหลังคา เพื่อกันน้ำเข้าทางรอยต่อหลังคาจะทำให้อาหารนกเปียกเสียหายได้

       ผมตัดไม้ส่วนที่ใช้ทำฐานของเสาเพื่อรองรับตัว Bird Feeder แนว cross cut ด้วยเครื่องตัดสไลด์องศา และแนว Ripping cut ด้วยเลื่อยสายพาน (โดยเผื่อขนาดไว้เล็กน้อย) แล้วมาทำการปรับไสด้วยกบไม้ เพื่อให้ได้ขนาดตามความต้องการ และทำการขัดผิวทุกด้านด้วยกระดาษทราย แล้วยึดเข้ากับเสาด้วยสกรูสเตนเลส 2 ตัวจากด้านบน

        ในที่สุดผมก็ตัดสินใจย้อมเสาให้เป็นสีเขียวเพื่อจะให้มันดูเหมือนกับว่า Bird Feeder มันแขวนอยู่โดยที่มองไม่เห็นขาเพราะขาจะดูกลมกลืนไปกับต้นไม้และจะได้ดูเก่าๆหน่อย เพราะไม้เต็งมันไม่มีลายไม้ และเนื้อไม้ไม่สวยอยู่แล้วเลยจับย้อมสีซะเลย ย้อมสีเสร็จก็จัดการลงยูริเทนซะ 2 รอบก่อน เดี๋ยวค่อยเอากระดาษทรายลูบ แล้วลงยูริเทนเที่ยวสุดท้ายอีกรอบ
        (ต้องขออภัยภาพเบื้องหลังรกไปหน่อยนะครับ แต่ก็อีกไม่นานผมก็จะเริ่มทำ ช็อปงานไม้ในฝันของผม แล้วครับ)

         นำไปทดสอบก่อนเก็บงานอีกรอบ ทำให้งานใกล้จะเสร็จแล้วครับ หลายท่านที่เคยเดาว่าอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมมาสนใจ DIY งานไม้วันนี้ก็คงจะทราบแล้วละครับว่ามันคืออะไร ตลอดระยะเวลาประมาณ 2ปีครึ่งที่ผมได้เข้ามาสู่การ DIY งานไม้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมาย และก็จะได้นำประสบการณ์ต่างๆนำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายๆท่านที่สนใจแต่ยังไม่แน่ใจ ให้เกิดความฮึดเช่นเดียวกับผมที่ก็สามารถทำได้ทั้งที่ม่มีพื้นความรู้ด้านนี้มาก่อนเลย แต่ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับอีกหลายๆท่านที่ได้เอาผลงานมาโชว์ไว้
        และแล้ววันนี้ผมก็ได้ทำความฝันของผมที่เห็นมันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 และเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเรื่อยมาว่าหากสักวันหนึ่ึงที่ผมพร้อมก็จะทำเจ้า Bird Feeder (หรือ Thousand Road Bird Feeder ที่คุณ  Yun ตั้งให้) ให้สำเร็จให้ได้ และวันนั้นก็มาถึงจริงๆแม้จะต้องใช้เวลาถึงเกือบ 13 ปี ก็ตาม แต่สิ่งที่ผมได้สร้างขึ้นมานี้ มันก็จะอยู่คู่สวนของผมไปอีกนานเท่านาน ให้ผมได้ชื่นชมและได้ให้อาหารแก่นกอีกหลายๆสิบหรือหลายร้อยชีวิตให้มีความสุขต่อไปครับ
        ตอนนี้ก็ขอเวลาไปหาซื้ออาหารนกเพื่อมาเติมให้มันก่อนละครับซึ่งยังไม่รู้ว่านกแถวบ้านผมมันชอบกินอะไรกันบ้างเลยจะลองผสมกันดูหลายๆอย่างไปก่อนแล้วค่อยดูว่ามัยชอบกินอะไรกันอีกครั้ง แถวละแวกบ้านผมจะมีนกค่อนข้างเยอะ เพราะอยู่ใกล้กับสวนสัตว์เปิดซาฟารีเวิร์ด และผมก็ปลูกต้นไม้และสนามหญ้าไว้ให้สมาชิกได้วิ่งเล่นร่มเย็น โดยเฉพาะช่วงเช้าๆก่อนสิบนาฬิกา กับช่วงเย็นๆหลังห้าโมงเย็น จะมีนกบินลงมากินหนอนหรือดอกหญ้าที่สนามกันเยอะแยะ หลากหลายพันธุ์ หรือไม่ก็มาอาบน้ำหรือกินน้ำที่บ่อน้ำตกเล็กๆที่ผมทำไว้ในบริเวณสนามหญ้า

 EPISODE 9: จุดหมายปลายทาง

        ในที่สุดสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้มีโอกาสเข้ามาสู่ DIY งานไม้อย่างจริงจัง  มาจาก Bird Feeder ที่ผมได้เคยเห็นมันมาเมื่อประมาณ13 ปีที่แล้ว จนมาเป็น Bird Feeder หลังนี้ซึ่่งให้ผลงานออกมาเป็นที่พอใจของผมระดับหนึ่ง ที่ได้มาจากการลองผิดลองถูกกับการทำงานชิ้นแรกที่ผ่านมาที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ผมสามารถทำงานนี้ออกมาได้ หากย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ผมเริ่มสนใจและเข้ามาศึกษาหาความรู้ผมคงไม่สามารถทำได้แน่ๆ แต่แล้วผมก็สามารถที่จะทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้ด้วยตนเอง แม้อาจจะดูพื้นๆ แต่สำหรับผมแล้ว ผมว่ามันเป็นฝันที่ทำให้ผมได้ก้าวเข้ามาสู่งานไม้  และจะเป็นก้าวย่างที่สำคัญที่จะทำให้ผมมีกำลังใจที่จะพัฒนาฝีมือต่อไปในอนาคตและมันยังเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของผมตลอดไป
        เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ผมได้เริ่มบันทึกเรื่องราวต่างๆไว้นับถึงวันนี้ก็กำลังจะครบ 5 เดือนเต็มๆต้องขอบคุณมิตรภาพที่ได้จากเพื่อนๆทั้งหลายที่ให้กำลังใจ ติชม เย้าหยอกกันบ้างทำให้เป็นกระทู้ที่สนุกสนานพอสมควรทำให้ผมมีกำลังใจที่จะมาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังได้ตลอดรอดฝั่ง 
          ส่วนเรื่องราวเกี่ยวกับ ช็อปงานไม้ในฝันของผม จะเริ่มเร็วๆนี้ละครับเพราะตั้งใจว่าจะต้องเริ่มทำเสียที(ว่าจะเริ่ม มาหลายครั้งหลายหนแล้วครับ) มิฉนั้นมันก็จะไม่ได้เริ่มเสียที แล้วก็ค่อยๆทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะครบกะว่าจะให้เสร็จภายในปีนี้ละครับ ซึ่งมันจะเป็นช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่ของผมอีกครั้ง หลังจากที่ได้ประสบการณ์มาบ้างแล้วจากการทำงานโครงงานต่างๆที่ผ่านมา  แล้วค่อยพบกันอีกครั้งเมื่อถึงเวลาครับ ตอนนี้ขอเวลาเอาไม้ที่ได้จากชิงช้าเก่าไปทำรั้วก่อนครับ
           กระทู้นี้ผมคงเอาไว้เล่าเรื่องราวและประสบการณืของผมเพื่อให้รุ่นหลังๆได้มีโอกาสได้เรียนรู้ไปด้วย ขอบคุณทุกท่านครับที่ติดตาม

