2.  ตัวยกเร้าเตอร์ ที่ฝั่งอเมริกาเรียกว่า Router Lift หรือฝั่งอังกฤษ เรียกว่า Router Elevator นั้น ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นตัวที่ใช้สำหรับยกตัวเร้าเตอร์นั่นเอง รูปแบบของตัวยกเร้าเตอร์ ที่ผลิตขายกันสำหรับเราชาวงานไม้ ก็มีมากมายหลายรูปแบบแล้วแต่ว่าผู้ผลิตต่างๆ จะออกแบบกันอย่างไร

       แต่แน่นอนที่สุดว่า แต่ละโรงงานก็พยายามทำให้มีน้ำหนักน้อยที่สุด แต่ยังคงความแข็งแรงไว้ เนื่องจากตัวเร้าเตอร์นั้นมีน้ำหนักตัวมากพอสมควรที่ประมาณ 5-7 กก.และยังทำงานด้วยความเร็วสูงขนาด 22,000 รอบต่อนาทีเลยทีเดียว นอกจากที่จะต้องให้มีความมั่นคงแข็งแรงแล้ว ยังจะต้องออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายคล่องตัว มีความแม่นยำในการยกขึ้นลงสูง และยังต้องให้ใช้แรงน้อยที่สุดในการใช้งาน รวมถึงยังต้องใช้งานได้ง่ายและสามารถเปลี่ยนดอกเร้าเตอร์ได้เร็วและสะดวกอีกด้วย

      ตัวยกเร้าเตอร์ ที่ผมเห็นมีขายอยู่ในท้องตลาด ล้วนแล้วแต่ผลิตด้วยอลูมิเนียมหล่อ หรือไม่ก็กัดขึ้นรูปด้วยเครื่อง CNC ทั้งสิ้น แต่ก็ใช้หลักการเดียวกันเกือบทั้งหมดคือ ติดตั้งอยู่บนขาตั้ง (Poles) ที่สามารถเลื่อนตัวเร้าเตอร์ขึ้นลงได้ ที่มีทั้งแบบ 2 ขา จนถึง 5 ขา (เกินกว่านี้ยังไม่เคยเห็นน่ะครับ) ส่วนการปรับขึ้นลงก็มีมากมายหลายแบบแล้วแต่ผู้ผลิต แต่เกือบทั้งหมดจะปรับจากด้านบนโต๊ะ หรือไม่ก็มีสายต่อมาปรับที่ด้านหน้าโต๊ะ ถ็าไฮเทคกว่านั้นก็ปรับด้วยระบบไฟฟ้าเลยก็มีครับ

      สิ่งที่สำคัญและเหมือนกันทุกผู้ผลิต มีอยู่อย่างเดียวครับคือ แพง ไงครับ

3.   ปัญหาใหญ่ของตัวยกเร้าเตอร์ที่ผลิตในอเมริกาคือ เขาจะผลิตให้ใช้ได้กับเร้าเตอร์ของ Porter-Cable รุ่นที่เป็น Fixed Base เช่น 7518 690/890 series, Bosch 1616/1617/1618 series, Dewalt DW610/616/618 series และ Craftman 17540/17542/28190 series ไม่ใช่รุ่นที่เป็น Plunge Router เหมือนในบ้านเรา

      จะมีเพิ่มขึ้นมาบ้างสำหรับตัวยกเร้าเตอร์บางยี่ห้อที่สามารถใช้งานได้กับเร้าเตอร์ยี่ห้ออื่นๆเช่น Hitachi M12VC และ Makita RF1100/1101 series หากสังเกตุให้ดี เร้าเตอร์ที่ใช้ได้กับตัวยกเร้าเตอร์มักจะมีลักษณะของตัวที่ไม่รวมฐานเป็นทรงกระบอกกลมๆ ทำให้เร้าเตอร์อื่นๆเช่นเร้าเตอร์ Makita Ryobi หรือ Bosch รุ่นที่ขายกันอยู่ในประเทศไทยที่เป็น Plunge Router จะไม่สามารถใช้กับตัวยกเร้าเตอร์เหล่านี้ได้ และเร้าเตอร์ Series ต่างๆที่สามารถใช้งานกับตัวยกเร้าเตอร์เหล่านี้ได้ ก็ไม่มีขายในประเทศไทยอีกต่างหาก

     เร้าเตอร์ของ Makita ที่พอจะใช้กับตัวยกเร้าเตอร์ได้ก็เห็นแต่ของ UJK Technology หรือ Axminster ในอังกฤษ ที่พอจะใช้พวก Plunge Router ได้บ้างบางรุ่นที่มีขายในประเทศไทยเช่น Ryobi R-500N Makita 3612B เป็นต้นซึ่งล้วนแต่เป็นเร้าเตอร์รุ่นเก่าๆเท่านั้น ส่วนรุ่นใหม่ก็น่าจะพอติดได้ แต่ก็ต้องมีการโม (modify) กันเล็กน้อยละครับ

*** หน้าตาของ Plunge Router ของ Ryobi R-500N และ Makita RP2301FC ***

ส่วนรูปล่างเป็นเร้าเตอร์ที่ติดตั้ง Router Lift แล้ว

4.   หลังจากที่เจออุปสรรคในเรื่องตัวยกเร้าเตอร์ ที่จะสามารถจับคู่กันกับเร้าเตอร์ที่มีขายในประเทศไทยได้ ทำให้ผมต้องมองหาตัวยกเร้าเตอร์ในแบบอื่นๆ เนื่องจากผมไม่ต้องการที่จะนำเอาเร้าเตอร์ที่ต้องใช้กับไฟฟ้าขนาด 110v ที่ใช้กันอยู่ในอเมริกาเข้ามาใช้ในประเทศไทย ที่ต้องใช้กับระบบไฟฟ้า 220v นั่นเอง แม้ว่าใจก็อยากจะได้ตัวยกเร้าเตอร์ของ KREG รุ่น PRS3000 ที่สามารถซื้อได้ในราคาประมาณ 13,500 บาท ส่วนเร้าเตอร์ Porter Cable 690 ราคาประมาณ 7,000 บาทซึ่งรวมค่าขนส่งและภาษีแล้ว  ติดเพียงจะต้องใช้กับไฟฟ้า 110v นั่นเอง ที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจไม่นำเข้ามา

      ในครั้งแรกผมก็เลือกดูเร้าเตอร์แกน 1/2 นิ้วที่มีขายในประเทศไทยทั้งหมดก่อนว่ามียี่ห้อและรุ่นอะไรกันบ้าง ซึงในตอนนั้นก็เห็นมี Makita, Maktec, Ryobi, Hitachi และ AEG เท่านั้นส่วน Bosch ตอนนั้นยังไม่มีเร้าเตอร์ (มีแต่ตัวทริมเมอร์รุ่น GMR1 ขาย แต่ปัจจุบัน BOSCH ไทย มีเร้าเตอร์ขายแล้วชื่อรุ่น GOF1600C) ส่วนตัวผมเองมีเร้าเตอร์อยู่ 2 ตัวได้แก่ Ryobi R-500N กับ Makita RP2301FC

     ผมเริ่มหาตัวยกเร้าเตอร์ที่สามารถใช้งานได้กับเร้าเตอร์ Ryobi R-500N ให้ได้ก่อน ซึ่งทำให้ผมได้พบเจอกับตัวยกเร้าเตอร์ของบริษัท Router Technologies ที่ชื่อ Router Raizer และรุ่นที่สามารถใช้งานได้กับ Ryobi R-500N (ในอเมริกาจะใช้ชื่อรุ่นว่า RE-500) ได้เป็นรุ่น RZ100 และก็เป็นเหตุให้ผมต้องค้นหาลึกลงไปอีกถึงรายละเอียดของตัวยกเร้าเตอร์ของค่ายนี้

*** รูปซ้ายมือเป็นรูปเร้าเตอร์เดิมๆที่ซื้อมา ส่วนรูปด้านขวาเป็นรูปที่ติดตัว Router Raizer RZ100 เข้าไปแล้ว ***   

    5.   หลังจากที่พบว่า Ryobi R-500N สามารถใช้ได้กับตัวยกเร้าเตอร์ Router Raizer ได้ก็เริ่มพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อดูไปดูมากลับพบว่าเร้าเตอร์ Ryobi R-500N กลับมีข้อจำกัดในตัวมันเอง เนื่องจากว่ามันเป็นเร้าเตอร์รุ่นเก่าที่ผลิตมานานแล้ว ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้กับดอกเร้าเตอร์ใหม่ๆที่มีขนาดใหญ่ได้ และได้พบอีกว่าจำเป็นที่จะต้องมีการดัดแปลงที่ตัวเร้าเตอร์ด้วยการเจาะที่ตัวเร้าเตอร์ด้วย ทำให้ผมลังเลที่จะใช้ Ryobi R-500N ต่อไป

       เมื่อเริ่มเกิดปัญหากับ Ryobi R-500N แล้วทำให้ผมต้องค้นหาใหม่ว่าจะเอาเร้าเตอร์ตัวไหนไปจับคู่กับ Router Raizer ได้บ้าง ทำให้มาลองดูเร้าเตอร์ตัวที่ 2 ที่ผมมีอยู่คือ Makita RP2301FC แต่ไม่ปรากฏว่าจะใช้กับ Router Razer ได้มีแต่เร้าเตอร์รุ่นเก่าของ Makita คือ 3612BR เท่านั้นที่ใช้ได้ ทำให้ผมเริ่มมองดูในทางกลับกันคือมาหาใหม่ว่า มีเร้าเตอร์ยี่ห้อและรุ่นใดบ้างที่สามารถใช้งานกับ Router Raizer ได้โดยที่ไม่ต้องดัดแปลงที่ตัวเร้าเตอร์ เป็นเร้าเตอร์รุ่นใหม่่ที่สามรถปรับความเร็วได้ และสามารถใช้กับดอกเร้าเตอร์ขนาดใหญ่ๆ เช่นดอกตีบานหน้าต่าง หรือประตูตู้ได้

       หลังจากที่ตัด Makita และ Ryobi ออกไป รวมถึง Maktec และ AEG ออกไปด้วย เนื่องจากในอเมริกาไม่มีขาย ทำให้เหลือตัวสุดท้ายคือ Hitachi หลังจากที่ดูแล้ว Hitachi เพิ่งจะเริ่มนำเร้าเตอร์เข้ามาขายในประเทศไทย และก็มีอยู่เพียง 2 รุ่นได้แก่รุ่น M12SA2 และ M12V2  ซึ่งต่างกันที่รุ่น M12V2 สามารถปรับความเร็วรอบได้เท่านั้น ส่วนรุ่น M12VC นัน Hitachi Power Tools ประเทศไทยไม่ได้เอาเข้ามาทำตลาด

      Router Raizer สามารถใช้งานได้กับ M12VC และ M12V2 แต่รุ่น M12VC ไม่มีขายในประเทศไทยดังที่กล่าวแล้ว จึงทำให้เหลือรุ่น M12SA2 กับ M12V2 เท่านั้น แต่เมื่อต้องเลือกรุ่นที่สามารถปรับรอบได้ จึงเหลือเพียงรุ่นเดียวคือ M12V2 เท่านั้น ซึ่งผมก็ได้ศึกษาถึงเร้าเตอร์รุ่นนี้ก็ได้ข้อมูลว่าเป็นเร้าเตอร์ที่ดีมากในตลาดรุ่นหนึ่ง และ M12V2 นี้ก็สามราถใช้ได้กับ Router Raizer รุ่น RZ100 ได้โดยไม่ต้องปรับแก้ไขที่ตัวเร้าเตอร์เลย

     ผมตืดต่อทางกับทาง Hitachi Power Tools ประเทศไทย เพื่อหาตัวแทนที่ขายเร้าเตอร์รุ่นนี้ เนื่องจากยังไม่เห็นมีจำหน่ายในท้องตลาดเลย และในที่สุดผมก็ได้มาจากตัวแทนของฮิตาชิในราคา 8,700 บาท รวมถึงได้สั่งซื้อ Router Lift รุ่น Router Raizer RZ100 จาก Rockler ในอเมริกามาในราคาประมาณ $90 โดยที่ผมซื้อมาปีเศษๆแล้ว แต่ก็เก็บไว้เฉยๆ (เหมือนเดิม) ไม่ได้ทำอะไรต่อ เพราะตั้งใจไว้ว่าจะทำโต๊ะเร้าเตอร์ตัวใหม่ก่อนนั่นเอง

     6.  จากเดิมผมตั้งใจว่าจะสร้างโต๊ะเร้าเตอร์ขึ้นมาใหม่เองตามแบบของ The New Yankee Workshop แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ทำ จนมาเมื่อผมได้โต๊ะเร้าเตอร์ KREG ตัวนี้มาโดยบังเอิญ ทำให้ผมกลับมาปัดฝุ่นเพื่อประกอบ Router Raizer RZ100 เข้ากับเร้าเตอร์ Hitachi M12V2 ตัวนี้เพื่อติดตั้งใช้งานกับโต๊ะเร้าเตอร์ และก็ได้ค้นพบสิ่งที่ไม่คาดฝันอีกต่างหากกับเร้าเตอร์ HITACHI ตัวนี้ หลังจากที่ประกอบตัวยกเร้าเตอร์เสร็จแล้วด้วยละครับ

     ที่จริงแล้ว Router Raizer มีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่นคือ RZ100 และ RZ200 (แต่ละรุ่นจะเหมาะกับเร้าเตอร์แต่ละยีห้อแต่ละรุ่น ดังนั้นจะต้องเลือกให้ถูกเวลาซื้อ) แล้วก็อย่าแปลกใจ หรือพยายามหาในรูปว่า ตัวยกเร้าเตอร์ Router Raizer อยู่ที่ไหน และหน้าตามันเป็นอย่างไรนะครับ  ก็เพราะว่าในกล่อง RZ100 มันมีชิ้นส่วน กับคู่มือการติดตั้ง ด้วยค่าตัวประมาณ $90 เท่านี้จริงๆครับ !!!

