ดอกเร้าเตอร์อีก 2 แบบที่ไม่เคยเจอในบ้านเรา คือดอกเร้าเตอร์ Slot wall หรือ Slatwall ขนาดมาตรฐานสามารถใช้กับสกรูหัวหกเหลี่ยมขนาด 5/16 นิ้ว หรือรางแขวนอุปกรณ์ได้ แกน 1/2 นิ้ว (มีอีกแบบที่ Thaicarpenter.com ก็มีขายเหมือนกันแต่เป็นขนาดเล็ก เป็นดอกใช้แทน T Track แกน 1/4 นิ้ว ผมยังซื้อมาลองใช้ดูเลย เผื่อคุณอนุชิตหรือท่านใดสนใจจะสั่งทำออกมาขายบ้างก็ได้) แต่ที่ตามแบบจะใส่กับสกรูหัวเหลี่ยมขนาด 1/4 นิ้วได้เอาไว้สำหรับทำร่อง ทดแทนการใช้ราง T-Track ได้

        เท่าที่ลองใช้ดูก็พอแก้ขัดได้แต่ก็ยังไม่เหมือนที่เป็นรางอลูมิเนียม T-Track หรือ Slatwall จริงๆ เพราะความแข็งแรงจะขึ้นกับไม้ที่เรามาใช้ทำน่ะครับถ้าเป็นพวก MDF รูดไปรูดมาสักพักก็เป็นขุยแล้ว แต่ถ้าเป็นรางอลูมิเนียมความแข็งแรงจะไปอยู่ที่รางครับใช้ได้ทนนาน

         กับดอกเร้าเตอร์อีกประเภทคือดอกแบบ Pattern หรือ Template คือดอกที่มีลูกบืนบน หรือที่คอ แกน 1/2 นิ้ว ส่วนใหญ่ที่พอมีก็จะเป็นดอกแบบลูกปืนที่ปลายหรือไม่ก็เป็นดอกลูกปืนที่คอขนาด 1/4" แต่ก็หายากพอควรครับ

          หรือไม่ก็เป็นดอกรวมมิตรที่รวมดอก Flush Trim bit กับ Pattern ไว้ด้วยกันเลยคือมีลูกปืนทั้งบนและล่างแกน 1/2 นิ้ว

          เอามาให้ดูเป็นตัวอย่างเผื่อจะมีท่านใดเคยเห็นหรือมีโรงงานใดทำขายก็จะได้เป็นประโยชน์แก่ทุกท่านรวมถึงตัวผมเองด้วยละครับจะได้ไม่ต้องสั่งมาจากต่างประเทศอีก

      กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ทำลิ้นชักใบทดสอบเสร็จเรียบร้อยและติดตั้งเข้าที่ และดูแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร ผมก็เริ่มทำลิ้นชักที่เหลืออีกทั้งหมด  5 ใบรวดเลย เพื่อเอาไปใส่ในตู้ช่องกลาง 4 ใบ ผมตืดตั้งโดยเผื่อให้ใบล่างสุดมีความสูงกว่าใบอื่นประมาณ 3/4นิ้ว เนื่องจากมีที่เหลือพอที่จะเอาไว้ใส่เครื่องมือที่อาจมีความสูกกว่าลิ้นชัก 3 ใบบน จะได้เอามาใส่ใบนี้แทน

     ส่วนอีก  1ใบ สำหรับตู้ด้านขวาใบบนซึ่งจะมีขนาดเท่ากับใบอื่นๆ  เมื่อทำโครงลิ้นชักเสร็จแล้วผมก็นำมันมาติดรางทีเดียวทั้ง 5 ใบพร้อมๆกันเพื่อที่จะติดตั้งเข้ากับตู้ทีเดียวเรียงกันไป โดยทำการติดตั้งที่ตู้กลางก่อนจนครบทั้ง 4 ใบ

       ส่วนการใส่แผ่นพื้นลิ้นชักนั้นผมสไลด์เข้าทางด้านหลังของลิ้นชัก และยึดไว้ด้วยสกรู 3 ตัวเข้ากับขอบแผ่นหลังของลิ้นชัก จากนั้นก็ทำการติดตั้งลิ้นชักตู้กลางเสร็จเรียบร้อยทั้ง 4 ใบ ทดสอบดูเพื่อให้แน่ใจว่าเลื่อนเปิดปิดได้คล่องไม่ติดขัด

        จากนั้นก็ไปตืดตั้งลิ้นชักของตู้ด้านขวา ช่องบนสุด ทดสอบจนแน่ใจว่าเลื่อนเข้าออกได้อย่างสะดวก ทุกใบที่ติดตั้งก็เรียบร้อยดีไม่เจอกับอุปสรรค์อะไรที่หนักหนาจนเดินหน้าต่อไม่ได้