พี่เอ็มนี่งานแต่ละชิ้นนี่สไตล์ฝรั่งจริงๆ

คุณเอ๋

        ก็คงเป็นเพราะได้อ่านหนังสือและดูวิดีโองานไม้ของฝรั่งเยอะมั้งครับ เลยลอกแบบเขามาละครับ เพราะของบ้านเราไม่เคยเห็นมีใครเขียนหรือทำวิดีโอไว้เลยนอกจากคุณเอ๋คนเดียว คงเป็นเพราะแบบนี้แหละครับคนที่สนใจงานไม้บ้านเราเลยยังไม่ค่อยแพร่หลายเพราะหาความรู้ยากน่ะครับ

        เอาไว้ไว้วันข้างหน้าหากฝีมือแก่กล้าขึ้น ตั้งใจว่าจะพยายามถ่ายทอดประสบการณ์ให้แกคนรุ่นหลังเพื่อจะได้หันมาสนใจงานไม้กันมากขึ้น แล้วก็ไม่แน่อาจมีแบบที่ออกเอง ทำเอง 100% บ้างละครับ ตอนนี้ก็ขอเอาแบบเขามาแก้ไขเล็กๆน้อยๆให้เข้ากับความต้องการใช้งาน และเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปก่อนครับ

      - ระหว่างว่างพักช่วงสงกรานต์ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะโดน ผบ.ยึดพื้นที่โรงรถทั้งหมดเพื่อเช็คสินค้าและถ่ายรูปสินค้าที่เข้ามาใหม่ เลยทำได้แต่ค้นหาข้อมูลจากเว็บเกี่ยวกับเครื่องไสชิดและโต๊ะเลื่อย ค้นไปค้นมาไปพบโต๊ะเลื่อยยี่ห้อหนึ่งชื่อ Harvey ผลิตในจีนแต่ก็ OEM ไปติดยี่ห้ออีกหลายยี่ห้อเช่น  LAGUNA TOOLS, GRIZZLY,  CRAFTEX, OLIVER และ ShopFox ในอเมริกาก็หน้าตาเหมือนกันแบบฝาแฝดเลยละครับ ส่วนอีกยี่ห้อคือ ZICAR ก็สไตล์เดีนวกันกับ UNIONONE เหมือนกัน
       - ผมว่าเป็นสินค้าที่โดนใจผมมากกว่าโต๊ะเลื่อยรุ่นต่างๆที่ผมเคยเห็นมาไม่ว่าจะเป็น BIGWOOD, MKT, OKURA , REXON หรือแม้แต่ JET ที่นำเข้า JTS600XM รุ่นเดียวที่เป็นแบบโต๊ะสไลด์ ผมคิดว่ามันเหมาะกับการตัดไม้อัดแผ่นใหญ่ๆมากกว่า สำหรับความเห็นผมนะครับ และผมก็มีความรู้สึกที่ไม่ดีฝังใจกับเจ้ารางสไลด์ของ Makita MLT100 ที่ไม่เอาไหนเลย 
      - ช่วงนี้คงจะศึกษาทั้งโต๊ะเลื่อยและเครื่องไสชิดไปก่อน และรอดูงาน Furnitech 2013 ระหว่าง 20-23 มิ.ย. 2556 ที่ไบเทค บางนา เผื่อจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง จะลงทุนซื้อของราคาแพงสุดในงานไม้ทั้งที ก็ต้องทำการบ้านเยอะหน่อยละครับ แล้วมันก็เป็นความสนุกอย่างหนึ่งด้วยละครับที่ได้ศึกษาหาข้อมูลเครื่องจักรงานไม้

      - ผมมีวิดีโอให้ดูด้วยครับ
     
    HARVEY video : http://www.youtube.com/watch?v=0FkCK-qEsxw

    GRIZZLY Video: http://www.youtube.com/watch?v=SYlZ4945gJg

    CRAFTEX Video: http://www.youtube.com/watch?v=4Gh0ZPEbLVI

    Laguna Tools Video: Part 1 http://www.youtube.com/watch?v=sPJN5Ro6j08

                                           Part 2 http://www.youtube.com/watch?v=1u7PEYwtXhg

                                           Part 3 http://www.youtube.com/watch?v=g43Jeqtft6c

 EPISODE 10: งานยามว่าง

             หลังจากเสร็จการสร้างงานที่เป็นแรงบันดาลใจของผม คือ i3ird Feeder (เลียนแบบคุณ i3ird ซะเลย) แล้วผมตั้งใจว่าจะนำเอาไม้ที่เหลือจากการแปรสภาพชิงช้ามาทำเป็นรั้วตบแต่งสวน แต่ทำไปทำมาคิดว่าน่าจะเอาไปทำเป็นประตู้รั้วสำหรับกั้นไม่ให้เจ้า messi ของผมไปยุ่มย่ามในพื้นที่ต้องห้าม เลยคิดว่าจะทำประตูรั้วแบบที่ใช้ในสนามแทน

         ผมเริ่มออกแบบโดยวัดจากพิ้นที่จริงที่จะสร้าง แล้วนำมาเลือกไม้ที่จะนำมาทำโครงโดยที่ผมมีไม้เต็งอยู่ เลยเอามาทำเป็นโครงทั้งประตู และเสา

         ผมเริ่มทำเสายึดกับผนังปูนก่อนสำหรับด้านบานพับ และอีกฝั่งยึดกับรั้วกำแพง โดยตัดไม้ให้ได้ขนาดตามแบบ