     7.  รายละเอียดการติดตั้งก็มีให้อย่างละเอียดสำหรับเร้าแตอร์แต่ละรุ่น รวมถึง template ของ sub base เพื่อให้ใช้สำหรับการระบุตำแหน่งที่จะต้องเจาะบนแผ่น Insert Plate ด้วยครับ (แต่ก็ไม่วายที่จบพบว่ามีส่วนที่อธิบายผิดพลาดอยู่บ้างเหมือนกัน ทำให้ผมงงอยู่พักใหญ่กว่าที่จะหาเจอว่าเขาเขียนอธิบายชิ้นส่วนไว้ผิดตัว

     สิ่งที่จำเป็นและผมคิดว่าเป็นส่วนสำคัญมากในการประกอบตัว Router Raizer RZ100 นี้เข้ากับตัวเร้าเตอร์ก็คือเราจะต้องอ่านคู่มืออย่างละเอียดเสียก่อนหลายๆรอบให้เข้าใจ และต้องมีการซักซ้อมการติดตั้งก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทำผิดขั้นตอน เพราะถ้าประกอบไปแล้วจะถอดออกก็ยากเหมือนกัน เนื่องจากการถอดจะทำให้แหวนล็อคหักได้ แหวนล็อคมีลักษณะเป็นแฉกๆและเป็นวงแหวนสปริงที่แข็งมากๆ (แม้ว่าเขาจะให้อะไหล่มาด้วยแล้วจำนวนหนึ่งก็ตาม)

     ผมใช้เวลาอ่านไปหลายรอบมากตั้งแต่ซื้อมา(ประมาณ 1 ปี ...นานพอไหมครับ) รวมแล้วน่าจะเป็นสิบๆรอบ ส่วนช่วงที่ทำการประกอบนั้น ผมใช้เวลาไปประมาณ 3-4 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ อุปกรณ์ประกอบเขาออกแบบรายละเอียดมาค่อนข้างดี เพราะมีแบบของชิ้นส่วนที่ตรงกับชิ้นส่วนจริง ให้มาด้วยในคู่มือ หากเราไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ ก็สามารถเอาอุปกรณ์จริงไปทาบดูเพื่อให้แน่ใจก่อนที่จะประกอบเข้าไป นอกจากนี้แหวนหรือปลอกเซอรามิคก็ทำมาเป็นสีต่างๆหลากหลายสีด้วย ทำให้ลดการผิดพลาดในการประกอบไปได้เยอะ รวมถึงสกรูหนอนต่างๆก็แต้มสีมาให้เสร็จ

     ผมว่าเขาขายทรัพย์สินทางปัญญามากกว่า สำหรับอุปกรณที่ให้มาก็ดูมีคุณภาพค่อนข้างดี มีความละเอียดสูง แต่อย่างไรก็ดีหากรวมมูลค่าของอุปกรณ์ดูแล้วไม่น่าจะถึง $30 ด้วยซ้ำไปที่เหลือเป็นค่าวิชาไปก็แล้วกันครับ

     ที่จริงแล้วผู้ผลิตเร้าเตอร์น่าจะทำ kit ที่อำนวนความสะดวกในการนำเอาเร้าเตอร์ไปติดโต๊ะมาให้ด้วยเลยจะได้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอีกทีหลัง ซึ่งเท่าที่ผมดู Makita RP2301FC ก็มีนะครับแต่มีแค่ครึ่งเดียวคือ สามารถปรับให้ใช้กับโต๊ะเร้าเตอร์ได้ แต่วิธีใช้คือต้องแหย่ไขควงหัวแฉกลงไปทางรูที่จะต้องเจาะไว้บนแผ่น Insert Plate (ที่อาจไม่ค่อยสะดวกนัก)เพื่อปรับยกเร้าเตอร์ขึ้นลง หากทำแกนตัวปรับยกเร้าเตอร์ให้สูงจนถึงแผ่น Insert Plate เพิ่มแบบที่ Router Raizer ทำอีกนิดเดียว ก็น่าจะสะดวกขึ้นและไม่จำเป็นต้องซื้อตัวยกเร้าเตอร์มาเพิ่มอีกเลย (ผมเห็นแล้วอยากจะดัดแปลงเองเสียจริงๆ ไม่แน่ในอนาคตหากมีเวลาว่างๆอาจ ลองทำเองดูก็ได้ครับ หรือท่านใดจะลองทำดูก่อนก็ได้นะครับ ซึ่งเร้าเตอร์ของ Makita ที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับ RP2301FC ได้แก่ RP1800 RP1801 และ RP2300FC ก็น่าจะทำได้ทั้งหมดนะครับ)

         8.  ช่วงที่ผมประกอบนั้น ผมไม่ค่อยได้ถ่ายรูปรายละเอียดขั้นตอนๆประกอบไว้มากนัก เนื่องจากจะต้องใช้สมาธิในการประกอบ Router Raizer เข้ากับตัวเร้าเตอร์ Hitachi M12V2 พอสมควรเลย

          พอเล่าได้คร่าวๆ คือผมเริ่มจากการถอดแผ่นรองใต้เร้าเตอร์สีดำๆ ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า  Sub base ออกพร้อมกับตัวยึด Guide Bushing ด้วย ทั้งนี้ก็เพราะจะต้องถอดแกนปรับระดับบนเร้าเตอร์ของเดิมออกจากทางด้านล่าง แล้วจึงจะสามารถใส่ตัวปรับระดับของ Router  Raizer RZ100 เข้าไปแทนที่ได้ โดยสิ่งที่ต้องทำกับแกนของตัวปรับระดับใหม่คือตัดให้ได้ขนาดที่จะใช้กับเร้าเตอร์รุ่นนี้(เขาออกแบบไว้ให้ยาวเพื่อที่จะได้ใช้ได้กับเร้าเตอร์ยี่ห้อและรุ่นอื่นๆที่เขาทำไว้ได้ทั้งหมด)

         ผมทำการตัดให้ได้ขนาดตามที่คู่มือกำหนดไว้ด้วยเลื่อยตัดเหล็กที่ผมตัดด้วยมือ หลังจากนั้นก็ทำการตะใบตบแต่งเหลี่ยมมุมต่างๆให้เรียบร้อย ตามที่คู่มือแนะนำไว้ จากนั้นจึงประกอบชิ้นส่วนต่างๆเข้าไปตามลำดับจนครบทุกชิ้นและใส่เข้าไปแทนที่ตัวปรับตัวเดิมจากโรงงาน

        จากรูปบนซ้ายจะเป็นภาพหลังจากถอดแผ่น Sub Base ออกแล้ว ส่วนรูปบนขวาจะเป็นรูปที่ถอดแกนปรับความสูงต่ำออกแล้วเปลี่ยนเป็นแกนของ Router Raizer แทน ส่วนรูปล่างซ้ายจะเป็นตัวแกนปรับเดิมของ Hitachi และรูปล่างขวาเป็นรูปแกนปรับของ Router Raizer

         ใครไม่เคยเห็นหน้าตาของเร้าเตอร์ของ Hitachi คิดเหมือนผมไหมว่าหน้าตามันดูตลกๆดี ไม่รู้ใครออกแบบ ซึ่งเครื่องมือไฟฟ้าของ Hitachi ก็ออกมาในแนวนี้ทั้งหมด แต่ถ้าไม่ติเรื่องหน้าตาที่ดูตลกๆแล้วผมว่าโครงสร้างมันแข็งแรงบึกบึนดี วัสดุที่ใช้ก็คุณภาพค่อนข้างดีระดับเดียวกันกับของ Makita เลย แต่ราคาถูกกว่าพอสมควร งานที่ผลิตก็เรียบร้อยดี

       สิ่งที่ชอบสำหรับเร้าเตอร์ของ Hitachi ตัวนี้คือเขาให้อุปกรณ์ประกอบที่จะต้องใช้กับเร้าเตอร์มาเยอะกว่าของ Makita อีกในราคาที่ถูกกว่า ซึ่งรวมถึงสิ่งที่ผมชอบมากคือฮูดสำหรับต่อเข้ากับเครื่องดูดฝุ่น เพราะมันช่วยลดฝุ่นที่ฟุ้งกระจายขณะใช้งานได้ดีมากระดับหนึ่งทีเดียว ทำให้ระยะหลังที่ผมซื้อเร้าเตอร์หรือทริมเมอร์จะดูด้วยเสมอว่าเขามีตัวต่อเข้ากับเครื่องดูดฝุ่นให้ด้วยหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็จะไม่ซื้อ เพราะซื้อมาแล้วก็ไม่สามารถหาซื้อเพิ่มได้เพราะตัวแทนไม่สั่งมาขาย ???

       9.   รูปนี้แสดงรายละเอียดของตัว Router Raizer รุ่น RZ100 ที่ผมประกอบเข้ากับเร้าเตอร์ Hitachi M12V2 เรียบร้อยแล้ว

      10.    จากนั้นผมก็เอาตัว Sub-based ไปวางทาบที่แผ่น Insert Plate ของโต๊ะเร้าเตอร์ เพื่อกำหนดจุดที่จะต้องเจาะแผ่น Insert Plate ของ KREG ที่ทำด้วยฟีนอลิค(Phenolic) ให้ตรงกับรูบน sub base ซึ่งผมก็ใช้ความระมัดระวัง โดยปรับแล้วปรับอีก เพื่อให้มันได้ศูนย์กลางและมีรูที่ตรงกันพอดี

       การเจาะแผ่น Insert Plate นั้น ผมต้องเจาะรูทั้งหมด 5 รู สำหรับยึดตัวเร้าเตอร์กับแผ่น Insert Plate ขนาด 5 มม จำนวน 4 รูและขนาด 1/2 นิ้วอีก 1 รูสำหรับใส่ประแจลงไปเมื่อต้องการปรับเร้าเตอร์ให้ขึ้น-ลง โดยในส่วนของรูนี้เขาให้เดือยมาด้วยเพื่อช่วยในการทำเครื่องหมายใต้แผ่น Insert Plate เพื่อช่วยให้เราสามารถเจาะรูดังกล่าวได้ตรงมากยิ่งขึ้น

     การเจาะรูที่แผ่น Insert Plate นั้นผมเจาะด้วยสว่านแท่นโดยเจาะด้วยดอกสว่านขนาด 5 มม. สำหรับรูยึดเร้าเตอร์ และดอก Forstner ขนาด 1/2 นิ้ว สำหรับรูใส่ประแจปรับเร้าเตอร์ขึ้น-ลง หลังจากที่เจาะรูแล้วผมใช้ดอก Countersink เจาะต่อเพื่อทำให้เป็นร่อง taper สำหรับฝังหัวสกรูขนาด 5x15 มม. ที่ผมต้องซื้อมาใหม่เพื่อแทนตัวเดิมเนื่องจากมันจะสั้นไปเมื่อต้องยึดเร้าเตอร์เข้ากับ Insert Plate ที่หนา 3/8 นิ้ว แทนที่จะเป็น sub base

     ผมใช้เวลาค่อนข้างมากในการเจาะรูแต่ละรูเพราะหากผิดพลาดอาจเกิดรูเพิ่มมากขึ้นที่แผ่น Insert Pllate โดยไม่จำเป็น และจะทำให้โครงสร้างความแข็งแรงของแผ่น Insert Plate เสียไปด้วย ทั้งนี้เนื่องจากแผ่น Inser Plate ของ KREG ที่ให้มากับโต๊ะฯ จะทำด้วยฟีนอลิคหรือแบเคไลท์ (Phenolic/ Bakelite) ไม่ใช่อลูมิเนียม ดังนั้นยิ่งเจาะรูเยอะจะยิ่งทำให้โครงสร้างของแผ่นอ่อนแอลงไปได้ เนื่องจากตัวเร้าเตอรที่แขวนอยู่นั้นจะมีน้ำหนักค่อนข้างมากอยู่แล้ว

    11.  การเจาะรูที่แผ่น Insert Plate บนสว่านแท่นนั้นผมต้องรองด้านล่างด้วยแผ่นไม้อัด เพื่อไม่ให้ผิวของแผ่นฟีนอลิคด้านล่างฉีกหรือแตกออกเนื่องจากแรงกดของดอกสว่าน และใช้แคล้มป์ช่วย ในการยึดจับไม้ในการเจาะทุกรู
          การเจาะรูโดยเฉพาะขนาด 1/2 นิ้วนั้นผมยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นเป็นพิเศษไปอีก เนื่องจากหลังเจาะแล้วจะต้องให้ขอบของรูที่เจาะมีความเรียบให้ได้มากที่สุด เพราะจะต้องใส่ปลอกสเตนเลสเข้าไปในรูด้วย ส่วนรูขนาด 1/2 นิ้วนี้ไม่ต้องเจาหัว taper

      12.  หลังจากเจาะรูที่แผ่น Insert Plate เสร็จแล้ว ผมก็ยึดเร้าเตอร์เข้ากับแผ่น Insert Plate ด้วยสกรูเครื่องจักรขนาด 5x15 มม. จำนวน 4 ตัว เสร็จแล้วจึงนำเอา Insert Plate ที่มีเร้าเตอร์ติดอยู่ด้านใต้ใส่เข้าไปในร่องบนโต๊ะฯ เพื่อทดสอบดูให้แน่ใจว่าไม่ติดหัวสกรูเมื่อต้องใช้งานจริง

       ส่วนรูสำหรับใส่ประแจปรับเร้าเตอร์ขึ้นลง(รูปประแจดูได้จากความเห็นที่ 703 รูปขวามือด้านล่าง) ผมได้ใส่ปลอกลงไปแล้วในรู 1/2 นิ้วที่เจาะใน Insert Plate และถูกปิดด้วยฝาแม่เหล็กขนาดพอดีปลอก เพื่อเวลาที่ใช้งานเศษฝุ่นไม้จะได้ไม่ลงไปอัดและปิดรูสำหรับใช้ในการปรับระดับขึ้น-ลงของเร้าเตอร์ เป็นอันเสร็จกระบวนการประกอบตัวยกเร้าเตอร (Router Lift) Router Razer RZ100 เข้ากับเร้าเตอร์ Hitachi M12V2 เรียบร้อยแล้ว ส่วนการใช้งานจริงเดี๋ยวรอเสร็จงานทั้งหมดแล้ว จะถ่ายรูปวิธีการใช้งานทั้งของตัวยกเร้าเตอร์ รวมถึงการใช้งานของโต๊ะเร้าเตอร์ KREG มาให้ดูกันภายหลังนะครับ