        มีเฉพาะที่ตู้ด้านขวาดูมันจะคับๆไปหน่อย ผมเลยถอดออกมา แล้วถอดรางออก ขัดผิวด้วยเครื่องขัดสายพาน(เครื่องขัดรถถัง)ออกไปประมาณ 1/16 นิ้ว เมื่อใส่กลับเข้าไปใหม่ ทีนี้ก็เลื่อนเข้าออกได้คล่องดีไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับ

      เสร็จแล้วครับลิ้นชักอีก 5 ใบที่ผมใช้เวลาทำไป 2 วันติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ส่วนที่เหลือเป็นลิ้นชักด้านล่างสุดของช่องด้านซ้ายและขวาที่จะต้องทำต่อไป เพียงแต่ว่าจะมีความสูงมากกว่าใบอื่นครับ

      เมื่อคำนวนหลังจากใส่พื้นลิ้นชักแล้วจะเหลือความสูงที่สามารถใส่เครื่องมือที่มีความสูงไม่เกิน 17-1/2 นิ้วได้พอดี ซึ่งก็เพียงพอที่จะเก็บเครื่องรีด Makita และเลื่อยตัดองศา Hitachi  ที่นานๆจะใช้สักที ทั้งคู่จะมีความสูงประมาณระหว่าง16-1/2- 17 นิ้ว

       ตัดไม้เพื่อทำโครงลิ้นชักใบล่างขนาดใหญ่จำนวน 2 ใบ โดยผมจะให้มีขนาดความสูงของโครงลิ้นชักเท่ากับ 11 นิ้ว ที่สามารถใส่ในจิ๊กเจาะเดือยหางเหยี่ยวได้พอดีโดยไม่ต้องเลื่อน Guide block แล้วก็ในอนาคตหากไม่ต้องการใช้ลิ้นชักที่มีความสูงมากๆแล้วก็สามารถเอาลิ้นชักมาผ่าออกเป็นสองส่วน ทำให้ได้ลิ้นชักความสูงปกติเพิ่มเป็นอีกฝั่งละ  2ชุดได้เลย

      ตอนนี้ก็ตัดไม้และเตรียมทำเดือยหางเหยี่ยวไว้แล้ว 1 ใบเพื่อทดสอบก่อน ส่วนความลึกของลิ้นชักก็จะเท่ากับใบอื่นๆ ที่ต้องลองก่อนเพราะไม่แน่ใจว่าความสูงขอบขนาด 11 นิ้วจะสูงเกินไปที่จะทำให้ยกเครื่องมือเข้าออกไม่สะดวกหรือเปล่า แต่ก็ตัดเผื่อไว้ก่อน หากสูงไปก็สามารถตัดทิ้งด้วยโต๊ะเลื่อยวงเดือนในภายหลังได้ครับ เดี๋ยวลองประกอบดูก่อนแล้วลองยกเข้า-ออกดูจริงๆก่อน ได้เรื่องอย่างไรแล้วค่อยพิจารณาอีกครั้งก่อนที่จะทำใบที่เหลือ

       ส่วนของพื้นลิ้นชักใบใหญ่นี้ผมตัดสินใจแล้วว่าจะใช้พื้นที่มีความหนาเท่ากันกับใบอื่นๆคือ10 มม.(ขนาดจริงประมาณ 8 มม.เศษ) แต่ผมจะเสริมความแข็งแรงด้วยแผ่นไม้อ้ดอีกแผ่นประกบด้านใต้ ด้วยการติดกาวที่ด้านล่างของแผ่นพื้นลิ้นชัก เมื่อกาวแห้งแล้วพื้นจะมีความหนาเท่ากับ  20 มม.ซึ่งก็จะเหมือนการทำบังใบแผ่นไม้อัด 20 มม.ให้กินบังใบไป 10 มม. เพื่อให้สามารถสไลด์พื้นใส่ร่องที่ทำไว้ได้ การที่ทำพื้นลิ้นชักให้เท่ากับใบอื่นๆจะทำให้ผมไม่ต้องตั้งรั้วโต๊ะเลื่อยวงเดือนใหม่อีกแต่อย่างใด

      ผมตัดสินใจใช้วิธีนี้ ที่น่าจะสะดวกที่สุด ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปตั้งเตรื่องเร้าเตอร์หรือโต๊ะเลื่ิยวงเดือนเพื่อทำบังใบอีก ทั้งนี้ก็จะสามารถรับน้ำหนักเครื่องมือต่างๆที่มีน้ำหนักมากๆได้และจะไม่ทำให้พื้นลิ้นชักแอ่นไปเสียก่อน ผมตั้งใจว่าจะเอาไว้เก็บเครื่องมือที่ยังไม่ได้ใช้งานให้มันเป็นระเบียบ เช่นเครื่องรีดไม้ เครื่องเลื่อยตัดองศา ที่ขัดกระดาษทราย รถถัง และพวกเครื่องเลื่อยวงเดือนขนาดต่างๆ ฯลฯ เป็นต้น 