         จากนั้นจึงมาทำโครงของบานประตู การต่อชนไม้ผมใช้การต่อชนแบบร่องกับเดือย(Mortise and Tenon) โดยผมทำร่องด้วยสิ่วโดยใช้สว่านแท่นเจาะให้ได้ขนาดแล้วแต่งด้วยสิ่วอีกที ส่วนตัวเดือยทำด้วยเลื่อยสายพาน เพราะผมเห็นว่าเลื่อยสายพานเป็นเลื่อยที่ปลอดภัยมากกว่าโต๊ะเลื่อยวงเดือนครับและร่องใบเลื่อยก็แคบกว่ามากครับ (แต่ความแม่นยำอาจเป็นรองเล็กน้อยเนื่องจาากการบิดหรือโย้ของใบเลื่อยไม่เหมือนใบเลื่อยโต๊ะเลื่อยที่ตรงแท้แน่นอนกว่า) ผมทำโดยใช้รั้วและ Miter Guage ช่วยครับ
         ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการฝึกฝีมือในการใช้เครื่องมือพื้นฐานละครับ แม้ว่าผมจะมีเครื่องทำเดือยเหลี่ยม (Hollow Mortiser) อยู่แล้วก็ตาม(ซื้อจากคุณอนุชิตที่ Thaicarpenter นี่แหละครับ) อีกทั้งพื้นที่ในการทำงานบนโต๊ะงานไม้มีจำกัดเลยไม่ได้ยกเอามาทำในครั้งนี้ 

     ทำร่องและเดือยเสร็จแล้วจึงนำมาประกอบและยึดกันด้วยกาวผง (Weldwood Glue) ที่สามารถทนน้ำได้ แล้วก็ใช้แคล็มป์บีบไว้รอจนกาวแห้งสนิทข้ามคืน แล้วผมนำมาเสริมความแข็งแรงด้วยสกรูสเตนเลสอีกชั้น

      จากนั้นจึงใส่ไม้ยันแนวเฉียงเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและประตูจะไม่บิดเบี้ยวตามที่ผมเคยดูวิดีโอมาละครับ (เก็บเอาความรู้ของเขามาใช้ประโยชน์) จากนั้นก็ถอดเสายึดออกมาเจาะใส่บานพับสเตนเลส 2 อัน โดยผมทำจิ๊กขึ้นมาแล้วใช้ทริมเมอร์กัดตามจิ๊กแล้วเก็บมุมด้วยสิ่ว แต่ตอนเจาะร่องใส่บานพับไม่ได้ถ่ายรูปไว้ครับ

      เมื่อทำเสร็จจึงนำไปติดตั้งเพื่อทดสอบ ก่อนที่จะติดไม้ระแนงบนโครงต่อไป

        แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นจนได้เมื่อนำไม้ที่ได้จากชิงช้าเก่ามาตัดกลับพบว่า ไม้บางส่วนใส้เปื่อยยุ่ยไม่สามารถนำมาใช้ได้ จึงทำให้ไม้ที่จะนำมาทำระแนงประตูจึงไม่พอ ทำให้ผมต้องเปลี่ยนแผนใหม่
        ผมเอาไม้ระแนงที่ซื้อไว้เพื่อทำกระบะใส่กระถาง หรือที่บังตาในสวนมาใช้แทน ทำให้ได้ออกมาตามภาพ ส่วนเมื่อติดระแนงด้วยสกรูสเตนเลสแล้วก็ทำการเก็บหัวสกรูด้วยการโป๊วหัวให้เรียบ แล้วจึงทาสีขาวที่ผมชอบ แต่เมื่อ ผบ.มาเห็นบอกว่าอยากได้เป็นสีปูนส้มๆแบบ Pastel จึงต้องทำการผสมสีแล้วทาทับใหม่อีกรอบ ก็ดูสดใสไปอีกแบบ. ส่วนกลอนยังไม่ได้ซื้อเดี๋ยวต้องขอไปหาซื้อก่อนละครับ

     ส่วนไม้จากชิงช้าเก่าที่เหลืออยู่ ผมเลยจับมาทำกระบะใส่กระถางต้นไม้แทนแล้วกัน  ไหนๆก็ตัดไม้แล้วก็เลยอดไม่ได้ที่จะตัดไม้ระแนงเพื่อทำรั้วต้นไม้เตี้ยๆยาว 2 ฟุตเพิ่มได้อีก 7 อันเป็นของแถม ที่เหลือก็เป็นขั้นตอนการทำสีเท่านั้นครับ เดี๋ยวรอว่างๆก่อนค่อยทำครับเพราะไม่ค่อยชอบ ทาสีครั้งใดเลอะเทอะทุกที

เครดิตภาพ - ศาลา Victoria Princess ที่ภูชมดาวรีสอร์ท จ.เชียงราย

    อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความใฝ่ฝันของผมที่จะสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง เลยทำให้มาเป็นแรงบันดาลใจใหม่ให้กับผม ในการที่จะศึกษาหาความรู้และฝึกฝนฝีมือ เพื่อที่จะสามารถทำมันได้ด้วยตัวเองในอนาคต ซึ่งเรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงที่ย้ายบ้านและทำการปรับปรุงบ้านใหม่ และต้องการหาเฟอร์นิเจอร์ในสนามมาใช้เพิ่มเติม ผมได้เคยเห็นจากหนังสือและจากที่ได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆก็สนใจ เพราะเห็นว่ามันสวยดีและน่าเอามาใช้ประโยชน์ในสวนเพื่อพักผ่อนและทำงานท่ามกลางสนามหญ้าและสวนได้ดีมาก รวมถึงยังสามารถรับรองแขกไปใครมาได้เป็นอย่างดี
    ช่วงนั้นผมก็พยายามหาที่เขาทำขายกันแต่ก็ยังไม่ถูกใจและยังไม่ใช่รูปแบบที่ชอบก็เลยยังไม่ได้ซื้อ แต่ก็พยายามค้นหาไปเรื่อยๆรวมไปถึงการไปดูตามงาน บ้านและสวนในที่ต่างๆ แต่ก็ยังไม่เห็นรูปแบบที่ถูกใจ ค้นไปค้นมาก็ได้พบว่ามีผู้ผลิตอยู่ในประเทศรายหนึ่ง (ศาลาท่าน้ำ www.salatanum.com - รูปสวยๆที่ผมนำมาประกอบก็มาจากฝีมือของเขาละครับเรียกว่ารุ่น Victoria Princess) ที่ได้ทำศาลาออกมาขายหลายรูปแบบสวยถูกใจ แต่ราคาก็แพงมากเหมือนกัน และเขาก็ผลิตขายทั้งในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศด้วย มีหลายแบบและหลายขนาด เท่าที่สอบถามราคา ที่ขนาดความกว้างเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 เมตรก็ราคาเกินแสนแล้วครับ จนต้องล้มเลิกความอยากไปก่อนแต่ก็หวังว่าสักวันเราน่าจะทำได้เองในอนาคต หากเรามีความรู้และมีฝีมือมากขึ้น ซึ่งผมจะถือว่ามันจะเป็นงานชิ้นเอก (Master Piece) ในชีวิตการทำงานไม้ของผมเลยทีเดียว ผมพยายามสร้างแรงบันดาลใจเพื่อให้ตัวผมเองมีแรงฮึดที่จะต้องทำมันให้ได้สักวัน
      นอกจากนี้วัสดุต่างๆที่จะต้องใช้ทำและเป็นวัสดุที่สำคัญในการทำหลังคาเช่นแผ่นแอสฟัลต์ชิงเกิ้ล (Asphalt Shingles) หรือแผ่นหลังคาซีด้าร์ (Cedar Shingles) รวมถึงแผ่นกระดาษกันน้ำใต้หลังคา (Felt Paper) SBS Membrains และแผ่นไม้อัด OSB ก็มีขายแล้วในบ้านเรา  และ Weather Vane บนหลังคาทาง SCG ก็ผลิตขายแล้วและราคาแค่ 1 ใน 3 ที่นำเข้าจากต่างประเทศที่มีขายอยู่ที่ TrueValue ยิ่งทำให้น่าจะทำให้สามารถสร้างได้ง่ายขึ้น ส่วนอื่นๆก็เป็นโครงไม้ที่ต้องการการศึกษาหาความรู้และฝึกฝนฝีมือต่อไปอีกสัก 2-3 ปีครับ เพราะตอนนี้เท่าที่ประเมินความสามารถแล้วยังทำไม่ได้ครับ หรือถ้ายังไม่ไหวก็สัก 4-5ปีก็ได้ครับค่อยว่ากันใหม่