      จากนั้นผมคิดว่าจะลองทดสอบเร้าเตอร์ตัวนี้ดูว่าเป็นอย่างไร มันจะมีอาการสั่นอะไรไหม โดยในการทดสอบนั้นผมหาดอกเร้าเตอร์ขนาด 1/2 เอามาใส่ที่หัวจับดอกเร้าเตอร์ (Collet) แต่ผมลองใส่แล้วมันไม่เข้าครับ ผมจึงเริ่มเอะใจแล้วว่าทำไมมันจึงใส่ไม่เข้า ผมลองดูหัวจับอีกอันที่ให้มาในกล่องด้วยมาทดลองดู เพราะคิดว่าจะเป็นหัวจับขนาด 1/4 นิ้วจึงใส่ดอกเร้าเตอร์ขนาด 1/4 นิ้วเข้าไปดู ผลปรากฏว่ามันหลวมเกินไป ยิ่งทำให้ผมสงสัยหนักเข้าไปใหญ่

      ดังนั้นเพื่อให้หายสงสัยผมเลยถอดหัวจับออกมาวัดดูด้วยเวอร์เนียร์คาลิเปอร์ดิจิตอลทั้ง 2 อัน ผลปราฏว่ามันไม่ใช่ขนาดมาตรฐาน 1/2 นิ้ว กับ 1/4 นิ้ว แบบที่เราใช้กันอยู่ทั่วไปกับเร้าเตอร์ยี่ห้ออื่นๆ มันกลับกลายเป็นหัวจับขนาด 12 มม. กับ 8 มม.เสียนี่

      ผมเลยต้องโทรติดต่อไปยังศูนย์บริการของ Hitachi ที่อยู่แถวถนนกรุงเทพกรีฑา ศรีนครินทร์ ได้ความว่าเครื่องเร้าเตอร์รุ่นแรกที่นำเข้ามาขาย Hitachi นำรุ่นที่มีหัวจับขนาด 12 มม. กับ 8 มม. เข้ามาขาย (ผมว่าคนที่สั่งเข้ามาขายเขาคงไม่รู้ว่าประเทศไทยใช้ขนาด 1/2 นิ้วกับ 1/4 นิ้วเหมือนอเมริกา) และให้ผมเอา หัวจับไปเปลี่ยนได้หากเครื่องผมมีใบรับประกัน แต่เขาก็แจ้งในสายว่า จะมีเฉพาะอะไหล่หัวจับขนาด 1/2 นิ้วเท่านั้น ส่วนหัวจับขนาด 1/4 นิ้ว ไม่มี ...เวรกรรมแล้วไหมล่ะ แต่ผมก็ยังคิดว่ามีขนาด 1/2 นิ้วก็ยังดีๆกว่าตายตอนจบต้องเปลี่ยนทั้งเร้าเตอร์และตัวยกเร้าเตอร์กันใหม่หมด ส่วนหัวจับขนาด 1/4 นิ้วเดี๋ยวเอา adapter 1/2 เป็น 1/4 นิ้ว ของเครื่องเร้าเตอร์ตัวอื่นที่มีอยู่มาใส่แทนก็ได้ถ้าจะใช้ในอนาคต

     ในที่สุดผมก็ต้องขับรถไปที่ศูนย์บริการ Hitachi และต้องไปเสียเงินค่าหัวจับขนาด 1/2 นิ้ว อีก 160บาท เหตุก็เนื่องจากว่าผมซื้อเร้าเตอร์ตัวนี้มาตั้งแต่ 1ปีกับ 2 เดือนที่แล้ว(ซึ่งหมดประกันไปนานแล้ว เพราะเขารับประกันแค่ 6 เดือน ที่เหมือนกับยี่ห้ออื่นๆ) ผมก็เลยจำต้องยอมรับสภาพไปโดยปริยาย เพราะคงเป็นความผิดของผมเอง ที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ ??? และผมเห็นว่าราคามันก็แค่ร้อยกว่าบาทเท่านั้น ค่าน้ำมันที่ผมต้องขับรถไปซื้อยังมากกว่าเลย 

     ทางศูนย์ฯให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเร้าเตอร์ Hitachi ล็อตใหม่ๆที่เข้ามาจะมีหัวจับ 1/2 นิ้วทั้งหมดแล้ว (ผมคงจะเป็นรุ่นบุกเบิกของ Hitachi Tools ประเทศไทย แน่เลยละมั้งครับ) แต่ก็ยังไม่มีหัวจับ 1/4 นิ้วอยู่ดี ดังนันใครจะซื้อเร้าเตอร์ Hitachi มาใช้กับดอกเร้าเตอร์ขนาด 1/4 นิ้วต้องเตรียม adapter แปลงจาก 1/2 นิ้วเป็น 1/4 นิ้วเอาเองนะครับ 

    เป็นอันว่าในที่สุดผมก็ได้ลองสตาร์ทเครื่องเร้าเตอร์ Hitachi เครื่องนี้หลังจากที่ผมซื้อมา 1 ปีกับ 2 เดือนแล้วครับทุกอย่างปกติดีทำงานได้ราบรื่น ผมลองปรับเร้าเตอร์ขึ้นลงก็ปรับได้ง่ายคล่องตัวดี ผมเอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังไว้เพื่อเป็นความรู้กันเท่านั้นครับไม่มีอะไรมาก

    ตอนต่อไปก็จะเป็นการทำตู้ใต้โต๊ะเร้าเตอร์ตัวนี้ ผมออกแบบให้มีมีลิ้นชักสำหรับเอาไว้เก็บอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้กับโต๊ะเร้าเตอร์ตัวนี้ รวมถึงมีที่เก็บดอกเร้าเตอร์ยอดนิยมที่จะต้องใช้บ่อยๆด้วย ส่วนใต้เร้าเตอร์ผมออกแบบให้เป็นตู้เก็บฝุ่นสำหรับเก็บฝุ่นจากตัวเร้าเตอร์ที่อยู่ด้านบน และมีหัวสำหรับต่อกับท่อดูดฝุ่นขนาด 4 นิ้ว ที่จะสามารถดูดฝุ่นไปพร้อมๆกันกับหัวดูดฝุ่นขนาด 2-1/2 นิ้วที่ติดอยู่ด้านหลังรั้วบนโต๊ะฯ บริเวณดอกเร้าเตอร์

    .... ติดตามกันต่อไปนะครับ ว่างๆจะกลับมาเล่าให้ฟังใหม่ตอนนี้ขอเวลาไปทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องก่อนนะครับ

 ได้ความรู้เยอะเลยครับพี่ M

13.  การทำตู้ด้านล่างผมตั้งใจที่จะใช้ไม้อัดขนาด 20 มม.มาทำเป็นหลัก จะมีเฉพาะก็ลิ้นชักที่จะใช้ขนาด 10 และ 15 มม. โดยที่ผมจะไม่ใช้กาวหรือการต่อไม้ด้วยวิธีอื่นเเลยสำหรับงานนี้ แต่จะใช้การต่อชนไม้ด้วยการเจาะเอียง (Pocket-hole) เพียงอย่างเดียว โดยผมจะใช้ KREG Pocket-hole jig ในการทำงานนี้เพื่อเอาไว้สามารถถอดเปลี่ยนแปลงได้นอนาคต และจะลองดูว่าการทำเฟอร์ด้วยจิ๊กเจาะเอียงอย่างเดียวกับสกรูจะสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างไรบ้าง ที่สำคัญคือมันเสร็จเร็วด้วยแหละครับ

      ผมเอาไม้อัดขนาด 20 มม.ที่ตัดให้สั้นลงเหลือ 2/3 ของแผ่น ขึ้นตัดบนโต๊ะเลื่อย เพราะผมยกทั้งแผ่นเต็มๆไม่ไหว และการตัดทั้งแผ่นบนโต๊ะเลื่อย คงจะตัดคนเดียวไม่ได้ด้วยละครับ จากนั้นจึงผมตัดให้ได้ขนาดพอดีโดยเริ่มจากพื้นเพื่อทำเป็นฐานก่อนแล้วค่อยทำแผ่นด้านหลัง และด้านข้างทั้ง 2 ข้าง ผมยึดแผงหลังและแผงข้างเข้ากับพื้นด้วย pocket screw ของ kreg ขนาด 1-1/4 นิ้ว และจะไม่ได้ยึดไม้เข้ากับโครงเหล็กของโต๊ะเลย

14.   สิ่งที่สร้างความยุ่งยากให้แก่ผมในงานนี้ก็คือ เนื่องจากจะต้องมีการติดยางกันลม (Weather Sealer) บริเวณรอยต่อของแผ่นไม้กับโครงเหล็กของโต๊ะเร้าเตอร์ทั้งหมดทุกด้าน ไม่เว้นแม้ประตูด้านหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะควบคุมไม่ให้อากาศภายนอกเล็ดลอดเข้ามาในตู้ได้นอกจากที่จะมาจากด้านบนโต๊ะฯผ่านตัวเร้าเตอร์ลงมา ซึ่งจะทำให้กระแสลมที่ไหลไปยังท่อดูดฝุ่นด้านหลังตู้จะมาจากทิศทางเดียวคือจากโต๊ะเร้าเตอร์ผ่าน ช่องของ Insert Plate เท่านั้น 

       การดูดฝุ่นออกจากโต๊ะเร้าเตอร์ผมจะดูดออกที่รั้วบริเวณดอกเร้าเตอร์และที่ด้านล่างของช่อง Insert Plate ที่ติดตัวเร้าเตอร์ไว้ออกไปพร้อมๆกัน แต่เนื่องจากที่ผมจะต้องทำในส่วนที่เป็นลิ้นชักบริเวณใต้ตัวเร้าเตอร์ ทำให้ต้องทำการวัดขนาดที่จะเหลือให้พอเพียงที่ตัวเร้าเตอร์จะสามารถเคลื่อนลงมาได้จนสุดแล้วไม่ติด และทำการตัดไม้เพื่อทำโครงสำหรับลิ้นชักต่อไป  

15.  หน้าตาของจิ๊กเจาะเอียงของ KREG ที่ผมใช้ในการทำตู้ใต้โต๊ะเร้าเตอร์ตัวนี้

16.  สกรูที่ใช้สำหรับยึดไม้เข้าด้วยกัน กับหน้าตาของหัวไขควงแบบรูเหลี่ยมทีใช้ในการขันสกรูครับ แล้วก็บังเอิญรูปนี้ถ่ายบนโต๊ะเร้าเตอร์ ทำให้ได้เห็นพื้นผิวของโต๊ะเร้าเตอร์ที่เป็นลามิเนตชนิดที่เป็นร่องกลมๆทั่วพื้นผิวโต๊ะเลย มันจะไม่ได้เรียบเหมือนแผ่นลามิเนตทั่วๆไป

17.  ตัวอย่างที่ผมตัดและยึดลิ้นชักด้วยจิ๊กเจาะเอียง ทำให้ทำงานได้เร็วมาก ความเข็งแรงก็ดีพอสมควร แม้จะไม่ได้ใช้กาวเสริมความแข็งแรงด้วยก็ตาม (สุดท้ายสำหรับลิ้นชักนี่อาจยึดเพื่มด้วยกาวเสียหน่อยเพื่อความแข็งแรง เพราะมันจะด้องโดนดันเข้าดึงออกบ่อยๆ)

18.  ใส่แผ่นพื้นด้านบนเพื่อทำเป็นช่องลิ้นชักที่จะมีหน้ากว้างเท่ากับความกว้างของตู้เลย

19.   ประกอบลิ้นชักโดยยึดด้วยสกรู ส่วนแผ่นพื้นลิ้นชักผมใช้ไม้อัดขนาด 10 มม.มาทำโดยทำร่องไว้ที่กรอบของลิ้นชักด้านในก่อนด้วยโต๊ะเลื่อย เสร็จแล้วจึงสไลด์แผ่นพื้นลิ้นชักเข้าไปตามร้องและยึดด้วยสรูหัวจมเกลียวปล่อยที่ด้านท้ายของพื้นลิ้นชัก

        ส่วนตัวที่เห็นในรูปที่ 4 เป็นตัวที่มีชื่อเรียกว่า Venier Trimmer เอาไว้สำหรับตัดส่วนที่เกินของวีเนียร์ปิดขอบครับ ใช้งานง่ายดีซื้อมาจากอังกฤษแต่เป็นของเยอรมันยี่ห้อ KWB ครับ

 20.   ถอดแผ่นไม้ด้านหลังตู้ออกมาเพื่อทำการเจาะรูสำหรับใส่หัวต่อของท่อดูดฝุ่นขนาด 4 นิ้ว โดยเจาะด้วยดอกสว่านชนิดปรับความกว้างของรูที่จะเจาะได้ของ Topman จากญี่ปุ่น บนสว่านแท่น JET

         หลังจากเจาะแล้วก็ใส่หัวต่อของเครื่องดูดฝุ่นที่ทำจากพลาสติคเข้าไป

21.   ประกอบแผ่นไม้ด้านหลังและด้านข้างเข้ากับแผ่นพื้น รวมถึงแผ่นพื้นสำหรับทำลิ้นชัก เมื่อประกอบเสร็จก็ติดรางลิ้นชัก แล้วทำการทดสอบใส่ลิ้นชักดู

22.  การประกอบตู้ไม้เข้ากับโต๊ะเร้าเตอร์ที่เป็นเหล็กนั้นผมจำเป็นต้องอุดช่องว่างระหว่างตู้ไม้กับเหล็กที่เป็นโครงด้วยแถบยางกันลม (Weather sealer) ของ Hafele ที่เขาใช้ติดประตูหน้าต่างเพื่อกันลม กันแมลงน่ะครับ