    หากไม่ติดขัดอะไร คาดว่าสัปดาห์นี้น่าจะติดตั้งลิ้นชักเสร็จหมด ถ้าทันก็จะปิดวิเนียร์ที่ขอบ และปิดหน้าบานด้วยไม้อัดที่ปิดทับด้วยไม้อัดสักลายภูเขาอีกชั้นที่ด้านหน้า แล้วจะได้ทำพื้นโต๊ะที่เหลือให้เสร็จเสียที แต่ผมจะยังไม่ลงแลคเกอร์ รอไว้ทำพร้อมๆกันกับตู้แขวนผนังจะได้ไม่เลอะเทอะ หรือเสียหายระหว่างที่ผมทำตู้ติดผนังเหนือตู้ใบนี้

สุดยอดจริงๆพี่เอ็มยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนมืออาชีพนะนี่....รอดูตอนต่อไปครับ

 คุณ i3ird

     เหอะๆ มืออาชีพเขาทำกันน่าจะสัก 4-5 วันคงเสร็จ ผมน่ะมือ DIY น่าจะทำสัก 1- 1/2 เดือน หรือไม่ก็ 2เดือน เนื่องจากคิดนาน แก้บ่อย ทำทีละน้อย พักนานๆ ครับถ้าเป็นอาชีพคงอดตายไปแล้วครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยม อย่าลืมมาบ่อยๆนะครับถ้าไม่เบื่อไปซะก่อน 555

     ได้รับแจ้งจากชิปปิ้งแล้วว่าจะเอาน้องฮาร์วี่ย์มาส่งให้ในวันอังคารที่ 16 ก.ค. 56 นี้ละครับรอลุ้นอยู่อย่างใจระทึกครับ

สุดยอดเลยครับ ผมก็กำลังทำตู้เลียนแบบพี่อยู่เหมือนกันครับ เพิ่งตัดไม้เสร็จยังไม่ได้ประกอบ ส-อ คงจะได้เป็นรูปเป็นร่าง 

 คุณ monalisa

       ยินดีด้วยครับเอามาให้เพื่อนๆดูกันบ้างนะครับ

      ตัดไม้และทำเดือยหางเหยี่ยวเพื่อลองทำลิ้นชักใบใหญ่ เสร็จแล้วติดกาวรอให้แห้งและทำพื้นลิ้นชักประกบกันติดกาวแล้วสกรัมไว้ด้วยแคล้มป์กับของหนักๆทับไว้ 1 คืน

    ถอดออกจากพันธนาการเพื่อมาโลดแล่นอยู่ในกรอบลิ้นชักได้ลงตัวพอดีกับร่องที่ทำไว้

   ใส่พื้นเข้าร่องแล้วเอากบไสปลายแผ่นเสริมส่วนที่เกินออกให้เท่ากับพื้นลิ้นชักเนื่องจากไม่ได้ตัดออกเพราะมาไสทีหลังจะได้เท่ากันพอดี หลังจากไสเสร็จแล้วก็เจาะรูเพื่อยึดพื้นเข้ากับโครงลิ้นชักด้วยสกรู 

      ใส่พื้นปรับแต่งเรียบร้อย ติดรางเข้ากับผนังตู้และด้านข้างลิ้นชัก

     ใส่รางเสร็จทั้ง 2 ข้างเอาลิ้นชักเข้าราง พอดีเป๊ะเลย ไม่คับไม่หลวม เลื่อนได้คล่องตัวดีมาก

      จับเครื่องมือมาลองใส่ดูเลยจะได้รู้กันไปว่าจะแอ่นไหมและต้องตัดให้เตี้ยลงหรือเปล่า ลองทั้งเครื่องตัดองศา และเครื่องรีดที่มีน้ำหนักมากที่สุด ผลปรากฏว่าเก็บได้พอดีไม่มีติดอะไร และพื้นก็รับน้ำหนักได้ดีไม่มีอาการใดๆส่อให้เห็นว่าจะรับน้ำหนักไม่ได้ หรือจะแอ่นเลย อย่างไรก็ดียังมีช่องว่างใต้ลิ้นชักที่เผื่อไว้ให้อีก 3/8 นิ้ว

      ผมทดลองยกเข้ายกออก เพื่อดูว่าจะสะดวกไหมเมื่อต้องใช้งานจริงๆ ผลออกมาว่า สบายครับสามารถเอาเข้าทางด้านข้างของตู้ได้อย่างสบายทำให้ไม่ต้องตัดให้เตี้ยลง เอามันเท่านี้ละครับเพราะจะได้ยึดแผ่นหน้าบาน (false panel) ที่มีความสูงพอสมควรได้แน่นหนาดี ...โล่งอกไปทีไม่ต้องเหนื่อยเพิ่ม