     สิ่งที่ผมใฝ่ฝันที่จะทำที่เล่ามาข้างต้นก็คือศาลาในสวนทรงแปดเหลี่ยม หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Gazebo หลังนี้แหละครับ 

งานสวยงามทุกชิ้นเลยครับ ชอบสีของประตูรั้วมากเลยครับ ดูสดใสสวยงามมากเลยครับ

รอดูศาลาในสวนนะครับ

เครดิตภาพ - www.salatanum.com

 คุณ sornid

          ขอบคุณครับ ผบ.เป็นคนเลือกสีเองครับ เห็นบอกว่าจะทาสีโรงรถใหม่ให้เป็นโทน Tascany  ส่วนโครงการสร้างศาลานี่คงอีกนานหลายปีครับ เพราะฝีมือยังไม่ถึงแต่ก็จะศึกษาแบบและวิธีการสร้างไปเรื่อยๆก่อนเพื่อเป็นเชื้อไว้ก่อน

        วันนี้ฤกษ์ดีได้ไปเอากบที่สั่ง อาจารย์ดนัย แห่งธรรมศักดิ์การช่างทำไห้ ได้กบมาครอบครองหลายตัวและได้ความรู้มากมาย เห็นอาจารย์ดนัยเล่าว่า คุณเขมทัต กับเสธ ต้อมก็มาก่อนหน้าผมสัก 2 ชั่วโมงได้ แล้วจะเอามาให้ชมกันนะครับ
        เหมือนที่คุณ pakae ว่าไว้เลยว่าให้เตรียมปัจจัยไปเยอะๆเพราะสั่งไว้ 3 ชิ้นได้กลับมา 6 ชิ้นครับ

ร้านธรรมศักดิ์การช่างตั้งอยู่เลขที่ 7 (385/35) ถนนเพชรเกษม ซอย 39/4 ตรงข้าม เทสโก้ โลตัส บางแคครับ

พิกัด GPS: N13.71100 E100.41865 

ก่อนอื่นผมพาดูช็อปงานไม้ อ.ดนัยก่อนเลยครับ 

 เท่าที่ผมดูช็อปของอาจารย์ดนัย จะเต็มไปด้วย hand tools ทั้งนั้น เท่าที่เห็น Power Tool จะมีอยู่ตัวเดียวคือ สว่านแท่นครับ 

        อาจารย์เล่าให้ฟังว่าป่วยไปสักพักเมื่อต้นปีเกือบเอาชีวิตไม่รอดเนื่องจากเป็นนิ่วอุดในท่อน้ำดีและถุงน้ำดีอักเสบ ติดเชื้อเข้ากระแสเลือด ทำให้ไม่สามารถทำกบให้พวกเราได้ใช้กันช่วงนั้น แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว เรี่ยวแรงกลับมาเหมือนเดิม ทำให้ผมได้มาเอากบที่ผมสั่งทำไว้เมื่อ 2 เดือนที่แล้วหลังอาจารย์ดีขึ้นแล้วเพราะไม่มีในสต๊อกเลยเนื่องจากป่วยเลยไม่ได้ทำไว้ ผมก็เลยสั่งแบบ Premium ซะ 1 ชุดและกบล้าง 22" อีก 1 ตัว
       ตอนที่ผมมานี่เห็นมีกบล้างอยู่สัก 5-7 ตัวได้ หากท่านใดสนใจรีบๆเลยนะครับเดี๋ยวหมดอดเป็นเจ้าของนะครับ

อันนี้เป็นชั้นวางเครื่องมือกับอุปกรณ์ต่างๆมากมายของและตัวกบ ที่ได้ทำไว้อีกหลายตัวในกล่องด้านล่าง ทำให้ผมได้เห็นและขอความรู้ไปในตัวของกบชนิดต่างๆ บางตัวก็หน้าตาแปลกดี ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะมัวลองกบจนเพลินครับ

        อาจารย์ดนัยท่านห่อกบทั้ง 3 ตัวของผมด้วยแผ่น Plastic bubbles อย่างดีแล้วเอาไปซ่อนไว้เพราะกลัวใครเห็นแล้วมาเอาของผมไปก่อน เมื่อหยิบออกมาจากที่ซ่อนแล้วผมก็ช่วยแกะห่ออกทั้งหมดเลย เพื่อให้ท่านสอนวิธีถอด ใส่ และปรับแต่งให้ด้วยครับ
        ตามรูปก็เป็นตอนที่กำลังสอนผมถอด ใส่ และปรับแต่งใบกบล้างขนาด 22 นิ้วอยู่ครับ ระหว่างทำไปก็คุยกันไปหลายๆเรื่องทั้งเรื่องกบและเรื่องทั่วๆไปครับทำให้ทราบว่าท่านมีบุตรสาว 2 คนกับ บุตรชายอีก 1 คนแต่เขาไม่ชอบงานช่างตั้งแต่เล็ก เลยไม่มีมีใครที่จะถ่ายทอดวิชาให้

         ปรับเสร็จก็ไสให้ดูเป็นตัวอย่าง ก่อนที่ผมจะลองบ้างครับ คมและนิ่มจริงๆครับ งานนี่สุดยอดเลยครับ ไม้ชิงชันที่ใช้ทำก็สวยอีกต่างหาก รวมถึงสอนผมเรื่องการดูแลรักษาด้วยน้ำมันมะพร้าวครับ

       ภาพอาจารย์กำลังสอนวิธีถอด ประกอบและปรับกบล้าง 14นิ้วรุ่น Premium ที่มีการผลิตที่พิถีพิถันทุกขั้นตอนให้ผมอยู่ครับ ทั้งเคล็ดลับต่างๆที่จะทำให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รูปขวานี่เป็นวิธีวางนิ้วเพื่อปรับใบที่ถูกต้องที่ผมถ่ายมาเพราะกันลืมครับ แต่ผมต้องทำตรงข้ามกันเพราะผมถนัดซ้ายนั่นเองครับ