        เสร็จแล้วผมก็เริ่มทำช่องสำหรับเก็บดอกเร้าเตอร์ ซึงผมจะทำเป็นลิ้นชักแบบแนวตั้ง โดยจะติดรางไว้ที่ด้านบนและด้านล่างแทน

23.   ประกอบตู้และทำช่องเก็บดอกเร้าเตอร์เสร็จแล้ว

24.   ประกอบโครงที่เก็บดอกเร้าเตอร์ ติดรางเสร็จแล้วก็ลองนำใส่เข้าในช่องที่เตรียมไว้ เพื่อทดสอบดูว่าสามารถเลื่อนเข้าออกได้คล่องตัวดีหรือไม่ แต่ยังไม่ได้ทำช่องใส่ดอกเร้าเตอร์ ทำเฉพาะโครงเพื่อทดสอบดูก่อนเท่านั้น ส่วนช่องใส่ดอกเร้าเตอร์เดี๋ยวค่อยทำทีหลัง

25.    เสร็จแล้วมาทำกรอบของประตูตู้ด้านหน้าที่มีความยุ่งยากเล็กน้อยที่จะต้องเว้นช้องไว้ให้สวิทช์เปิดปิดเร้าเตอร์ด้วย แต่ก็ต้องอุดช่องว่างไว้ด้วย Weather Sealer ด้วยเหมือนกัน

        ชิ้นส่วนนี้ผมทำเป็นชิ้นส่วนชิ้นหนึ่งแยกต่างหาก แล้วจึงประกอบเข้าไปทีหลัง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้ง่ายต่อการประกอบเข้าไปนั่นเอง แต่ก็ไม่ง่ายครับเพราะเนื่องจากพื้นที่มันจำกัดและไหนจะต้องเผื่อช่องไฟให้พอดีที่จะติด Weather Sealer และอัดมันให้แนบสนิทกันได้พอดีอีกด้วย

26.  หน้าตา module หรือชิ้นส่วนโครงด้านหน้าที่จะต้องประกบกับ สวิทช์ และโครงสร้างด้านข้าง อีกทั้งยังต้องสามารถเปิดปิดเพื่อร้อยสายไฟฟ้าจากเครื่องเร้าเตอร์เข้าออกไปยังสวิทช์ของโต๊ะเร้าเตอร์ด้วย และตามแนวความคิดเดิมคือก็จะใช้การเชื่อมต่อด้วยการเจาะเดือยเอียงเท่านั้นและก็ไม่ได้ใช้กาว

27.  เสร็จแล้วจึงประกอบเข้าที่ซึ่งก็ใช้เวลาไปพอสมควรสำหรับการออกแบบ และประกอบ module นี้ขึ้นมารวมถึงการประกอบก็ไม่ง่ายเพราะพื้นที่มันจะจำกัดมาก แต่ผมก็ได้ข้อดีของการใช้สกรู กับการเจาะเดือยเอียงและไม่ได้ใช้กาว ก็คือผมสามารถที่จะถอดออกมาเพื่อปรับให้ทุกด้านประกบกับชิ้นส่วนอื่นที่มี Weather Seal อยู่ตรงกลางแล้วมันเข้ากันได้สนิทพอดิบพอดี รวมถึงยังจะต้องไม่ให้ลมหรืออากาศรั่วอีกด้วย

28. เมื่อประกอบเสร็จก็ลองเอาเร้าเตอร์มาทดลองใส่ดูจริง เพื่อตรวจสอบอีกครั้งว่าทุกอย่างถูกต้องตามที่ออกแบบไว้หรือไม่

29.   ผมทำที่ใส่ดอกเร้าเตอร์ขนาดแกน 1/2 นิ้วด้วยแผ่น MDF และใส่ปลอกท่อพลาสติคไว้ด้านในของรูที่เจาะเอาไว้ด้วย Forstner  bit บนสว่านแท่น โดนผมจะเจาะรูให้เยื้องกันเพื่อที่จะไม่ให้คมของดอกเร้าเตอร์กระทบกัน ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บดอกเร้าเตอร์แกน 1/2 นิ้ว ได้ชั้นละ 15 ดอก รวมเป็น 30 ดอกซึ่งก็น่าจะเพียงพอสำหรับดอกที่ต้องใช้บ่อยๆ

        ซึ่งผมตั้งใจไว้ว่าช่องเก็บดอกเร้าเตอร์นี้ จะเอาไว้เก็บดอกเร้าเตอร์ที่จะต้องใช้บ่อยๆ ส่วนดอกเร้าเตอร์ที่นานๆใช้ที ผมก็มีโครงการที่จะทำตู้เก็บดอกเร้าเตอร์ และทริมเมอร์ในช็อปรวมไว้อีกตู้อีกใบหนึ่งต่างหากด้วยในภายหลัง

        หลังจากที่ทำช่องใส่ดอกเร้าเตอร์เสร็จแล้วผมก็ทำหน้าบานปิดลิ้นชัก และช่องเก็บดอกเร้าเตอร์ด้วยแผ่นไม้อัดขนาด 20 มม.แล้วปิดทับขอบด้วยวิเนียร์ไม้สักชั่วคราวก่อน เพราะผมตั้งใจไว้ว่าจะทำด้วยไม้จริงคือไม้แอช แต่ตอนนี้เพื่อให้สามารถใช้ได้ไปก่อนเลยทำด้วยไม้อัดไปก่อนเพราะไม้ยังถูกทับอยู่ยังไม่สามรถเอาออกมาทำได้แถมยังต้องเพาะไม้สำหรับทำหน้าบานเปดปิดตู้ช่องเก็บฝุ่นใต้โต๊ะเร้าเตอร์อีกด้วย

 สอบถามพี่เอ็มครับ ว่าใช้สว่านแท่นรุ่นไหน

เห็นไม่ถนัดซักที ตอนนี้ผมมีโครงการหาสว่านแท่น มาใช้อยู่

เห็นของพี่เอ็ม ขนาดกำลังดีเลยครับ

หรือมีรุ่น อื่นแนะนำได้นะครับ (เอาแค่รุ่นที่หาซื้อในประเทศได้ก็พอครับ)

 คุณชานนท์

     สว่านแท่นที่ผมใช้เป็นของ JET รุ่น JDP-17F ซื้อในประเทศจากตัวแทน JET เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ราคาตอนนั้นประมาณ @18K เศษครับ (ราคา ณ.วันที่ 7-2-2557 ราคาตั้งตอนนี้ @22K แล้วครับ) ใช้งานได้ดีที่ชอบคือหัวจับดอกสว่านเป็นแบบไม่ต้องใช้ประแจขัน ส่วนที่ไม่ชอบคือไม่มีไฟส่องชิ้นงาน ต้องหาซื้อมาเพิ่มเอง

      ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นที่ใช้ๆกันเยอะน่าจะเป็นของไต้หวันยี่ห้อ King  แต่ผมก็ไม่เคยใช้เองเลยให้ความเห็นไม่ได้ครับ สำหรับข้อมูลสว่าน Jet ก็ตาม link เลยครับ

http://www.axminster.co.uk/jet-jdp-17f-floor-standing-pillar-drill

     30. การทำหน้าบานประตูตู้ครั้งนี้ เนื่องจากมันเป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสทำหน้าบานตู้โดยใช้บานพับถ้วย จึงทำให้ผมไม่อาจที่จะทำกับหน้าบานจริงได้ทันที เพราะไม่อยากทำหลายรอบ เนื่องจากหน้าบานจริงจะต้องปิดขอบด้วยวิเนียร์ไม้สักทุกด้าน ทำให้ผมต้องตัดสินใจที่จะทดสอบก่อน เพื่อหาระยะที่เหมาะสมสำหรับขนาดความหนาของหน้าบานจริง ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าผมจะต้องใส่ซีลยางกันลมที่ขอบตู้ด้วย จึงจะต้องแผื่อระยะห่างของบานตู้กับตัวตู้เพิ่มขึ้นอีก 2 มม.

         ขนาดความหนาของหน้าบานเมื่อใช้ไม้อัด 20 มม. ปิดทับด้วยไม้อัดสักแล้วจะได้ความหนาเกือบๆ 22 มม. ผมเลือกใช้บานพับถ้วยแบบทับขอบของ Hafele นำมาวัดเพื่อเจาะรูด้วยดอกสว่านหัวคาร์ไบด์ขนาด 35 มม. กับแผ่นไม้ทดลองก่อนด้วยสว่านแท่น

        ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่คิดไว้ครับ เพราะในการเจาะครั้งแรกไม่สามารถเปิดปิดได้พอดี จึงทำให้ผมต้องปรับระยะใหม่ และเจาะเป็นครั้งที่ 2 จึงจะได้ระยะที่เหมาะสม

31.  หน้าบานประตูตู้ชั่วคราวทำด้วยไม้อัดยาง 20 มม. ปิดทับด้วยไม้อัดสักโดยผมใช้กาวยาสเปรย์ 3M เบอร์ 20 เป็นตัวยึดเข้าด้วยกันแทนกาวยางดันล็อปกระป๋องแดงธรรมดา

        กาวยางสเปรย์ของ 3M เบอร์ 20 นี้ค่อนข้างง่าย สะดวกและติดได้เรียบดี เหมาะกับผมมากๆที่ทากาวยางธรรมดาบนพื้นผิวที่มีเนื้อที่กว้างมากๆแล้วมันไม่ค่อยเรียบ เสร็จแล้วจึงเอาไปปิดขอบด้วยวิเนียร์ไม้สักให้ครบทุกด้าน

      32.  หน้าบานนี้ผมทำขึ้นมาเพื่อใช้งานชั่วคราวก่อน เพราะผมตั้งใจว่าจะทำหน้าบานทั้งหมดรวมถึงหน้าบานลิ้นชัก และหน้าบานที่เก็บดอกเร้าเตอร์ด้วยไม้จริง(ไม้แอช) แล้วเอามาลบเหลี่ยมลบมุมด้วยเร้าเตอร์ตามแบบที่ต้องการ

             แต่เนื่องจากตอนนี้ผมยังไม่สามารถเอาไม้ออกมาทำได้ เพราะจะต้องทำการไสเรียบ รีดและไสชิดเสียก่อนๆที่จะเอามาเพลาะ ก็เนื่องจากยังไม่มีที่จะทำงานได้น่ะครับ เพราะสินค้าของ ผบ. ยังเต็มโรงรถอยู่ จึงเอาแบบนี้ชั่วคราวไปก่อน เดี๋ยวเคลียร์ของเสร็จแล้วค่อยทำมาเปลี่ยนใหม่ทีหลัง

            หลังจากที่เจาะเสร็จและติดตั้งบานพับถ้วยเข้าที่แล้วก็ทำการติดตั้งประตูตู้แข้ากับตัวตู้ปรับแต่งเล็กน้อยเพื่อให้ได้ระดับและช่องไฟต่างๆเรียบพอดีเสมอกัน

33.  ผมพาดูใต้โต๊ะเร้าเตอร์เมื่อติดตั้ง Router Lift และติดตั้งเร้าเตอร์กับ Insert Plate เข้าที่ เรียบร้อย ส่วนตู้ที่ทำเกือบเสร็จแล้ว หลังจากติดบานพับถ้วยที่ประตูเสร็จแล้ว ก็จะเหลือทำที่แขวนอุปกรณ์ข้างตู้ ลงsanding Sealer กับแล็คเกอร์ และติดมือจับ หลังจากนั้นก็จะต่อท่อขนาด 2-1/2 นิ้วเข้าด้วยกันระหว่างหัวต่อท่อบนกับหัวต่อท่อล่างเพื่อรวมท่อก่อนที่จะต่อไปยังเครื่องดักเก็บฝุ่นขนาด 4 นิ้วต่อไป
       เสร็จงานนี้ตั้งใจว่าจะไปทำตู้ต่อให้เสร็จเสียที เพราะช็อปในฝันของผม มันก็ยังคงเป็นช็อปในฝันต่อไปครับก้าวหน้าไปอย่างช้ามากๆ และก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จในระยะเวลาอันใกล้นี้เลย ดังนั้นคงจะทำไปเรื่อยๆละครับไม่กำหนดวันเสร็จแล้ว เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแลัวกันครับ

สวัสดีปีใหม่คุณ Yun คุณ monalisa และชาวคนรักงานไม้ทุกๆท่านครับ

 หวัดดีปีใหม่ครับพี่เอ็ม 

ไม่ได้เข้าเว็บซะนาน งานพี่คืบหน้าไปพอสมควรเลยนะครับ 

สวัสดีปีใหม่ครับ พี่เอ็ม พี่ยุ่น 

34.  เอากระดาษทรายลูบผิวเบาๆ เสร็จแล้วลง Sanding Sealer ตามด้วยแลคเกอร์เงาและด้านตามลำดับ ตบท้ายด้วยแลคเกอร์ด้านเป็นอันเสร็จการแต่งหน้าเนียน (แต่จะเห็นว่าลายไม้ของประตู จะไม่ตรงกับลายของลิ้นชักและช่องเก็บดอกเร้าเตอร์ ก็เพราะว่าแผ่นที่จะใช้จริงที่มีลายต่อเนื่องกัน แต่ผมดันตัดผิดเสียนี่ เลยต้องเปลี่ยนใหม่จึงทำให้ลายไม้มันดูขัดๆกันหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะจะใช้ชั่วคราว รอทำหน้าบานด้วยไม้จริงใหม่ทีหลัง)

      เมื่อติดมือจับ แถมด้วยตัวชะลอการปิดบานประตูที่บานพับถ้วยเสร็จ จึงจับมาถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย

35.  ทำที่แขวนอุปกรณ์ประกอบที่จะเอาไว้ใช้กับโต๊ะเร้าเตอร์ ส่วนของกรอบทำจากไม้โครง นำไปตัดด้วยเลื่อยตัดองศาที่ 45 องศา ส่วนแผงหน้าใช้แผ่น Pegboard นำมาตัดให้พอดีกับกรอบไม้ที่ทำไว้ เสร็จแล้วนำไปลง Sanding Sealer และลงแลคเกอร์ ก่อนนำไปติดตั้งที่ด้านข้างโต๊ะเร้าเตอร์

36.  นำแผงแขวนอุปกรณ์ไปประกอบเข้ากับด้านข้างโต๊ะเร้าเตอร์ เมื่อติดตั้งแล้วก็ลองเอาอุปกรณ์ต่างๆมาลองแขวนดู พร้อมกับเอาดอกเร้าเตอร์ที่จะต้องใช้งานบ่อยๆ มาใส่ไว้ในช่องเก็บดอกเร้าเตอร์ รวมถึงเก็บของต่างๆเข้าไว้ในลิ้นชัก

      งานที่เหลือคือท่อลมอ่อนขนาด 2-1/2 นิ้วที่จะต่อระหว่างหัวต่อที่รั้วบนโต๊ะกับที่หัวต่อด้านหลังของโต๊ะนั้น ผมยังไม่มีโอกาสได้ออกไปหาซื้อมาติด ท่อทั้ง 2 จะไปรวมกันแล้วออกไปเป็นท่อขนาด 4 นิ้วอีกครังเพื่อจะนำไปต่อเข้ากับเครื่องเก็บฝุ่นหลัก

 สวยมากครับผม เข้ามาดูครั้งแรกก็ทำให้รู้สึกว่าอยากมีห้องทำงานไม้ เอาไว้ทำงานไม้เช่น โต๊ะอ่านหนังสือให้หลาน ขอบคุณมากครับ

** ขอบคุณครับคุณ pink2house เริ่มโครงการเองเลยครับ ไม่ไกลเกินฝัน ค่อยๆทำไปเรื่อยๆเพราะผมทำมา 7 เดือนแล้วเพิ่งจะได้ 30% เองครับ      

37.  ระหว่างที่ผมหายไปก็มีเวลานิดหน่อยที่ไปทำแผงแขวนอุปกรณ์ประกอบที่เหลืออีกด้านหนึ่งให้เสร็จ ด้วยการตีกรอบและใช้แผ่น Pegboard ปิดทับเช่นเดียวกันกับด้านที่ทำไว้แล้ว เว้นแต่กรอบของแผงแขวนอุปกรณ์ประกอบ จะมีขนาดเล็กลง เพื่อให้สามารถขยับขยายรูเกี่ยวขอแขวนให้มีมากขึ้น โดยไม่ติดกรอบ เหมือนอันแรก ทำให้คงจะต้องทำกรอบใหม่ด้านซ้ายให้กรอบมีขนาดเล็กลงอีก

รบกวนสอบถามคุณเอ็มหน่อยนะครับ  ไม่ทราบว่ากาวยางสเปรย์ 3 M เบอร์ 20 สามารถหาซื้อได้จากที่ไหนบ้างครับ จะเอามาใช้ติดแผ่นโฟเมก้าเข้ากับหน้าโต๊ะเร้าเตอร์ครับ ตอนนี้กำลังทำโต๊ะเร้าเตอร์อยู่เหมือนกัน (แต่เป็นโต๊ะเร้าเตอร์ที่หน้าตาแปลกๆ ) จะใช้กาวยางธรรมดาก็กังวลเรื่องความเรียบครับ  เมื่อวานอาตมาไปดูตามร้านขายวัสดุก่อสร้าง สองสามร้านไม่มีขาย บางร้านก็ไม่รู้จัก หรือมีก็เป็นเบอร์ 77,75 ครับ

โต๊ะเร้าเตอร์ของคุณเอ็มสวยพร้อมอุปกรณ์ครบเลยนะครับ เชื่อว่าหลังจากเสร็จสมบูรณ์แล้วจะเป็นประโยชน์ต่องานอย่างมากแน่นอนครับ

ขอให้มีความสุขกับงานไม้นะครับ

กราบนมัสการท่านพระมหาวิชาญ

ใน Thaicarpenter.com ก็มีขายครับ(แต่เห็นขึ้นไว้ว่าหมดตามลิ้งค์นี้ครับ)

http://www.thaicarpenter.com/สินค้าประเภทวัสดุ--อุปกรณ์/วัสดุสิ้นเปลืองต่างๆ/กาว/กาวสเปรย์-20-สำหรับงานไม้.html

ส่วนอีกที่ๆไม่ใช่ของเจ้าของ Webboard ผมส่งไปให้ทาง e-mail แล้วครับ

กาวตัวนี้ผลิตมาเพื่อใช้สำหรับงานไม้โดยเฉพาะ แต่หาซื้อยากหน่อยตามร้านทั่วๆไปเพราะ 3M ประเทศไทยเพิ่งจะนำเข้ามาขายครับ ผมชอบมากๆเพราะทำให้ติดแผ่นลามิเนทพื้นที่เยอะๆ ได้เรียบดีมาเลยครับจนลืมกาวยางดันล็อปแบบพ่น กระป๋องสีฟ้าไปเลย ผมเดาว่าน่าจะเหมือนๆกับ 3M เบอร์ 20 แต่คงยุ่งยากกว่าเพราะต้องใส่กาพ่น หากนานๆใช้ทีอย่างผมแล้ว ผมว่า 3M เบอร20 น่าจะเหมาะที่สุดแล้วครับ

38.  ตัววัดระดับความสูงต่ำดิจิตอลแบบรีโมท (Remote Diigital Readout) 

      ผมเริ่มทำการติดตั้งตัววัดระดับความสูงต่ำดิจิตอลแบบรีโมท (Remote Digital Readout) สำหรับความสูงต่ำของดอกเร้าเตอร์ที่ใช้กับโต๊ะเร้าเตอร์ไปเลย ซึ่งตัววัดตัวนี้เป็นของ WIXEY รุ่น WR525 

      การติดตั้งตัววัดระดับความสูงต่ำดิจิตอลแบบรีโมทนั้น ผมสามารถที่จะยกเร้าเตอร์พร้อมแผ่น Insert Plate ที่ติดตั้งอยู่ด้วยกันเข้ามาทำในบ้านได้ แต่เท่าที่ดูเบื้องต้นแล้วจะต้องมีการเจาะรูที่ตัวเร้าเตอร์ 1รู และที่ด้านใต้แผ่น Insert Plate อีก 1 รู เพื่อยึดสเกลวัดด้วยสกรู จึงจะต้องหาตำแหน่งที่จะติดตั้งดูก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะไม่ให้มันเกะกะตอนใช้งานน่ะครับ และคงต้องดูรายละเอียดในคู่มือติดตั้งก่อนที่จะเจาะทั้งที่ตัวเร้าเตอร์ และแผ่น Insert Plate ต่อไป

39. กว่าจะเลือกจุดติดตั้งแถบสเกลวัดที่ตัวเร้าเตอร์ได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกไปเลยเหมือนกัน เนื่องจากต้องคำนึงถึงการใช้งานที่จะต้องไม่ไปบดบังการใช้งานเช่นการกดปุ่มล็อคแกนเร้าเตอร์ ระหว่างที่จะทำการเปลี่ยนดอกเร้าเตอร์ด้วย

       การติดตั้งแถบสเกลวัดนั้นจะต้องยึดได้มั่นคงทั้งที่ตัวเร้าเตอร์ และที่แผ่น Insert Plate และได้ฉากกับแผ่น Insert Plate ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะทำให้ได้ความแม่นยำในการวัดสูงที่สุด ทั้งนี้การติดตั้งก็เป็นไปตามเอกสารคู่มือการติดตั้ง

40.  การตืดตั้งก็เริ่มจากการกำหนดตำแหน่งที่จะติดตั้งแผ่นสเกลวัดและตัวเซ็นเซอร์ โดยจะติดตั้งทั้งที่ด้านข้างของตัวเร้าเตอร์ และแผ่น Insert Plate ทั้งนี้เพื่อความสะดวกผมได้ทำการถอดแผ่น Insert Plate ออกมาก่อน เมื่อผมได้ตำแหน่งแล้วก็ทำการเจาะด้านใต้ของแผ่น Insert Plate ด้วยดอกสว่านและต๊าปแกลียวตามที่รูบนแผ่น Insert Plate เพื่อเอาไว้ยึดเหล็กยึดรูปตัว L เข้ากับ Insert Plate โดยใช้สกรูที่ให้มากับชุด

     ก่อนที่จะเจาะที่เร้าเตอร์ผมทำการถอดมือจับเร้าเตอร์ข้างหนึ่งออกก่อน จากนั้นจึงทำการเจาะรูที่ตัวเร้าเตอร์ ส่วนที่เป็นอลูมิเนี่ยม และไม่ไปขัดขวางการทำงานของเร้าเตอร์ตามปกติ ทั้งนี้ก่อนที่จะเจาะผมถอดเอามือจับของเร้าเตอร์ออกก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวก เมื่อเจาะเสร็จจึงทำการต๊าปเกลียวเพื่อยึดแผ่นเหล็กยึดเซ็นเซอร์รูปตัว Z ที่ติดอยู่กัยตัวเซ็นเซอร์ด้วยสกรูที่ให้มา แต่เนื่องจากตัวเร้าเตอร์เป็นอลูมิเนียมหล่อ จึงทำให้การเจาะและต๊าปเกลียวจึงไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก ยากตอนหาตำแหน่งที่เหมาะสมเท่านั้นละครับ ดูหลายรอบหน่อยเพราะต้องการจะเจาะรูเดียว ไม่อยากพลาดแล้วมีหลายรูบนตัวเร้าเตอร์

41.    จากนั้นทำการวัดฉากของตัวแผ่นสเกล ให้ตั้งฉากกับแผ่น Insert Plate ด้วยฉากตายขนาดเล็ก ก่อนยึดสกรู ให้แน่นพอประมาณทั้งที่แผ่น Insert Plate และที่ตัวเร้าเตอร์

42.  ทดลองปรับตัวยกเร้าเตอร์ขึ้นลงด้วยประแจของ Router Raizer จากทางรูเสียบช่องประแจด้านบนของแผ่น Insert Plate โดยเอาประแจที่มีแม่เหล็กอยู่ด้านข้างของประแจดูดเอาแผ่นปิดรูกันฝุ่นออกก่อน แล้วจึงใส่ประแจลงไปและทดลองหมุน เพื่อดูว่าการปรับเร้าเตอร์ขึ้นลงจะติดขัดอะไรไหม ระหว่างที่ทำการปรับขึ้น และลงจนสุด

      เมื่อลองดูแล้วไม่มีอะไรติดขัด จึงต่อสานจากตัวอ่านดิจิตอลเข้ากับตัวเซ็นเซอร์ และทดสอบอีกครั้งหนึ่งเพื่อดูว่าการอ่านถูกต้องตลอดระยะทางขึ้นลงของเซ็นเซอร์หรือไม่ ก่อนที่จะทำการประกอบเข้ากับโต๊ะเร้าเตอร์ต่อไป

      ผมติดตัวอ่านดิจิตอลเข้ากับพื้นด้านล่างของแผ่นไม้หน้าโต๊ะด้านหน้า โดยหาตำแหน่งที่ไม่ให้ขัดขวางการใช้สวิทช์เปิดปิดของเครื่องเร้าเตอร์ขณะทำงาน จากนั้นจึงต่อสายเข้าทางด้านข้างตู้ และไปเสียบกับตัวเซ็็นเซอร์ที่ใช้หัวต่อ RJ45 แบบเดียวกับที่ใช้ในพอร์ต LAN นั่นเอง 

43.    ร้อยสายสัญญานและปิดกล่องเก็บสายเสร็จเรียบร้อยผมทดลองรีเซ็ทเครื่องเพื่อตั้งระดับอ้างอิงก่อนใช้งาน และสามารถอ่านได้ทั้งหน่วยที่เป็น นิ้ว และ มม.

         เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับสำหรับโต๊ะเร้าเตอร์ KREG ของผม ที่รวมถึงตัวยกเร้าเตอร์ (Router Lift) ของ Router Raizer และ ตัววัดความสูงดอกเร้าเตอร์แบบดิจิตอลของ WIXEY รวมถึงตู้ด้านล่างที่ผมทำเพิ่มขึ้นมา แถมด้วยระบบดูดฝุ่นของโต๊ะเร้าเตอร์ทั้งด้านล่างที่ตัวตู้และด้านบนหลังรั้วโต๊ะเร้าเตอร์ (Router Fence)     

       งานที่เหลือยังคงขาดท่อลมอ่อนขนาด 2-1/2 นิ้ว ที่จะรวมระบบดูดฝุ่นที่รั้วกับตู้ด้านล่างเข้าด้วยกันเป็นท่อขนาด 4 นิ้วเพื่อต่อไปยังเครื่องเก็บฝุ่นหลักเท่านั้น จะได้เอาโต๊ะเร้าเตอร์ตัวนี้ไปใช้งานเสียที และก็จะเป็นหนึ่งในช็อปงานไม้ในฝันของผมครับ

       เนื่องจากโต๊ะเร้าเตอร์ตัวนี้สามารถที่จะทำให้ตัวมันทำหน้าที่เป็นเครื่องไสชิดได้โดยไม่ต้องทำจิ๊กอะไรเพิ่มเติม เนื่องจากเขามีอุปกรณ์มาให้เสร็จเพื่อทำให้รั้ว Outfeed มีขนาดออฟเซ็ท กับ รั้ว Infeed ให้เลือกได้ 2 ระดับคือ 1/16 และ 1/32 นิ้ว จึงทำให้ผมยังไม่ได้ซื้อเครื่องไสชิด (Jointer) เสียที โดยคิดว่าจะทดลองใช้ดูก่อน แต่ก็ตั้งใจว่าจะพิจารณาอีกทีหลังจากที่ทำช็อปเสร็จหมดแล้วในอนาคตข้างหน้าน่ะครับ  ส่วนการทดสอบใช้งานจริงนั้น เอาไว้ผมจะมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อๆไปนะครับ