      ช่วงนี้ขอไปทำลิ้นชักใบสุดท้ายที่เหลืออีกใบครับ จะได้เสร็จในส่วนของลิ้นชักภายในในสัปดาห์นี้ทั้งหมด ส่วนสัปดาห์หน้ามีเวลา 2-3 วันจะตบแต่งหน้าบาน ปิดวีเนียร์ และทำพื้นโต๊ะให้เสร็จให้ได้ ซึ่งก็จะใช้เวลาครบ 1-1/2 เดือนพอดี กับการทำตู้ใบนี้ละครับ

       ก่อนที่จะทำตู้แขวนติดผนัง สงสัยว่าผมคงจะต้องทำตัวเครื่องดูดฝุ่นไซโคลนแบบเคลื่อนที่ได้ขนาดเล็กก่อนละครับ เพราะฝุ่นเยอะเหลือเกิน แล้วก็เจ้าเครื่องดักเก็บฝุ่นแบบ One stage dust collector ที่มีอยู่ก็ดูดไม่ทันเนื่องจากไม่สามารถต่อกับท่อดูดฝุ่นที่ตัวเครื่องเร้าเตอร์ได้ เดี๋ยวขอไปหาแบบก่อนจะได้ปรับให้เข้ากับอุปกรณ์และเครื่องดูดฝุ่น Bosch ที่ผมมีอยู่น่ะครับ

        ต้นแบบหน้าตาเครื่องดูดฝุ่นไซโคลนขนาดเล็กแบบเคลื่อนที่ได้ ที่จะทำก่อนหลังจากทำตู้ตั้งพื้นเสร็จแล้วละครับ เอาแบบมาจาก ช็อปโน๊ตส์เล่มที่ ๑๐๙ เพราะฝุ่นเยอะเหลือเกินเครื่องที่มีอยู่มันดูดไม่ทันโดยเฉพาะกับเครื่องเร้าเตอร์ครับ ส่วนเจ้าเครื่องดักเก็บฝุนผมจะเอาไปต่อกับโต๊ะเลื่อยโดยตรงตัวเดียวเลย

        ดังนั้นจึงต้องหาทางจัดการกับมันก่อนเพื่อสุขภาพทั้งตัวเองและเพื่อนบ้าน

 ถ้าคุณเทอดศักดิ์ศักดิ์ทำเครื่องดูดฝุ่นไซโคลนขนาดเล็ก  ขอความกรุณา ถ่ายภาพและวิธีทำอย่างละเอียดด้วยนะครับ  พอดีผมอยากได้เหมือนกัน ขอบคุณล่วงหน้าด้วยนะครับ

สันติ

คุณสันติ

     ลองดูแบบในช็อปโน๊ตส์เล่มที่ ๑๐๙ ก็ได้นะครับ มีวิธีทำและขนาดต่างๆละเอียดครับ เพียงแต่ผมแค่เอามาปรับให้เข้ากับอุปกรณ์ที่ผมมีอยู่เท่านั้นเองครับ

     ที่จริงก็ดีเหมือนกันจะได้ซ้อมมือก่อนเพราะในแผนการทำช็อปของผมก็จะมีไซโคลนตัวใหญ่ขนาด  3 แรงม้าที่จะทำด้วยเหมือนกันครับเพื่อจะใช้เป็นตัวหลักในการดูดฝุ่นทั้งช็อปเลย ได้ศึกษาและหาแบบไว้แล้ว รวมถึงร้านขายท่อลมแบบเกลียว(Spiral ducts) ขัอต่อ และอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงตัวโบลเว่อร์แรงดันสูงไว้นานแล้ว

     ผมจะพยายามใส่รายละเอียดให้ตอนที่ทำนะครับ ไซโคลนที่ผมมีตัวนี้เป็นแบบเดียวกับ Dust Deputy (ตามรูป ค.ห.ที่ 417) ซี่งเป็นของ Oneida (ผมเคยเห็นที่ช็อปคุณ i3ird น่ะครับแกมีอยู่ตัวหนึ่ง ผมว่าคุณ i3ird นี่แกมีทุกตัวแล้วมั้งครับ ยังไม่เห็นว่าแกไม่มีอะไรที่ผมพูดถึงเลยนะครับ ยกเว้นน้องฮาร์วี่คนเดียว ที่ทำให้ผมไล่ตามคุณ i3ird มาติดๆ 555) ผมสั่ง Dust Deputy clone มาทดลองดูน่ะครับ  เพราะเห็นว่ามันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากมาย จะได้ทดสอบตอนที่ทำไปในตัวด้วยครับว่าประสิทธิภาพเป็นอย่างไร