   รุูปนี้เป็นรูปของท่านอาจารย์ดนัยกับพี่ชายท่านที่เป็นต้นตำหรับและเป็นผู้บุกเบิกการทำกบมาทั้งชีวิต วันนี้ท่านอายุ 70 กว่าปีแล้วแต่ก็ยังดูแข็งแรงดีครับ และก็ยังช่วยทำงานฝีมือชิ้นนี้กับอาจารย์ดนัยด้วยใจรักครับ

    ผมอยู่ที่ช็อปอาจารย์ดนัย 2 ชั่วโมงได้ความรู้มากมายและในที่สุดผมก็ได้ของที่สั่งไว้ทั้งหมดได้แก่กบ Premium ใบ 1-3/4"  1 ชุด(ประกอบด้วยกบล้าง 14" และกบผิว 9"อย่างละตัวเป็นกบที่มีใบเป็นเหล็ก HSS จากออสเตรีย ใบประกับเป็นทองเหลือง) และกบล้าง 22" 1 ตัวกลับมาพร้อมด้วยของติดมือมาอีก 3 ชิ้นได้แก่ กบกระดี่ 10นิ้ว และขนาด 18 นิ้ว อย่างละตัวแถมด้วยค้อนไม้สำหรับครอบครัวกบของผมอีก 1 เต้ากลับมาด้วย และผมก็เพิ่งจะได้รู้ว่ากบผิวนี่มันไม่มีเหล็กประกับหรือ Chip Breaker ครับ

         นี่ละครับครอบครัวกบชุดใหม่ของผมเอามาให้อิจฉากันเล่นครับ แต่ท่านที่สนใจก็ไปอุดหนุนได้นะครับผมว่าเท่าที่ผมสัมผัสมา ผมๆว่างานเนี้ยบอย่างไม่มีที่ติเลยละครับโดยเฉพาะกับกบ Premium นี่ถึงกับไม่กล้าใช้เลยละครับ   สงสัยว่าจะต้องไปเอากบรุ่นมาตรฐานมาใช้อีกสัก 2 ตัวหรือเปล่านะนี่

     ที่เหลือตอนนี้คงจะต้องทำกล่องไว้เก็บแล้วละครับ ผมเห็นตัวอย่างด้วยฝีมือของคุณเขมทัตตามกระทู้นี้เลยครับ สุดยอดๆ

http://www.thaicarpenter.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=1420109

     แต่ช่วงนี้ก็อยู่ในลังไปก่อนแล้วกันนะพรรคพวก ส่วนกบชาวบ้านตัวเดิมของผมๆก็คงจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงวันที่ผมเริ่มจับงานไม้ครั้งแรก ซึ่งวันนี้คงต้องเป็นวันที่เขาต้องเกษียนตัวเองแล้วละครับ (ว่าง่ายๆจะจับขึ้นหิ้งน่ะ)

***** ดูซะก่อนว่าช็อปผมมันรกขนาดไหน *****

        ได้ฤกษ์ดีเริ่มทำช็อปมาได้ 2 วันแล้ว วัสดุอุปกรณ์ก็ซื้อไว้ครบนานแล้วแต่ก็ยังไม่ได้เริ่มทำเสียที เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีแล้วก็ได้เวลาเริ่มนับหนึ่งแล้วครับ คงจะทำไปเรื่อยๆเมื่อว่างแต่คิดว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนนะครับ เพราะตั้งใจว่าจะทำให้เสร็จภายในปีนี้ให้ได้ หากงานที่ทำก้าวหน้าไปพอที่จะนำมาเล่าได้จึงจะเริ่มนะครับเพราะไม่อยากให้อ่านไปหยุดไป เพราะแต่ละชิ้นของผมมันใช้เวลานาน แล้วแต่อารมณ์และเวลาครับ  
        ผมเริ่มทำ Workshop Hutch ก่อนเลย จึงทำให้ยังไม่ได้ทำ Mobile Clamp Rack ตามที่คิดไว้ตั้งแต่ต้น เนื่องจากเปลี่ยนแผนใหม่เพราะทนเห็นความรกต่อไปอีกไม่ไหว เนื่องจากขณะนี้ช็อปผมแทบจะเดินไม่ได้อยู่แล้ววครับ(ดูจากรูปก็ได้ว่ารกแค่ไหน 555) จะหาอะไรแต่ละทีหรือจะทำงานอะไรสักอย่างก็ลำบากมาก เหลืออดแล้ว เลยเลือกทำตู้เค้าน์เตอร์ กับตู้แขวนผนังในช็อปเพื่อเก็บของก่อนเลย
        ขนาดของตู้เค้าน์เตอร์จะมีความยาว 8ฟุต กับตู้เก็บเครื่องมือติดผนังอีกใบที่จะออกแบบใหม่ จะไม่ใช้แบบตามที่เห็นแล้วครับเพราะบ้านเราฝุ่นเยอะว่าจะทำเป็นตู้ลอยแขวนผนังและหน้าบานเป็นประตูใส่แผ่นอะคลิลิคใสที่เคยซื้อไว้ตอนทำ i3ird Feeder น่ะครับ ตอนนี้โครงของตู้เค้าน์เตอร์ก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว อยู่ขั้นตอนทำท็อปของโต๊ะแล้ว โดยทำไปคิดไปแก้แบบบ้างตามความเหมาะสมกับสถานที่ด้วยครับ และท็อปของตู้เค้าน์เตอร์นี่ผมก็เปลี่ยนใจหลายรอบแล้ว แล้วค่อยพบกันเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมครับ

 สวัสดีคับ พี่เอ็ม

ขอสมัครเป็นน้องใหม่ DIY ด้วยคนนะคับ

พี่เอ็มเป็นฮีโร่ของผมจริงๆ นะนี่ (ผมชื่อน้อง)

ประทับใจงานออกแบบอีกพี่มากๆ (sketchup)