44.    หลังจากที่ดูภาพนิ่งที่ผมประกอบโต๊ะเร้าเตอร์ของ Kreg มาตั้งแต่ต้นแล้ว ทีนี้มาลองดูวิดีโอที่มีรายละเอียดต่างๆให้ชมกันทั้งจากผู้ผลิต(KREG) และจาก Highland Woodworking กันครับ

     ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มความเข้าใจว่าโต๊ะเร้าเตอร์ Kreg กับอุปกรณ์ประกอบว่ามันมีความสามารถอะไรบ้างน่ะครับ ผมจึงขอใช้วิธีลัดโดยขอเสนอวิดีโอที่ต่างประเทศได้ทำไว้ แทนที่ผมจะต้องถ่ายทำเองนะครับเพราะ จะได้เห็นรายละเอียดต่างๆได้ครบถ้วนเลยละครับ 

1. ผลิตภัณฑ์โต๊ะเร้าเตอร์ของ Kreg (Kreg Router Table Product Tour) โดย Highland Woodworking  และ โดยผู้ผลิต Kreg

2. แผ่น Insert Plate ของ Kreg (Kreg Insert Plate Product Tour) โดย Highland Woodworking

3. การประกอบโต๊ะเร้าเตอร์ของ Kreg (Kreg Router Table Assembly Product Tour) โดย Highland Woodworking

4. การใช้งาน Setup Bar (Kreg Setup Bars Product Tour) โดย Highland Woodworking  และ อีกชุดโดยผู้ผลิต Kreg 

5. การใช้งาน Precicion Router Table Stop (Kreg Precision Router Table Stop) โดยผู้ผลิต Kreg

6. การใช้งานหวีกดไม้ (Kreg True-Flex Feather Boards)

7. Hitachi M12V2 3-1/4-Horse Power Plunge Base Variable Speed Router โดย ToolSELECT.com 

45.  หลังจากที่ได้ดูการทำงานต่างๆของโต๊ะเร้าเตอร์ Kreg กันไปจากวิดีโอ ที่มีรายละเอียดการใช้งานต่างๆมากมายกันแล้ว แต่มีอีกส่วนที่ยังไม่มีในวิดีโอคือส่วนของตัวยกเร้าเตอร์ขึ้นลงของ Router Technologies รุ่น Router Raizer RZ100 กับตัววัดระยะความสูงของดอกเร้าเตอร์แบบดิจิตอลของ Wixey รุ่น WR525 ผมจึงจะเอามาอธิบายพร้อมภาพให้ดูกันนะครับ

46.  การปรับตัวเร้าเตอร์ขึ้นลงจะใช้ประแจที่ให้มากับชุดยกเร้าเตอร์ (Router Lift) โดยที่ด้านข้างของประแจจะติดไว้ด้วยแม่เหล็กถาวร โดยก่อนที่จะปรับตัวยกเร้าเตอร์ เราต้องเอาด้านข้างของประแจที่เป็นแม่เหล็กดูดแผ่นปิดช่องกันฝุ่นสำหรับเสียบประแจออกก่อน แล้วจึงค่อยเสียบประแจลงไปในช่องเปิดสำหรับประแจ

47.  เมื่อเสียบประแจลงไปแล้วเราก็สามารถที่จะปรับยกเร้าเตอร์ขึ้นลงได้โดยการหมุนทิศทางตามเข็มนาฬิกาจะเป็นการยกขึ้น และการหมุนทิศทางทวนเข็มนาฬิกาจะเป็นการเอาเร้าเตอร์ลง ซึ่งก็สามารถหมุนได้คล่องตัวดี

       จากนั้นก็ถอดตัว Twist Loc Ring สีแดงๆที่อยู่กลางแผ่น Insert Plate ออกเพื่อให้สะดวกต่อการใส่หรือถอดดอกเร้าเตอร์ ที่สามารถทำได้ง่ายด้วยการใช้ประแจพิเศษที่ให้มาด้วยกับ Insert Plate

48.   จากนั้นก็ปรับยกเร้าเตอร์ขึ้นมาจนสุดเพื่อให้ง่ายต่อการใส่ดอกเร้าเตอร์เข้าที่ Collet เมื่อใส่ดอกเร้าเตอร์เสร็จก็ปรับลดดอกเร้าเตอร์ลง โดยปรับลงให้เสมอกับพิ้นผิวหน้าโต๊ะ แล้วทำการ รีเซ็ทที่ตัววัดโดยกดที่ปุ่ม Zero เพื่อให้มีค่าเป็นศูนย์ก่อน

49.   ทำการเลือกขนาดของ Twist Loc Ring ของแผ่น Insert Plate ให้เหมาะสมกับขนาดของดอกเร้าเตอร์ แล้วทำการใส่เข้าที่โดยใช้ประแจสำหรับ Twist Loc Ring ที่ให้มาด้วย และเมื่อทำการรีเซ็ตตัววัดความสูงของดอกเร้าเตอร์แล้ว ก็จะสามารถปรับความสูงของดอกเร้าเตอร์เพื่อใช้งานได้เลยเช่น ผมจะปรับให้สูง 2 มม.ก็ใช้ประแจหมุนปรับตัวยกเร้าเตอร์ขึ้นโดยดูที่หน้าปัทม์ของตัววัดให้ได้ค่าที่ 2.0 มม. เท่านั้นเอง

         เมื่อปรับความสูงของดอกเร้าเตอร์เสร็จแล้วก็ถอดประแจออก แล้วทำการปิดรูกันฝุ่นของช่องเสียบประแจเข้าที่ก่อนด้วยการรูดประแจไปที่ช่องกันฝุ่นเท่าน้ันเอง

50.   ตัว Twist Loc Ring ก็ทำหน้าที่เหมือน Zero Clearance Insert Plate (ZCI) บนโต๊ะเลื่อยวงเดือน (Table Saw) นั่นเอง วงแหวน Twist Loc Ring นี้จะมีมาให้พร้อมแผ่น Insert Plate ตอนที่ซื้อโต๊ะเร้าเตอร์ตัวนี้ทั้งหมด  3 ขนาด โดยที่ตัวหนึ่งที่ให้มาสามารถนำตัว Guide Bushing ของตัวเร้าเตอร์มาติดได้ด้วย นอกจากนี้หากต้องการเพิ่มเติมก็สามารถหาซื้อ Kreg PRS3050 Twist Loc Set 5 Pieces ได้ที่จะมีมาให้อีก 5 อัน 5 ขนาด

     จากนั้นก็ทำการปรับรั้วทั้ง 2 ข้างให้ชิดกับดอกเร้าเตอร์(แต่ไม่สัมผัสกับดอกเร้าเตอร์) เพื่อทำให้รั้วก็เกิดเป็น Zero Clearance ด้วย ซึ่งรั้วจะปรับด้วยไขควงแฉกธรรมดาๆ

51.   จากนั้นทำการปรับรั้วให้ได้ตำแหน่งตามต้องการ แล้วล็อครั้วด้วยตัวล็อคทั้ง 2 ด้าน ส่วนตัวชนไม้ (Router Stop) ทั้ง 2 ข้างเวลาไม่ใช้ก็สามารถยกขึ้นไปเพื่อไม่ให้กีดขวางการทำงานได้ทั้ง 2 ข้าง

52.   นอกจากนี้โต๊ะเร้าเตอร์ Kreg ยังสามารถซื้อตัวสำหรับปรับละเอียดระยะรั้วมาเพิ่ม(Option) ได้อีกด้วย ทำให้สามารถปรับได้ละเอียดถึง 0.005 นิ้ว และยังมีตัวที่เรียกว่า Freehand Guide Pin ที่ทำจากทองเหลืองมาให้ด้วยสำหรับใช้เวลาที่เดินไม้โค้งๆตามดอกเร้าเตอร์โดยไม่ใช้รั้ว ซึ่งระหว่างที่ไม่ได้ใช้ก็สามารถเก็บไว้ที่รั้วได้

      ซึ่งก็น่าจะครบถ้วนแล้วสำหรับโต๊ะเร้าเตอร์ Kreg ตัวใหม่ของผมกับตัวยกเร้าเตอร์ (Router Lift) ที่ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยพร้อมใช้งาน ซึ่งก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของช็อปในฝันของผมละครับ ส่วนหน้าบานที่เป็นไม้จริงว่างๆจะเพลาะไม้แล้วเอามาเปลี่ยนอันที่ทำไว้ชั่วคราวด้วยไม้อัดละครับ

      หลังจากวันนี้แล้วตั้งใจว่าจะเริ่มทำช็อปในฝันของผมต่อไปให้เสร็จภายในปีนี้ให้ได้แหละครับ

 สมาชิกใหม่ของผม

       หลังจากที่ตามหาเคริ่องขัดกระดาษทรายแบบ Oscillating Spindle Sander มานาน ตอนนี้ผมก็ได้น้องใหม่เข้ามาเป็นสมาชิกคนล่าสุดในช็อปในฝันผมแล้วครับ คือ JET รุ่น JBOS-5 ซึ่งผมก็เพิ่งจะคุยกับคุณ Pakae ไปตามกระทู้ที่ 537 เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2556 ที่ผ่านมานี่เองว่าผมอยากได้ตัวนี้ของ JET ไม่คิดเลยว่าจะได้มาใช้งานแล้วในวันนี้

       ไปติดตามอ่านรีวิวกันได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ คลิ๊กที่นี่ หรือถ้าสนใจสามารถสั่งซื้อที่ Thaicarpenter.com นะครับเพราะล็อตนี้มีมาแค่ 10 เครื่อง และเครื่องหนึ่งก็มาอยู่ที่ผมเรียบร้อยพร้อมที่จะทดสอบแล้วครับ ส่วนอีกเครื่องคุณ banjo ไปสอยมาแล้วเหมือนกัน

       เป็นรีวิวสั้นๆของเครื่องขัดตัวนี้ครับ หลังจากที่ผมได้ของมาจากคุณอนุชิคก่อนวางจำหน่าย ไปเรียบร้อยแล้วครับ 

       ประกาศขายเครื่องมืองานไม้ !

       อย่าเพิ่งตกใจ เพราะไม่ได้คิดที่จะเลิกทำงานไม้นะครับ แต่อยู่ในช่วงที่ผมกำลังรื้อของเพื่อเคลียร์พื้นที่ขนานใหญ่ เพราะมันเกะกะไปหมด ทำงานอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะเตรียมพร้อมรับการทำงานสร้างช็อปต่อจริงๆจังๆอีกครั้งของผม

       จากการรื้อของทำให้ได้พบของที่ซื้อมาแล้วหลายอย่าง ทั้งที่ซื้อมาแล้วใช้ไปครั้งเดียวบ้าง ยังไม่ได้ใช้บ้าง ซื้อมาเกินความจำเป็นบ้าง เยอะแยะไปหมด คิดว่าจะนำทยอยออกขายเสียบ้าง เผื่อจะได้ให้ผู้ที่สนใจเอาไปใช้กันมากกว่าที่ผมจะเก็บไว้เฉยๆ (ไม่รู้ซื้อมาทำไมเหมือนกัน อีกอย่างก็คงเป็นเพราะเวลาที่ซื้อของอะไรเพียงชิ้นเดียวแล้ว มันเสียดายค่าขนส่งเลยซื้อมาซะอย่างละหลายๆอัน)

      เท่าที่ดูจะมีหลายรายการ รวมถึงโต๊ะเลื่อย Makita MLT100S ด้วย เพราะไม่ได้ใช้แล้วหลังจากที่ได้น้องฮาร์วี่ย์มา และมันก็เกะกะไปหมด เลยคิดที่จะจำหน่ายออกแล้วละครับ เท่าที่ list รายการดูมีทั้งใช้เแล้ว และของใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้ หรือแกะแล้วแต่ยังไม่ได้ใช้ก็มีหลายรายการ เอาที่เจอแล้วและคิดว่าจะขายมีดังนี้ครับ ส่วนที่จะมีเพิ่มเดี๋ยวแจ้งอีกทีทางหน้ากระทู้ขายของนะครับ

สนใจโต๊ะเลื่อย makita ครับ

สนใจครับ - KRGE K4 - pocket Hole jig

                   - MARKSMAN - 16pc Forstner bit set in wooden box  ครับ

สนใจรายการที่ 9  ครับ 

 คุณ เทอดศักดิ์(M)รบกวนแจงเป็นภาษาไทยด้วยครับ ภาษาปะกิตไม่แข็งแรง

เรียนเพื่อนๆทุกท่านครับ

       กรุณาอย่างเพิ่งโพสจองเครื่องมือในกระทู้นี้นะครับ แค่เอามาแจ้งให้ทราบกัน ผมได้เอารายการทั้งหมด รอบแรกที่หาเจอ และคิดว่าจะไม่ใช้แล้วเอาออกมาขาย โดยไปโพสไว้ใน ห้องโฆษณา-ซื้อขายสินค้ามือ 2 แล้วนะครับ

      เห็นว่ามีหลายท่านต้องการ Forstner bit กันผมเลยสั่ง Porter Cable 14-pieces Forstner bit set with box มาให้ เพราะเห็นว่าหาซื้อไม่ได้ในประเทศไทย  มีทั้งหมด 10 ชุดนะครับ ท่านใดสนใจไปดูรายละเอียดได้ที่ ห้องโฆษณา-ซื้อขายสินค้ามือ 2 ความเห็นที่ 77 ได้ตอนนี้เหลือ 4 ชุดแล้วครับ (17-4-2557) ผู้ที่จองไว้รอบแรก 5 ชุดสินค้ามาแล้วนะครับ รอบที่ 2 อีก 5ชุด ต้องรอจะมาถึงประมาณวันที่ 25 เม.ย. 2557 ครับ รายละเอียดตามลิ้งค์นี้ครับ

http://www.thaicarpenter.com

      ผมสั่งเข้ามาพร้อมกับ Incra I-Box ที่เป็น จิ๊กสำหรับทำ finger joint หรือ Box joint ที่สามารถใช้ได้ทั้งบนโต๊ะเลื่อย โดยใช้ร่วมกับใบ Dado  หรือใบ Box Joint และยังสามารถใช้ร่วมกับโต๊ะเร้าเตอร์ที่มีร่อง Miter slot ขนาดมาตรฐาน (กว้าง3/4 นิ้ว x ลึก 3/8 นิ้ว)โดยใช้ดอกกัดตรงได้อีกด้วย