      ส่วนถังนี่ผมซื้อมาระหว่างที่ผมเดินทางไปราชบุรีขายอยู่ตามข้างทางนานแล้ว อย่างไรก็ติดตามกันไปเรื่อยๆแล้วกันครับ

 ครับ  ขอบคุณมากครับ  แล้วจะรอนะครับ  

          ลิ้นชักใบสุดท้ายประกอบเสร็จแล้วแต่รอกาวที่ประกบพื้นไว้แห้งก่อน เลยโดนรุมสกรัมไว้ด้วยแคล้มป์กับของหนักๆเท่าที่ยกได้ทับไว้ และก็พร้อมที่จะถูกปลดปล่อยจากพันธนาการต่อไปครับ

       ในที่สุดผมก็สามารถทำลิ้นชักได้เสร็จทั้งหมดแล้วครับ เหลืออีกนิดเดียวคือทำหน้าบานไม้สักลายภูเขาปิดทับลิ้นชัก และปิดผิวข้างตู้ และบริเวณตีนตู้ กับปิดวีเนียร์ตามขอบ รวมถึงปิดผิวหน้าของพื้นโต๊ะกับปิดขอบโต๊ะด้วยไม่แอช ก็จะเสร็จแล้วครับ

       เหนื่อยเหมือนกันแต่ก็สนุกดีและก็ภูมิใจครับที่ได้ทำช็อปในฝันชิ้นแรกเกือบเสร็จแล้วครับ แต่ตอนนี้ต้องขอพักก่อนชั่วคราว เพื่่อหลีกทางให้กับน้องฮาร์วี่ย์ที่กำลังจะมาถึงช็อปผมแล้วครับมที่จะมาเติมเต็มให้เป็นช็อปในฝันของผมอย่างแท้จริง ซึ่งก็คงจะต้องใช้เวลาขยับขยายที่ทางเพื่อติดตั้งและปรับแต่งน้องฮาร์วี่ย์ ให้เข้าที่เข้าทางก่อนสักพัก ค่อยกลับมาทำช็อปต่อครับ

      ต้องขอค้างการทำตู้ตั้งพื้นในช็อปของผม ใน Season 5 Episode 1 ไว้ก่อนนะครับ โดยที่ผมยังไม่ได้ทำแผ่นปิดลิ้นชักหน้าตู้และพื้นท๊อปของตู้ หากจะทำต่อเมื่อใดจะกลับมาต่อให้นะครับว่าจะไปต่อที่ ความเห็นที่เท่าไรเนื่องจากต้องขอไปจัดการเรื่องโต๊ะเลื่อยตัวใหม่ก่อนครับ

 ของผมได้ประมาณนี้แล้วครับพี่เอ็ม ตัดไม้อัดทำแผ่น top และ buttom เรียบร้อยแล้วแต่ลืมถ่ายภาพ มีบางส่วนที่แปลงไปจากต้นฉบับบ้าง ด้วยว่าเครื่องมือยังไม่อำนวย 

 อันนี้ตัดไมไว้ว่าจะใส่คานกลาง  เพิ่มความแข็งแรงไปอีกนิด เผื่อเวลายกไปประจำการแล้วนะครับ อันนี้ว่าจะเอาไปไว้ให้ ผบ เก็บข้าวของก่อนนะครับ ส่วนทำไว้ใน shop เดี่ยวรอบรูณะ shop ใหม่ก่อนครับ อาจจะต้องลงมือก่อสร้างด้วยตัวเองและน้องชายอีกแล้ว เคยจ้างช่างมาหลายราย มาต่อเติมบ้าน ไม่ถูกใจสักราย +555

คุณ monalisa

     ยินดีที่เป็นต้นแบบให้ครับ เล่นทำให้ ผบ. แบบนี้ สงสัยได้คะแนนเพิ่มอีกจมเลยนะครับ 

     แต่ผมว่ารูปที่โพสมามันล้นจอนะครับ เลยทำให้เบลอไปดูไม่ชัด ลองลดขนาดลงให้เหลือ 640x480 pixel น่าจะชัดขึ้นครับ

วันที่16แล้วพี่...เอาน้องฮาร์วี่ย์ถ่ายรูปขึ้นโชว์หน่อยอย่าเอาไปนอนกอดคนเดียว......