ทำได้ไง เรียนรู้ด้วยตันเอง ผมเคยจับลองทำดู ได้ชิ้นงานห่วยๆ มา 1 อัน

ทั้งๆ ที่ ออกแบบ 2d มา 20 ปี แล้ว พอมาจับงาน 3d โง่กินเลยคับ

พี่เอ็ม เก่งจริงๆ ไม่ได้ยอนะ อันนี้ออกมาจากความรู้สึกภายในเลยคับ

 คุณน้อง

        ยินดีต้องรับสู่ บอร์ดคนรักงานไม้ครับ ผมเองก็เริ่มงานไม้จากศูนย์ คือไม่รู้เรื่องอะไรเลย อาศัยการอ่านหนังสือมากๆ ดูวิดิโอ งานไม้มากๆ ผมดูแต่ละตอนโดยเฉพาะที่ยากๆเป็นสิบรอบ(สามารถหาได้ง่ายจาก Internet) แล้วก็ลองฝึกทำดูครับ ฝึกบ่อยๆจากง่ายๆไปก่อน และหากมีโอกาสก็ไปพวกงานโชว์ต่างๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์บ้างก็ดี มันจะทำให้เราจะค่อยๆได้เรียนรู้มันไปเรื่อยๆ
        สำหรับ Sketchup ก็เช่นกันผมก็ใช้วิธีเดียวกันครับ กว่าจะพอทำได้ก็ใช้ความพยายามอยู่หลายรอบเหมือนกัน แต่ความพยายามของเรามันจะทำให้เราสำเร็จเองครับ ทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้ และหากไม่รู้อะไรถามได้ใน Webboard นี้เลย อย่าอายหรือเกรงใจที่จะถาม แม้บางครั้งเป็นคำถามพื้นๆ ที่บางทีอาจทำให้คนอื่นอาจคิดว่าเราโง่  แต่ผมยอมโง่ที่จะถามดีกว่าไม่ถามแล้วโง่ต่อไป ไม่มีใครรู้อะไรมาตั้งแต่เกิดครับ และตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ (ตามสำนวนคุณเอ๋ เพาะช่างครับ)
      เมื่อแรกที่ผมสนใจงานไม้ผมยังไม่รู้จักเครื่องมืองานไม้เลยนอกจากเครื่องมือพื้นฐานพวกสว่าน ไขควง อะไรพวกนั้นเท่านั้นเอง นึกย้อนหลังกลับไปผมยังขำตัวเองไม่หาย ในหลายสิบเรื่องจากความไม่รู้
      จริงๆแล้ววัตถุประสงค์หลักที่ผมมาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังนั้นก็เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผมกับเพื่อนๆ และหากมีส่วนที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับหน้าใหม่ที่สนใจงานไม้ แต่ยังกล้าๆกลัวๆอยู่ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ ขออย่างเดียวอย่าถอดใจท้อเสียก่อนนะครับ ทำไม่ได้วันนี้เดี๋ยวไปศึกษาเพิ่มเติมแล้ว กลับมาทำใหม่เท่านั้นครับ

 ขอบคุณครับพี่

เริ่มใหม่แล้วครับ ดูที่พี่ทำแล้ว เกิดลูกฮึด ดาวน์โหลด sketchup ลงแมคเรียบร้อย ถ้าจะใช้ full คงต้องเสียเงินเพิ่ม

ผมทำงานเกี่ยวกับออกแบบสิ่งพิมพ์มานานมากครับ แต่ตั้งแต่ย้ายมาอยู่จอมเทียน เช่าตึกแถวทำร้านอาหาร จากตึกเก่าๆ ผมก็ปรับปรุงเป็นห้องพักให้ต่างชาติเช่า ขยายเรื่อยๆครับ 4 ปีที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ มีห้าตึกแถวแล้ว (เช่าเขานะ) 55

เมื่อเริ่มทำ ก็เอาญาติพี่น้องจากขลุงมาทำก่อสร้าง (ตัวผมไม่มีความรู้เรื่องก่อสร้างเลย แต่อาศัยชอบลอง ชอบคิดว่าคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ แต่บางทีมันไม่ได้ ก็ไม่ได้นะ ฮาาา) 

ต่อมาก็ได้กลุ่มคนสุรินทร์ที่มาปักหลักขายของตามชายหาด หน้าไฮพวกเขาขายของ หน้าโล ออกหางานก่อสร้างทำ ทำห้องของตัวเองไปมา ผมเริ่มรับงานก่อสร้างเล็กๆครับ เลี้ยงลูกน้อง (สงสาร บางคนไม่อยากไปขายของ) หน้าไฮก็จับลูกน้องก่อสร้างมาทำร้านอาหาร หัวหน้าช่างเป็นแคชเชียร์ พวกช่างเป็นเด็กเสิร์ฟ หน้าโล ก็ต่อเติมซ่อมแซมห้อง กับรับงานก่อสร้างข้างนอก เล็ก ใหญ่ รับหมด

ช่วงไหนปรับปรุงห้อง ผมก็ google ดูแบบห้องนอน ห้องน้ำ ดูไปดูมา หลงรักงานเดคคอร์จนสุดลิ่มทิ่มประตู ดูได้ 24 ชม ไม่หลับไม่นอน ไปเดินตามห้างซื้อวัสดุก่อสร้าง ก็ชอบแอบลักจำแบบเขามา ทำห้องออกมาก็ดูดีนะครับ เดิ้นๆ 

ตอนนี้เป็นช่วงหน้าโล ต้องปรับปรุงห้อง ที่ตึกแรกเริ่มทำไว้ ไม่มีประสบการณ์ งานไม่สวยเท่าไหร่ ก็เริ่มทุบ รื้อ ห้องน้ำ (อยู่มาเกือบ 4 ปี รบกวนชาวบ้านชาวช่องทุกวัน จนทุกร้าน เบื่อหน้าผมเต็มที ขนาดเซเว่นปากซอย ยังถามร้านข้างๆผมว่า พี่ทนได้ไง เขาทำไม่เสร็จเสียที 555)

ผมก็เริ่มมาgoogle ใหม่ และก็ไปซื้อดอกไม้ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ยาวๆ ขาวๆ ครีมๆ กำละ 1500 มาตบแต่งห้องออฟฟิศให้แฟน เลยไปประทับใจงาน เฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่ เจ้าของเป็นชาวบัลกาเรีย งานเขาบอกได้คำเดียว สุดยอดครับพี่ ผมก็เกิดความสงสัย มันทำยังไงว๊า ไอ้เอาไม้ไผ่มาติดกัน แล้วทำท็อบลงบนโต๊ะ บนเคาน์เตอร์ ก็google ไปมา เจอวิธีการทำ เจอเครื่องมือจอยท์ไม้หลายตัวตามยูทูป แล้วก็เลยคิดว่าน่าจะเริ่มทำเรื่องเฟอร์นิเจอร์ให้มันเป็นเรื่องราว ก็เลยเริ่มศึกษาว่าต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้าง ต้องใช้งบเท่าไหร googleไปมา ก็มาเจอพี่นี่แหล่ะ 

ผมก็เลยได้ปรับความคิดตัวเองใหม่ ก่อนอื่นต้องเริ่มที่ออกแบบให้เก่งก่อน (ถ้าไม่เก่ง เอาแค่พอดูออก เพื่อช่างจะได้ทำงานต่อไปได้)

ขอโทษนาครับ ฟุ้งเยอะมากมาย ได้ติดตามอ่านตั้งแต่หน้าแรกๆ จนถึงหน้าที่ 3 เหมือนคุ้นเคยกับพี่นั่นแหล่ะ 55