      เดี๋ยวมีเวลาจะจับมาทดสอบ หาอะไรแปลกๆใหม่ๆเล่นสนุกๆไปเรื่อยๆ แล้วจะเอามาเล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไรบ้างนะครับ

บอกได้คำเดียวว่า อิจฉาโว้ย

คุณ  kokomumu

    อย่ามัวอิจฉาอยู่เลย เอาผลงานออกมาโชว์กันบ้างซิครับ เดี๋ยวติดงอมแงมอย่างผมแล้วจะรู้

       ปีนี้เป็นอีกปีที่ไม่มีโอกาสได้ไปงานคุยจ้อคองานไม้ ครั้งที่ 3 อีกแล้ว เพราะปรากฎว่าผมต้องไปต่างจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เลย กลับมาก็วันที่ 4 พ.ค. ไม่ทันงานวันที่ 3 พ.ค. สงสัยงานนี้มีอาถรรพ์กับผมแน่ ไม่ได้ไปสักปี

       แค่มาบ่นๆให้ฟังเท่านั้นครับ ส่วนช็อปงานไม้ในฝันของผม หลังสงกรานต์นี้จะเริ่มทำต่อแล้วครับ คอยติดตามกันต่อไปนะครับ

 เห็นกระทู้นี้มานาน เพิ่งมาอ่าน มันมาก

ไปเยอะแล้วน่ะเนี่ย

ผมยุ่งสุดๆๆ ช่วงนี้ ไม่ได้แตะไม้เลย

แล้วก็นิ้วผมโดนใบมีเครื่องพับกระดาษเฉือนซะ

เล็บหาย เลยหยุดยาวเลย

ตอนนี้ แขยงเครื่องมือกลัวนิดหน่อย

เครื่องดูดฝุ่นน่ะใช้มากคุณเอ็ม

 คุณahu77

เพิ่งมาอ่านนี่ต้องใช้เวลาหลายวันนะครับกว่าจะอ่านจบ อย่าอ่านอย่างเดียว ทำแล้วเอามาใชว์เพื่อนๆกันบ้างนะครับ

คุณpakae

หายหน้าหายตาไปซะนานนะครับ ยินดีต้อนรับกลับมาอีกครั้ง เครื่องจักรเครื่องมือนี่ต้องระวังให้มากๆนะครับ

เปิดกรุรอบ 2 แล้วครับที่ ห้องโฆษณา-ซื้อขายสินค้ามือ 2 นะครับ    

กลายเป็นว่าหลายๆอย่างที่ผมเอาเข้ามาจากต่างประเทศก็เหมือนๆกับที่คุณเอาเข้ามานะครับ

ของผมก็มี:

1. Router Raizer + rockler router plate

2. ดอกเราเตอร์ cabinet เซ็ท ดอกลูกปืนล่าง

3. kreg จิ๊กใหญ่พร้อมสกรูเป็นพันตัวและแคล๊มป์

4. กาพ่นสี LVLP

5. โต๊ะเลื่อยยอดนิยมของ dewalt

6. ใบเลื่อย freud แบบ fine finish

อยากได้โต๊ะเลื่อยขนาดใหญ่ แต่มันหนักเกิน ราคาก็เว่อร์เกิน

คุณ mak

      ดีเลยครับวันหลังจะซื้ออะไรจะได้ชักชวน หรือถ้าคุณ mak จะซื้ออะไรที่น่าสนใจก็บอกกล่าวได้ เผื่อสนใจจะได้แจมด้วย ประหยัดค่าขนส่งได้เยอะครับ

      สินค้าน่ะไม่ค่อยเท่าไร แต่ค่าขนส่งนี่ซิหนาวทุกที

ของหนักๆส่งเรือ กิโลละ 150-180 ก็พอทำเนา แต่รอสามเดือนกว่าจะมา

โต๊ะเลื่อยเอามายี่สิบโลหนักสุดแล้ว

แถมเอามาแล้วต้องซื้อหม้อแปลงไฟอีก

จริงๆแล้วหลายๆอย่างที่เห็นคุณซื้อมาผมก็เล็งๆไว้เหมือนกัน แต่งบไม่ถึง

อย่างนึงที่อยากได้มากคือที่รีดไม้หรือ planer เพราะไม้เมืองไทยไม่เรียบ แถมคดอีก

ใสมือก็เหนื่อย ใสกบไฟฟ้าก็ไม่ดี

คุณ mak

       เตรื่องรีดไม้บ้านเราก็มีเยอะนี่ครับ ขนาดเล็กก็ Makita 2012NB กับ JET JWP-12 ส่วนขนาดใหญ่ๆก็มี ของ JET (ไม่นับของจีน)

       แต่ผมเดาว่าคุณ mak อยากได้เครื่องไสชิดมากกว่า เพราะถ้าไม้คดด้วยต้องใช้เครื่องไสชิด(Jointer) ส่วนเครื่องไส (Planer) หรือเครื่องรีด (Thicknesser) นี่ทำให้หายคดไม่ได้ครับ ไสให้เรียบกับรีดให้บางไได้เท่านั้น 

       เครื่องรีดของจีนมีเยอะเช่น BIGWOOD  อีกละครับคุณ mak คงไม่ชอบของจีน ถ้างั้นก็คงต้องเป็น JET ที่เป็นลูกผสม มีขายอยู่ 2 รุ่น JPT-260 กับ JPT-310  ราคาตั้ง 55,800 กับ 70,000บาท ตามลำดับ ส่วนที่เป็นเครื่องไสชิด (JET 60A) JET ประเทศไทย ยังไม่ได้เอาเข้ามา

      ผมเองก็เล็ง JET JPT-310 มานานแล้ว คงต้องรอให้ช็อปเสร็จก่อนค่อยว่ากันครับ

คุณเอ็มเปิดบ้านเมื่อไรบอกด้วยน่ะ อยากไป อยากไป

 คุณ pakae/ sornid

       หายหน้าหายตากันไปนานนะครับทั้งคู่เลย ช่วงนี้ผมยังไม่ได้ขยับไปไหนเลย เพราะต้องไปทำตู้ sink กับตู้ build in ในครัวที่ถูกปลวกมันเล่นงานเมื่อปีที่แล้วจนป่านนี้ยังไม่ได้ทำให้ ผบ.ทบ. เลย แต่ตอนนี้ต้องลัดคิวทำให้ก่อนแล้วละครับ เพราะโดนค่อนแคะะหาว่าเราไม่มีฝีมือไปจ้างเขามาทำเถอะ เลยต้องรีบไปทำให้ก่อนที่ผู้รับเหมามันจะมาทำให้ผมขายหน้ามากไปกว่านี้ ต้องชิงทำซะก่อน

      เรื่องช็อปเสร็จงานครัวแล้วเดี๋ยวค่อยทำต่อคาดว่าจะทำให้เสร็จปีนี้ให้ได้ครับ แฮ่ๆ ล่าช้ามาครึ่งปีแล้ว สิ้นปีนี้เสร็จแน่ๆครับเคลียร์ของออกไปเยอะแล้วครับ เสร็จแล้วจะเปิดบ้านต้อนรับทุกๆท่านเลยครับ

ผมเพิ่งเข้ามาดู และก็เพิ่งสะสมเครื่องมือหมอไปหลายสำหรับผม แต่คนอื่นคงบอกกระจอก ส่วนมากซื้อที่ thaicapenter พี่เทอดศักดิ์เก่งมากครับอยากโทรไปคุยแต่ไม่กล้า รวมทั้งอยากคุยกับคุณเอ๋ เพาะช่างด้วย

คุณ olary

        โทรได้ครับไม่ต้องเกรงใจ แต่จะรับหรือเปล่าอีกเรื่องนะครับ (เพราะอยู่บ้านไม่ได้พกโทรศัพท์) 555

คุณ M ช่วงนี้เงียบเลยครับ  ผลงานช็อปงานไม้ อัพเดตหน่อยครับ  คิดถึงครับ

คุณnit

        ช่วงนี้งานสร้างช็อปยังไม่ก้าวหน้าเลยครับ เพราะมีงานแทรกซ้อนเข้ามาหลายอย่างที่ต้องทำก่อน เนื่องจากช่วงนี้กำลังต้องต่อเติมระเบียงหน้าบ้าน และผมตั้งใจจะทำลูกกรงไม้เองโดยใช้ไม้แดงทั้งหมด(ซื้อไม้มาแล้วหมดไป 20K ได้มาอย่างสวยเลย ชอบมากๆ) อีกทั้งทำการปูพื้นตัวหนอนและสร้าง green house เอาไว้ปลูกผักกางมุ้งอีก 1 หลัง รวมถึงยังค้างสัญญาทำตู้วาง อ่างซิ้งค์ให้ ผบ.ทบ อีกใบด้วย แถมครัวที่โดนปลวกเล่นงานเมื่อปีที่แล้วก็ยังไม่ได้ทำเลย จึงยังไม่มีเวลาได้ทำช็อปต่อเลยครับ

      สงสัยคงจะต้องอีกประมาณ  2 เดือนข้างหน้าโน่นถึงจะได้เริ่มทำช็อปอีกครั้งครับ แล้วตอนนี้ช็อปก็เป็นที่เก็บวัสดุก่อสร้างชั่วคราวไปแล้ว

      ขอบคุณที่คิดถึงและติดตามครับ พร้อมเมื่อไรจะกลับไปทำและเอามาเล่าให้ฟังต่อครับ ช่วงนี้เอาภาพ Greenhouse ที่กำลังทำไปดูก่อนแล้วกันครับแต่ก็ยังทำไม่เสร็จเพราะยังต้องติดมุ้ง ติดหลังคาพลาสติคใสกันฝนและทำกระบะไม้แบบขั้นบันได2ชั้น ทั้ง 2 ด้านเพื่อเอาไว้ปลูกผักอีกน่ะครับ ซึ่งยังคิดอยู่ว่าจะใช้ไม้ หรือไม้พื้นเชอรามาทำดี

  ถ้าต้องการแรงงานเรียกได้ครับพี่  ผมอยู่แถวๆ บ้านพี่ครับ

คุณถ้ำมอง

      มาถ้ำมองแถวนี้ด้วยหรือครับ อยู่แถวไหนครับวันหลังยกไม้อัด 20มม.ไม่ไหวจะโทรไปเรียกให้มายกซะให้เข็ดเลย โดยเฉพาะไม้อัดกันน้ำ 20มม. นี่ยกไม่ขึ้นเลย ได้คนช่วยก็งานนี้แหละครับ 555

โห.. ตะลึงในความทุ่มเทกับสิ่งที่รักจริงๆครับ..

ผมเพิ่งจะเริ่มมาศึกษาและสะสมเครื่องมือ ทั้ง HandTool และ Power Tool

ได้สักเพียงเล็กน้อยเอง.. เพราะเกือบครึ่งชีวิตเอาไปทำงานเลี้ยงปากท้อง + ครอบครัว

ตอนนี้ เริ่มมีเวลาว่างๆบ้าง อยากจะเริ่มทำสิ่งที่รักที่ชอบบ้างแล้ว.. ยังไงเขียนมาเรื่อยๆเลยนะครับ..

ผมเก็บกระทู้นี้ไว้แล้ว เอาไว้ตามอ่าน..  

 คุณนก

ยินดีต้อนรับครับ แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีเวลาทำช็อปต่อเลยครับ เพราะต้องรอสะสางงานที่คั่งค้างให้เสร็จก่อนจึงจะกลับมาทำและเล่าให้ฟังกันต่อครับ ผมก็เหมือนคุณนกคือทำมาหากินส่งลูกเรียนหนังสืออย่างเดียว ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรในสิ่งที่อยากทำเลย มาตอนนี้หมดภาระแล้วเลยมาทำซะให้หนำใจเลยครับ

ครับ.. หัวอกคล้ายกัน.. แต่ยังไงเขียนมาเรื่อยๆล่ะครับ.. ผมว่ามีคนรอชมไม่น้อยล่ะครับ กระทู้นี้

  วันนี้ตื่นนอนแต่เช้าเพราะเหนื่อยมาทั้งวันกับการติดพัดลม/โคมไฟเพดานกับ Remote control เมื่อวานเลยสลบไปแต่หัวค่ำ ทำให้เช้านี้ได้มีโอกาสมานั่งอ่าน webboard ของ Thaicarpenter.com และได้เจอกระทู้ของคุณ panasuหัวข้อว่า น้ำมันใช้ทาเครื่องมือป้องกันสนิมที่ดี เลยทำให้ผมคิดถึงน้องกบของผมขึ้นมาทันที

  จึงไม่รอช้ารีบไปประคองน้องกบทั้งหมดของผมออกมาจากตู้นอน เพื่อค้นหาดูว่ามีจุดด่างดำหรือพี่สนิมไปเกาะแกะน้องกบของผมกันบ้างหรือเปล่า ปรากฏว่าน้องกบของผมผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใยกันทั้ง 12 สาว รวมถึงน้อง Stanley Sweetheart Low Angle Jack Plane ของผมที่กะจะปล่อยไปให้ค่ายอื่น เพราะมีรูปทรงองค์เอวไปละม้ายคล้ายกับน้อง Lie Nielsen กับน้อง Veritas ของผมน่ะครับ

  ผลก็คงเนื่องมาจากการที่ได้รับอานิสงค์จาก CRC 3-36 กระนั้นเลยได้โอกาสที่จะจับมาขัดถูและเชยชมเสียทั้งหมด 12 สาวเลย ความสุขมันก็มีอยู่ตอนนี้แหละครับที่มีโอกาสได้ดูแล แค่จับๆ ไม่ได้ใช้จริงก็มีความสุขแล้วจริงไหมครับ ก่อนที่ผมจะชโลม CRC3-36 แล้วก็จะห่อไว้ด้วย Plastic Wrap (ที่ใช้ในครัวแหละครับ) ใหม่ทั้งหมดอีกรอบ ใช้เวลาไปทั้งหมด 3ชั่วโมงครึ่งพอดิบพอดี