คุณ i3ird

          เล่นนั่งนับวันเลยนะคุณ i3ird ไม่รู้ว่าใครตื่นเต้นกว่ากัน มาถึงตามคำเรียกร้องแล้ววันนี้ จากที่รอมานานแสนนาน เพราะวันนี้ตอนเที่ยงชิปปิ้งพาน้องฮาร์วี่ย์มาส่งถึงช็อปผมแล้วครับ ผมรีบไปถ่ายรูปเก็บภาพไว้ก่อนและเป็นหลักฐานเผื่อต้องมีการเคลมค่าเสียหายในภายหลัก(หากมี) แต่ก็ภาวนาว่าอย่าให้มีเลย ผมยังต้องช่วยหาทางเอาน้องฮาร์วี่ย์ลงจากรถด้วยอีกต่างหาก เพราะมากันแค่ 2 คนจะยกลงมาได้ไง (มันไม่คิดกันมาก่อนเลยหรือว่ามันจะเอาลงอย่างไรกับลังขนาด 260 กก.) แล้วก็ไม่มีพื้นลาดหรือไม้ติดมาด้วยเลย

         ดีนะที่ผมมีไม้เต็งยาวอยู่หลายท่อนเลยให้เอาไปทำทางลาดเพื่อเข็นเอาน้องฮาร์วี่ย์ลงจากรถ ไม่ใช่อะไร กลัวน้องเขามาตกลงที่พื้นช็อปของผมนี่แหละครับ จะเจ็บใจมากเลยเพราะอุตส่าห์ให้ทะนุทะหนอมมาอย่างดีตลอดการเดินทาง และผมยังต้องไปช่วยเหยียบปลายไม้ไว้ไม่ให้มันเลื่อนระหว่างที่เขาเข็นลงมาอีก (ซึ่งเข็นยังยากเลย แล้วมันจะยกลงมาได้ไง?? สงสัยคิดว่าเป็นพวก Hulk มั้ง) เมื่อเอาลงมาแล้วผมเอากล่องกระดาษลังหนาๆรองซะหน่อยจะได้เข็นได้สะดวกขึ้น ผมให้เขาเข็นเข้าตำแหน่งที่ผมทำเครื่องหมายไว้ ดูแล้วทำให้ช็อปผมเล็กลงไปถนัดตาเลย ที่เหลือผมจัดการเองนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป

          พอดีวันนี้ ผบ.ไม่อยู่พอดีไป ตจว. พรุ่งนี้ถึงจะกลับมา แกคงยังไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลยจากผมเลยเรื่องพาน้องฮาร์วี่ย์เข้าบ้าน อย่างไรก็ดีผมก็เตรียมค่าปิดปาก (เอ้ย...ค่าชดเชย) ไว้ให้แล้วเป็นลูกสุนัขตัวผู้พันธุ์ Miniature Schnauzer สี Black and Silver อายุเพิ่งจะเดือนกว่าๆไว้ให้หนึ่งตัว คงน่าจะไม่บ่นอะไรมากเมื่อเห็น อาจแค่ตกใจนิดหน่อยหรือไม่ก็อึ้งไปเลย โชคร้ายก็อาจโดนค่อนแคะว่าซื้อมาอีกแล้ว ไอ้ที่ซื้อมาตั้งๆอยู่น่ะได้ใช้หมดหรือยัง

          ผมน่ะตื่นเต้นตั้งแต่เช้าเมื่อรู้ว่าน้องฮาร์วี่จะมาถึงวันนี้หลังจากที่ถูกเลื่อนมาจากเดิมว่าจะมาถึงวันเสาร์  ผมรีบเข้าไปเก็บกวาดจัดเคลียร์ของที่อาจกีดขวางทางน้องฮาร์วี่ย์ให้หมดเสียก่อน ตื่นเต้นอยากเห็นหน้าจริงๆเพราะรอมา 3 เดือนเต็มๆตั้งแต่แรกเห็น ไม่รอแล้วครับเมื่อเขาเอาเข้าที่ ผมจะติดตั้งเองคนเดียวเดี๋ยวนี้เลย ตอนนี้...แกะกล่องอยู่ครับ โชคดีนะที่ผมหวั่นๆเรื่องขนส่งทางเรืออยู่ (เพราะมีประสบการณ์ในการนำของเข้ามาล็อตหนึ่ง ของเสียหายซะ 80% จนต้องเปลี่ยนสายการเดินเรือใหม่) จึงให้เขาตีลังไม้เพิ่มมาอีกชั้น ไม่อย่างนั้นน้ำตาร่วงแน่เลย เพราะขนาดลังไม้ยังยุบเลย มีร่องรอยบาทา บนกล่องเพียบเลยไม่รู้ยี่ห้ออะไรกันบ้าง สงสัยมันคงย่ำกันสนุกสนานเลย โดยเฉพาะกล่องยาวสุดที่เป็นรางน่ะครับ แต่ดีที่กล่องไม้มีรอยบุบและแตกที่ใบเล็กซึ่งเป็นกล่องรั้วน่ะครับ แกะดูแล้วกล่องข้างในที่เป็นกระดาษไม่บุบสลาย เลยตรวจดูทั้งหมดให้ทั่วๆ เท่าที่ดูทั้งหมดแล้ว ก็โอเคครับปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนครับ

          แต่ก่อนอื่นใดขอผมถอดเสื้อผ้าน้องฮาร์วี่ย์ออกก่อน เพื่อดูให้มันหายสงสัยกันเสียทีว่าน้องฮาร์วี่ย์ที่มามีขนาดเอว 5/8" หรือเปล่า หรือจะเป็น 30 มม.กันแน่ ....ผลปรากฏว่าเป็น 5/8" ครับ โล่งอกเสียทีรอลุ้นอยู่เหมือนกัน

ผมขอแสดงความยินดีกับพี่เทอดศักดิ์ ที่ได้รับของสมการรอคอยก่อนเป็นคนแรกครับ ^_^

 คุณยุ่น

         ขอบคุณครับ ที่มาร่วมต้อนรับน้องฮาร์วี่ย์กับผม หลังจากที่ใช้เวลาตามหา และนำเข้ามาจนได้สมใจอยากเลยครับ ดูคุณภาพแล้วเยี่ยมคุ้มกับที่ได้ลงทุนลงแรงไปครับ เหมือนกับที่ผลิตส่งให้บริษัทต่างๆในอเมริกาตามที่ผมเคยเล่ามาแล้วน่ะครับ

คุณ i3ird

         ผมติดตั้งเสร็จเมื่อไหร่จะเอาขึ้นให้ดูครับ ตั้งแต่แกะกล่องเลย ตอนนี้กำลังติดตั้งอยู่คนเดียวใกล้จะเสร็จแล้วเหลืออีกนิดหน่อยด้วยความช่วยเหลือของ Rolling Shop Cart ที่ทำไว้มาช่วยผมยกแผ่นเหล็กปีกทั้ง 2 ข้าง (extension wings) และรางที่ค่อนข้างหนักเพื่อให้ผมยึดด้วยสกรูได้ เหลือก็เพียงทำปลั๊กไฟ กับทำการปรับแต่งส่วนต่างๆให้ได้ระดับและฉากตามข้อกำหนด คงอีกวันสองวันน่าจะเสร็จแล้วเริ่มเดินเครื่องทดสอบได้ครับ 

         แต่ผมก็ต้องทำการย้ายสิ่งของกันยกใหญ่เลยเพราะมันใหญ่โตกินเนื้อที่ช็อปผมไปเยอะ จนทำให้ช็อปดูแคบไปถนัดตาเลย แบบแผนผังช็อป (Shop Layout) ที่เคยทำไว้คงต้องทำใหม่หมดเลยละครับ  

         ช่วงนี้คงต้องหยุดทำงานชั่วคราวเก็บข้าวของอีกครั้งเพราะยิ่งแน่นขึ้นกว่าเดิม เหนื่อยแล้วขอไปนอนกอดน้องฮาร์วี่ให้ชื่นใจก่อน และให้ใครบางคนอิจฉาเล่นนะครับ

 ยินดีด้วยครับพี่ ได้ table saw ดีๆ ทำให้งานไม้ง่ายขึ้นอีกเยอะครับ ผมมองว่าถ้ามี table saw ดีๆ การ set การตั้งระยะจะทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และนำไป apply กับงานอย่างอื่นได้อีก ผมค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการตัดไม้ คือ ตอนนี้ผมใช้เครื่องเลื่อยวงเดือนมาติดตั้งกับโต๊ะ ตัดมาแล้วไม่ค่อยจะได้ฉาก ตัดขาดๆ เกินๆ จะตัดทีก็เหนื่อยใจ คงต้องหาเครื่องดีๆ ไว้ใช้งานระยะยาวบ้างเหมือนกันครับ 

ปล.ต้อ"ขออภัยเรื่องรูปมันขนาดใหญ่มากด้วยครับ ผมงงๆ อ่านที่คุณอนุชิตโพสไว้แล้วก็ทำตาม รูปแรกเล็กไป พอรูปสองกลายเป็นใหญ่ขึ้น จะ edit กระทู้ก็ไม่ได้ แต่ตอนนี้รู้แล้วครับว่าต้องไปลดขนาดรูปก่อน เดี่ยวลองเอาไปทำในกระทู้ตัวเอง ตั้งใจไว้ว่าจะตั้งกระทู้แสดงผลงานและวิธีการของตัวเองเสนอให้เพื่อนๆ พี่ได้ติชมกันครับ 

 อิจฉา  อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา

ชาตินี้ผมคงไม่มีบุญได้ครอบครองแน่ ๆ งบประมาณไม่ผ่าน ผบ ทบ อิอิ

คุณนัทคุงต้องใช้งบลับครับ ...อย่าไปขออนุมัติผ่าน ผบ.ทบ.