ผมลงไปดูงานก่อนครับ แล้วต้องไปซื้อกระเบื้องห้องน้ำให้ช่าง กลับมาก็คงมืด

ผมคงต้องมีเรื่องรบกวนพี่แน่ๆ เกี่ยวกับ sketchup อายุมากแล้ว เรียนรู้ไม่เร็วเหมือนเก่า ก่อนที่จะเริ่มทำโรงพิมพ์ ผมฝึก illustra photoshop indesing  flash ด้วยตนเอง เก่งพอตัวครับ แต่พอมาเจอ 3d โง่จริงๆ อย่างที่บอกไว้ ยังไงต้องรบกวนพี่เป็นครูนะครับ  

ขอขอบคุณอีกครั้งครับพี่

คุณน้อง

      จริงๆแล้วคนเก่ง Sketchup รวมไปถึงการ rendering ด้วย Vray ในบอร์ดนี้มีเยอะนะครับ (ค้นจากกระทู่เก่าๆดูก็ได้ครับ)
     ส่วนตัวผมเองยังทำได้ในแบบที่ไม่ซับซ้อนมากเท่านั้น เพราะก็เพิ่งเริ่มฝึกทำเมื่อจะเล่าเรื่องงานไม้ชิ้นแรกนี่แหละครับ เพราะไม่ค่อยได้ถ่ายรูปไว้ทำให้จำเป็นต้องใช้รูปจาก Sketchup ช่วย เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าผมกำลังเล่าอะไรอยู่
      นอกจากนี้ผมเห็นว่ามันมีประโยชน์มากสำหรับการทำงานไม้ในวันข้างหน้า จึงทำให้ผมต้องเริ่มฝึกฝนมันอย่างจริงๆจังๆ แล้วมีงานมาบังคับเราจะช่วยกระตุ้นให้เราไม่ท้อเลิกฝึกมันไปก่อนน่ะครับ

      ไปแล้วอย่าไปนานรีบกลับมานะครับ

       ตอนนี้ผมได้รูปร่างหน้าตาโต๊ะและตู้ในช็อปเบื้องต้นออกมาแล้วครับ แต่แค่ต้นแบบนะครับไม่ใช่แบบจริงเพราะผมมักจะชอบเปลี่ยนไปตามอารมณ์ตอนที่ทำ ตัวจริงอาจผิดไปจากแบบมากเลยก็ได้ใครจะรู้ ต้องติดตามกันต่อไป โดยเฉพาะช่องโล่งๆด้านขวาที่ไม่มีบานประตู ผมวางแผนไว้ว่าจะเอาไว้เป็นที่เก็บกล่องสกรู ที่มีจำนวนมากพอดู เพราะผมซื้อมาทุกขนาด เบอร์ 7, 8 และะ 10 ทั้งหัว F และ P ที่หาได้เลยละครับ

       แต่ผมดูแล้วมันก็ยังขัดๆกับเพื่อนๆที่เหลืออย่างไรไม่รู้ เพราะผมมีปัญหาทางด้านกายภาพเนื่องจากมันติดชั้นวางไม้ (Lumber Rack) ที่ผมทำไว้ตั้งแต่ตอนน้ำท่วม กทม. จึงทำให้มันมีประตูไม่ได้เพราะมันจะติดและเปิดปิดไม่ได้ หรือผมอาจจะตัดชั้นให้มันสั้นลง เดี๋ยวขอดูก่อนระหว่างที่ทำตู้ด้านล่างแล้วกันครับว่าจะเอาอย่างไรดี  และแล้วก็ได้เวลาที่จะเอาแบบเข้าไปทำงานต่อแล้วครับ เพื่อที่มันจะได้เป็นรูปเป็นร่างเสียที ติดตามกันไปเรื่อยๆนะครับ สิ้นปีเสร็จพอดีครับ 555

สวดยวดเลยพี่เอ็ม....ทำไงผมถึงจะออกแบบได้เงี้ยมั่งช็อปผมขยายเสร็จปีมะโว้แล้วแต่ยังไม่มีเวลาจัดของสักทีก็ได้กระทู้นี้แหละเป็นกำลังใจให้เริ่มต้นเก็บของเสร็จเมื่อไรจะเอาให้ดูนะครับ(ประมาณ2ปีน่าจะเสร็จ55)

คุณ i3ird
          สวดยวด...ของคุณ i3ird นี่คือรกสวดยวดเลยใช่ไหมล่ะครับ ไม่รู้ของผมหรือของคุณ i3ird ใครจะรกกว่ากัน ดูๆกันต่อไปว่าของใครจะเสร็จก่อนกัน ผมน่ะเริ่มทำชิ้นแรกแล้วนะครับ (วัสดุและของที่ต้องใช้ทั้งหมดซื้อมาเป็นปีแล้ว)
         โครงแรกผมขึ้นมาได้สัปดาห์หนึ่งแล้วแต่ยังไม่ได้ทำต่อเลย ทำไปเปลี่ยนไปเรื่อย ไม่รู้ว่ากว่าจะเสร็จนี่จะเปลี่ยนไปจากแบบอีกเท่าไร เรื่องของเรื่องทำไปแล้วมันดูไม่ค่อยเข้าท่าเลยเปลี่ยนมันซะงั้น กะว่าพรุ่งนี้ถ้าไม่ติดอะไรจะทำต่อไปเรื่อยๆ คิดไม่ออกก็หยุดทำมาคิดใหม่ คิดออกแล้วค่อยกลับไปทำ โดยเฉพาะพื้นโต๊ะ (Top) นี่ผมเปลี่ยนใจไปหลายรอบแล้ว
         ผมตั้งใจจะทำๆ มาตั้งแต่หลังปีน้ำท่วม(น่าจะเกือบ 2 ปีแล้ว) ยังไม่ได้เริ่มทำจริงจังเสียที คราวนี้แหละฤกษ์ดีแล้วของกำลังขึ้นเลยต้องรีบทำแล้ว ไม่ใช่อะไรหรอกเพราะมันเดินไม่ได้แล้วตอนนี้ รถก็เอาออกไปนอกโรงรถหมดแล้ว เพราะไม่มีที่ให้รถจอด แล้วคุณ i3ird ทำไปถึงไหนแล้วไม่เห็นเอามาเล่าให้ฟังกันบ้างเลย เดี๋ยวความรู้ที่มีอยู่ต้องคืนอาจารย์ไปหมดซะก่อนนะ
        ผมตั้งใจว่าปีนี้จะไม่ซื้อเครื่องมือเพิ่มแล้ว จนกว่าจะทำช็อปเสร็จ แต่ก็อดไม่ได้เพราะเดือนนี้ไปรับกบที่สั่ง อ.ดนัย แห่งธรรมศักดิ์การช่างทำไว้ มาชุดใหญ่ 1 ชุดรวม 6ชิ้น (อย่างนี้ไม่เรียกว่าซื้อใหม่นะเห็นด้วยไหม แต่เป็นการไปรับของที่สั่งไว้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ไม่ได้ซื้ออ่ะ) ตอนนี้ก็เก็บไว้อย่างดีในกล่องอย่างมิดชิด ผบ.ยังไม่รู้ และก็ยังไม่เคยเห็นด้วยเพราะเก็บอย่างดี รอตู้เสร็จก่อนแล้วค่อยเอาออกมาเข้าที่เข้าทาง ถึงตอนนั้นก็จะบอกว่าซื้อมาตั้งนานนนน มากแล้ว 5555
       