  เออ....ไม่ได้ใช้เสียที จับๆถูๆ ลูบคลำๆ แล้วก็เก็บใส่ตู้ ...เฮ้อ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

    ช่วงนี้เอาของที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้เอาออกขายเยอะ ท่านใดว่างๆพอมีสะตุ้งสตางค์อยากได้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ดีๆเอาไปช่วยทำงานไม้ได้สนุกขึ้น(เสียตังค์อย่างเดียว ไม่มีได้ตังค์เพราะทำแล้วไม่ขาย แล้วก็ไม่รับทำด้วย) ก็เข้าไปช่วยกันเลือกซื้อได้ตามอัธยาศัยนะครับที่ ห้องโฆษณา ซื้อ-ขายสินค้า ของเรานี่แหละครับ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะเป็นการระดมทุนในการขยับขยายไปพาตัวน้องกบมาเข้าสังกัดเพิ่มเติมอีก

    ช่วงนี้ว่างจากการทำงาน เลยฟุ้งซ่าน ชวนให้เคลิบเคลิ้มไปหลงไหลน้องกบเข้าอีกแล้ว ก็เพราะทนดูฝูงน้องกบ Veritas ของคุณ i3ird ที่แกเอามาทำเป็นไอคอนของแกไม่ได้จริงๆ เพราะน้องๆ Veritasของแกเยอะเหลือเกินแถมยังน่ารักเสียอีก

    หลังจากที่ผมมีเจ้า STANLEY Sweeteart #62 Low Angle Jack Plane อยู่ตัวเดียวโดดๆนานแล้ว ทำไปทำมาแป๊บเดียวเดี๋ยวนี้มีทั้งน้อง Lie-Nielsen และน้อง Veritas ครบโหลพอดิบพอดีแลย เฉพาะแค่ดูแล้วดูอีกว่าเป็นตัวที่เอามาใช้งานได้ทุกตัวในอนาคต นี่ขนาดยังมีไม่ถึง 1 ใน 3 ของคุณ i3ird แกเลย ก็ทำให้กระเป๋าผมฉีกจนถึงตาตุ่มแล้ว ต้องเชื่อเลยว่าฝูงน้องกบ Veritas ของแกนี่น่าจะพอซื้อรถขนาดเล็ก ได้คันหนึ่งแน่ๆเลย 555

    ผมน่ะหลงไหลขนาดยอมควักจนกระเป๋าฉีกไปแล้ว ถึงได้รู้ตัวว่าอย่าเผลอตัวทีเดียว เพราะเสน่ห์เธอแรงเหลือร้าย ไร้แรงที่จะต้านทานจริงๆ แรงขนาดที่คุณจะยอมควักจนหมดตัวได้เลย ถ้าไม่เชื่อก็ดูหน้าดูตาของน้องเขา ที่ผมเอามายั่วน้ำลายก่อนก็ได้ว่าขนาดไหน ขนาดที่ทำให้ผมกระเป๋าฉีกยอมควักค่าตัวให้แบบลืมนับไปเลยว่าควักออกไปเท่าไรแล้ว

    จนเป็นเหตุให้ผมจำต้องยอมสละเครื่องมือบางส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ นำออกไปขายเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะเอามาปะกระเป๋ากางเกงที่ฉีกไปแล้วก่อนน่ะครับ....เอิ๊กๆๆ 

 ขอบคุณๆเทอดศักดิ์มากครับที่ให้ความรู้ ดูแล้วได้แต่คิดว่าจะทำ แต่ดูเงินในกระเป๋าคงจะต้องรอไปอีกนานแสนนานมากครับ ..

 อ่านจนจบที่คิดว่าจะมีช๊อปแบบคุณเทอดศักดิ์ คงได้แต่ผันกลางวัน แม้แต่ชาติหน้าก็คงไม่มีปัญญาสร้างช็อปแบบคุณเทอดศักดิ์ ขอแค่ช็อปแบบบ้านๆก็พอแล้ว

    คุณซ้ง

      ที่จริงช็อปผมก็ไม่มีอะไรต่างจากช็อปชาวบ้านนะครับ แค่รูปมันดูสวยๆ ตามจินตนาการของผมเท่านั้นเอง ใครๆก็มีความฝันกันได้นะครับ แถมไม่เสียตังอีกด้วย

     ส่วนช็อปของจริงของผมก็ยังรกเหมือนๆกับช็อปของทุกๆท่านแหละครับ ผมเองก็ยังอดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่า สมบัติมันมาจากไหนเยอะแยะจนเก็บไม่หมดเสียที .... 555

    มาต่อท้ายสักนิด วันนี้มีเรื่องขำๆ แต่ก็ฝืนขำจริงๆ เพราะต้องไปเสียภาษีนำเข้าที่ ปณ. เนื่องจาผมสั่งกบ Veritas มาอีก 2 ตัวคือ 1.Bull Nose Plane กับ 2.Edge-Trimming Plane (Right-Hand Model)

    ท่านศุลกากรประเทศไทยคิดอัตราภาษีสินค้าเป็นอะไรท่านทราบไหมครับ ผมละขำทั้งน้ำตาเลย ท่านคิดภาษีในอัตรา 20% เพราะท่านแจ้งว่าภาษีสินค้าเป็น Model หรือ ของจำลองครับ แทนที่ท่านจะตีเป็น Plane คือกบ ซึ่งเป็นเครื่องมืออัตราภาษีคือ 10% ครับ(โดยปกติศุลกากรท่านจะดูที่ Lable ที่แปะมาหากส่งมาจากประเทศที่ใช้รหัส Harmonize เหมือนกันเช่นอเมริกา ซึ่งจะพิมพ์รายละเอียดและรหัสสินค้ามาชัดเจน)

    ส่วนอีกกล่องที่มาพร้อมกับกล่องแรกเป็นกบ Lie-Nielsen 212 Scrapping plane ซึ่งเป็นกบเหมือนกัน แต่ก็คิดอัตราภาษีถูกต้องคือแจ้งว่าเป็น Plane คิด 10% ผมก็เลยเสียภาษีเแค่กล่องเดียวและนำกลับมาบ้าน แต่ด้วยความอยากรู้ จึงเหลือบดูชื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่เป็นผู้คิดภาษีทั้ง 2 กล่องเป็นคนละคนกันครับ 

    ถ้าเพื่อนๆจะหัวเราะก็ได้นะครับ แต่ผมหัวเราะไม่ออกจริงๆ  สุดท้ายผมโต้แย้งไปยังไม่ยอมจ่ายครับ แม้ว่าจะไม่ใช่เงินมากมายแค่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 950บาท แต่ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้องแม้ว่าจะต้องรออีก 3 สัปดาห์ตามที่น้องที่ ปณ.บอกมา แล้วก็อธิบายไปในคำร้องคัดค้านว่าสินค้าคือ Planeไม่ใช่ Model และคำว่า Right -Hand Model  ที่ Label มันหมายถึงกบรุ่นสำหรับคนถนัดขวา ไม่ใช่ Model ที่แปลว่าของจำลองนะครับท่านศุลกากร...จบแล้วครับ

 พี่เอ็มครับSawstop นี่มันมีข้อเสียอะไรบ้างครับ อ่านดูแล้วยังไม่เข้าใจ

ทุกครั้งที่ใบเลื่อยถูกหยุด จะต้องเอามาcartridgeเซ็ทใหม่ใช่ไหมครับ

ใบเลื่อยใช้ยี่ห้ออื่นได้ไหมครับ

 ตัว cartridge ใช้ได้ครั้งเดียว หรือใช้ได้เรื่อยๆครับ

แล้วตัวเลื่อยผลิตที่ไหนครับ จีนรึเปล่าครับ

คุณชัยฤกษ์

อ้าวตกลงยังไม่ได้ฤกษ์ตัดสินใจหรือครับ ขอตอบเรื่อง SawStop ดังนี้

ข้อดี: 1. ปลอดภัยจากการโดนตัดนิ้วหรืออวัยวะโดยใบเลื่อย เพราะระบบป้องกันจะทำงานและหยุดใบเลื่อย และดึงใบเลื่อยลงภายใน 5/1000 วินาที

ข้อเสีย: 1. ราคาแพงกว่าโต๊ะเลื่อยทั่วๆไปที่ไม่มีระบบป้องกัน ประมาณ 20%

           2. ปัจจุบันใช้ได้กับโต๊ะเลื่อยของ SawStop เท่านั้น

           3. เมื่อระบบป้องกันทำงาน จะต้องเปลี่ยนทั้ง Cartridge ป้องกัน และใบเลื่ยอยทุกครั้ง ส่วนใบเลื่อยใช้ของค่ายไหนก็ได้ที่มีความหนาของใบตั้งแต่ 3/32" ถึง 3/16"

           4. ระบบอาจทำงานเองผิดพลาดได้หากตัดไม้ที่มีความชื้นสูงหรือไม้สด

           5. การทำงานของระบบป้องกันจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อมีการสัมผัสที่ใบเลื่อย ซึ่งยังถือว่ามีความเสี่ยงอยู่

           6. ระบบป้องกันยังคงจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ประสิทธิภาพ และความเที่ยงตรงแม่นยำอยู่

           7. หากใช้ใบหลายประเภทเช่นใบเลื่อยธรรมดา กับใบ Dado ก็ต้องซื้อทั้ง Cartridge สำหรับใบเลื่อยธรรมดา และ Cartridge สำหรับใบ Dado

     ปัจจุบันโต๊ะเลื่อยของ SawStop ผลิตที่โรงงานในเมือง Tualatin รัฐ Oregon แม้ช่วงแรกๆที่เปิดบริษัทผลิตโต๊ะเลื่อยเองจะผลิตในไต้หวันก็ตามครับ

    * สงสัยไปติดใจตัวนี้อยู่อีกแน่เลย

       http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=BhuvLnrB1yI#t=151

   ** มาดูกันว่ามันทำงานอย่างไร

       http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=T3IGPCkirdU#t=10

 ขอบคุณครับ ยังตัดสินใจไม่ได้ครับ(โลเลอีกแล้ว)

ตอนนี้เอาเลื่อยวงเดือนหงายท้องติดโต็ะมาใช้ก่อนชั่วคราว ขอดูไปเรื่อยๆก่อนครับ

Sawstop ถ้าต้องเปลี่ยนทั้งใบทั้งcartridge แบบนี้ขอผ่านก่อนครับ

แอบเมียงมองน้องHarvey อยู่เหมือนกันครับ ถ้าเป็นตัวเล็กสุดจะต้องมีงบเท่าใดครับ

http://www.majorwoodworking.com.au/harvey-hw110hb-30-tablesaw/

อีกข้อครับ ถ้าจะซื้อใบ Freud 8" ที่มีรูเพลา 5/8"  มาใช้กับเลื่อยวงเดือนที่มีเพลา 30mm  แบบนีต้องคว้านสถานเดียวใช่ไหมครับ

คุณชัยฤกษ์

     นึกแล้วว่ายิ่งดูมากยิ่งไอเดียบรรเจิด ถามน้องฮาร์วี่ย์ตัวเล็ก HW110HB-xx น่าจะประมาณ 50Kปลายๆ ใหญ่ขึ้นมา HW110LG-30น่าจะประมาณ 60K กลางๆละครับ ส่วนรุ่นที่ผมใช้ HW110LG-50 แพงขึ้นอีก 7-8K (น่าจะประมาณ 72-73K นะครับ แถมต้องวัดดวงเอาว่าใครแข็งกว่ากันนิดหน่อยพอตื่นเต้นระหว่างที่ส่งมา)

    ส่วนเรื่องเอาใบรูเพลา 5/8" มาคว้านรู เป็น 30 มม.ไม่แนะนำ เพราะคว้านให้เที่ยงได้ยากหากไม่มีเครื่องจักร์ที่ดี  ปกติโรงงานที่ผลิตจะต้องทำการถ่วงน้ำหนักให้ใบเกิดสมดุลย์ด้วยครับ พอไมเที่ยงก็เสียศูนย์ ทำให้ต้องทิ้งอย่างเดียวใช้ไม่ได้อันตรายครับ

    เหมือนกับที่เราเอาใบเลื่อยวงเดือนไปลับใหม่นะครับ ถ้าไม่ได้ลับไปปรับสมดุลย์ไปด้วย ยังไงก็ไม่สมดุลย์ครับ เนื่องจากเมื่อมีการลับฟันใบเลื่อยคาร์ไบ์ด์จะทำให้เสียเนื้อคาร์ไบด์ไปไม่เท่ากัน จะทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ (Unbalance)

    มีเพื่อนๆหลายท่านเคยถามผมว่าเอาใบเลื่อยวงเดือนที่ไม่คมแล้วไปลับให้คมแล้วใช้งานได้ดีไหม ผมจะแนะนำว่าถ้าไม่ได้ลับด้วยเครื่องที่ทันสมัย ลับไปด้วยถ่วงสมดุลย์ไปด้วย อย่าเอาไปลับเพราะอย่างไรก็ไม่สมดุลย์ แค่คมขึ้นแต่ก็อันตรายมากขึ้นด้วย แนะนำให้ซื้อใหม่ดีกว่า เรื่องนี้ก็คล้ายๆกับยางรถยนต์ละครับเรามักจะให้ความสำคัญน้อยกว่ารถยนต์ ทั้งที่จริงแล้วเราควรเลือกใบเลื่อยให้ดีมีคุณภาพมากที่สุดจึงจะตัดได้อย่างมีคุณภาพและปลอดภัย เหมือนที่เราจะต้องเลือกยางรถยนต์ที่มีคุณภาพมากมี่สุดสำหรับรถเรานั้นเองครับ