คุณ i3ird

       ตอนนี้ผีนาง(งาน)ไม้เข้าสิงผมอีกแล้ว เรื่องของเรื่องคือ ผมดันไปติดใจน้อง ฮาร์วี่ย์ (Harvey) ที่เป็นโต๊ะเลื่อยแบบ Left Tilt Riving Knife ขนาด 10" ที่มีเพลา 5/8" เข้าอย่างจัง (ซึ่งตัวนี้เป็นฝาแฝดกับน้อง Baileigh TS-1040P-50, Craftex CX201, Grizzly G0691, Laguna MTS0200-0180, Oliver 4012 และ Shop Fox W1820 ด้วย เพราะเป็นโรงงานที่ผลิตรุ่นดังกล่าวให้กับทุกยี่ห้อที่กล่าวมา (OEM) นั่นเอง ทำให้พอแน่ใจได้ว่าคุณภาพน่าจะใช้ได้)
       หลังจากที่ค้นคว้าหาข้อมูลอยู่หลายเดือน จนผมหาช่องทางติดต่อกับโรงงานได้เพื่อประเมินว่า ถ้าจะสั่งเข้ามาเองจะคุ้มไหม ผมน่ะหลงไหลถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ (น้ำหนักขึ้นไปอีก 2 กิโล) ในที่สุดก็หักห้ามใจไม่อยู่ครับ ทำให้ผมตัดสินใจ ที่จะอิมพอร์ตน้องเขามาเข้าสังกัดเองเลย หาในบ้านเราจนพลิกแผ่นดินแล้วก็หาได้ไม่ถูกใจซะที 
      สาเหตุที่เป็นอย่างนี้น่ะหรือครับ ก็มาจากวันที่ได้ไปเยี่ยมช็อปของคุณ i3ird นั่นแหละ ทำให้ผมต้องเป็นอย่างนี้ (โทษเลย) แต่ก่อนผมก็แค่สนใจอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น แต่เหตุการณ์วันนั้นก็คุณ i3ird เล่นขนเอาทั้งพี่โด้(dado) ชนิดฟูลทีม ออกมาโชว์ตัว พร้อมกับน้อง JET JTS-10 ที่จับลดน้ำหนักซะจนได้หุ่น 5/8" แถมนิ้วยังเรียวยาวกว่าเดิมอีก จนยอมพี่โด้ได้อย่าแนบสนิทนั่นแหละครับ ทำให้ผมเคลิ้มจนกลับมาฝันถึงแทบทุกคืน 
      ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา สัดส่วน และความสามารถของเธอ ผมเห็นแล้วก็ยากที่จะห้ามใจได้ ทำให้ผมรีบเก็บกวาดและทำช็อปใหม่ซะเลย ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะเตรียมพื้นที่ไว้ให้เธอนั่นเองครับ (เพราะเธอเป็นแรงกระตุ้นให้ผมกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันทีทันใด ไม่อย่างนั้นคงจะต้องรกไปอย่างนี้อีกนาน) คุณi3ird ลองดูก็แล้วกันว่าสวยขนาดไหน แต่ตอนนี้ผมก็ได้แต่นั่งดู Port Folio กับคู่มือการทะนุถนอมเธอ ไปพลางๆก่อนรอวันที่เธอจะเดินทางมาถึงเท่านั้นเอง
       แต่ว่างานนี้ผมก็ยังคิดหาข้ออ้างไม่ได้เลย ว่าจะบอก ผบ.ทบ. อย่างไรเมื่อวันที่เธอมานอนอยู่ในช็อปผม สงสัยผมต้องโดนให้ย้ายที่นอนไปนอนกับสาวเจ้าแน่เลย (ก็ดีเหมือนกันนะ) ครั้นจะให้สัญญาว่าเธอคนนี้จะเป็นคนสุดท้ายของผม (อีก)แล้วก็ไม่ได้ เพราะในใจยังมีกิ๊กอีกหนึึ่ง คือน้องจอย (Jointer) ที่จะต้องเอาเข้าบ้านด้วยอีกคน แต่ก็ต้องหลีกทางให้น้องฮาร์วี่ย์ พี่สาวคนสวยก่อน และผมเองก็ไม่กล้าที่จะเอาเข้าบ้านพร้อมๆกันทั้งสองคน หรือจะบอกว่าพ่อแม่เขาแถมให้ เพราะเอาพี่สาวเขามาแล้วก็ต้องเอาน้องสาวมาด้วยก็คงไม่ได้ ถึงตายแน่เลย จึงต้องเอาเข้ามาทีละคน (น้องจอย JP-801 ของคุณ i3ird น่ะถอดเสื้อผ้าโชว์หุ่นได้แล้วนะครับ)
      เออ...หรือว่าลองเสี่ยงดูครั้งเดียวพร้อมๆกันจะได้รู้เรื่องไปเลย (นึกในใจได้ แต่ทำจริงยังไม่กล้าอ่ะ)... เอิ๊ก

ช็อปงานไม้ในฝันของผม (My dream works wood shop) จะเริ่มเร็วๆนี้ ขอขึ้นหน้าใหม่ไว้ก่อน จะได้ดูง่ายๆครับ

ลำดับที่ 1: Workshop Hutch

ลำดับที่ 2:  Mobile Clamp rack

ช็อปงานไม้ในฝันของผม (My dream works wood shop)

      ตอนแรกคิดว่าจะสร้างงานให้เสร็จสักชิ้นก่อน ค่อยมาเล่าเรื่องไปทำงานชิ้นที่ 2 ไป แต่ผมตัดสินใจที่จะเริ่มเลยครับ เพราะกระทู้กำลังจะขึ้นหน้า 4 พอดีจะได้อ่านง่ายๆสำหรับผู้ที่สนใจ และก็เพื่อที่จะได้เป็นแรงผลักดันให้ผมได้ทำมันอย่างตั้งใจและต่อเนื่อง(ครั้งที่เท่าไรก็ไม่ทราบแล้ว) หากเป็นไปตามแผนก็จะใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือน 
      ผมตั้งใจจะให้เสร็จก่อนสิ้นปี 2556 นี้แหละครับ (ตอนนี้เลยเริ่มร่างแบบไว้ด้วย Sketchup เพื่อวาง Layout ตามพื้นที่จริงที่มีอยู่ก่อนครับ........ติดตามได้้แล้ว) เริ่มต้นที่ หน้า 4 เลยครับ