นี่ผมก็รอจะอิจฉาคุณM อยู่เหมือนกัน..

แหม่ ๆๆ รอชมด้วยความตื่นเต้น  โชคดีที่เมืองไทยไม่มีขาย

ไม่งั้นเสียตังชัวร์

shop ใกล้เสร็จแล้ว อีกนิดเดียวเอง ขอถึงฝั่งฝันเร็วๆน่ะครับ เอาใจช่วยอยู่ไกลๆ

 คุณ monalisa

ค่อยๆขยับขยายตามกำลังที่มีต่อไป

คุณนัทคุง

เป็นไงบ้างอ่านตำรากะดูวิดีโองานไม้หมดทั้ง HDD หรือยัง ตอนนี้มีเพิ่มอีกเพียบเลย อิจฉาได้แต่อย่าหมั่นใส้แล้วกัน เหมือนที่คุณ paisalว่าไว้เลยครับ ต้องลับที่สุด อย่าทำเป็นคนดีไปปรึกษาหรือขออนุญาตดูก่อนน่ะไม่มีทางหรอกครับ

คุณ paisal

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดเลยนะครับ ต้องเป็นงบลับที่สุดอย่างเดียวจริงๆเลยครับ เพราะเมื่อน้องมาตั้งที่ช็อปเรา ก็ทำไรเราไม่ได้แล้ว ถามอะไรหรือบ่นอะไรก็เข้าซ้ายออกขวาเปลี่ยนเรื่องคุยซะ และเตรียมค่าปิดปาก(ค่าชดเชยน่ะ) ไว้ด้วยแล้วกัน หนักจะได้เป็นเบา ได้ผลจริงๆด้วยครับค่าปิดปากเนี่ยะ

คุณ banjo

ไม่ไกลเกินฝันครับ เพราะมันมีแรงบันดาลใจมาจากที่คุณ i3ird  เล่นเอาพี่โด้มาโชว์แบบฟูลทีมเลยตอนที่ไปเยี่ยมชมช็อปและโรงงาน ทำเอาผมนอนไม่ค่อยหลับถึงกับฝันว่าทำอย่างไรจะได้โต๊ะเลื่อยที่ใส่พี่โด้ได้บ้างหนอ จนผมทนต่อไปไม่ไหวจึงเริ่มค้นคว้าหาเครื่องและหาวิธีการ ที่จะสั่งเข้ามาเองซะเลย ตอนนี้ก็นอนกอดๆ ลูบๆคลำอูยู่ทุกวัน

คุณ Sornid

ช็อปผมน่ะยังอีกนานครับ ที่ทำไปน่ะน่าจะสัก 20% ของทั้งหมดที่จะทำเองครับ ใกล้น่ะแค่ตู้ใบแรก แต่ก็จะพยายามต่อไปครับ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจ

คุณ Numwod

ยินดีต้อนรับครับ

ขอร่วมเป็นแฟนคลับด้วยคนครับ ชอบมากมากเข้ามาอ่านติดตามเรื่องงานไม้

ผมคนหนึ่งที่บ้างานไม้ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

         NUMWOOD

            พี่เอ็มครับ ไม่มีเวลาดู หรืออ่านเลย ไฟล์ใหม่ ๆ ที่พี่อัพให้โหลด ก็โหลดมา แต่ไม่มีเวลาอ่านเลยดูผ่าน ๆ 

            จ-ศ 8.30-17.30 ทำงานประจำ หลังเลิกงาน 18.00 - 21.00 ก็ทำงานไม้ที่บ้าน รับบิลท์อิน งานเล็ก ๆ น้อย ๆ 
            ส-อา ก็ทำงานไม้ที่บ้านทั้งวัน เฟอร์นิเจอร์ของตัวผมเองก็ยังไม่มีเวลาทำ รีบส่งงาน หาเงิน ภาระผมเยอะ 5555

             ห้องชอป ของผมก็รกซะจะไม่มีที่เดินอยู่แล้ว เศษไม้ก็เยอะ จะทำที่เก็บก็ไม่มีเวลาซะที ทำรถเข็นเก็บเศษไม้ไว้ 1 คัน ก็เต็มซะแล้ว ต้องทำเป็นชั้นแยกขนาดเก็บแล้วหละ เครื่องไม้เครื่องมือ ก็โดนฝุ่น + ขี้เลื่อยเกาะ เนื่องจากห้องมันแคบ ต้องทำตู้ติดล้อเลื่อนเก็บเครื่องมือพวก power tool ทุกวันนี้ก็กอง ๆ เอาไว้ อย่างกับไม่มีค่า 5555

*** เข็นลงมาจากรถด้วยการควบคุมของผมจะได้ไม่บุบสลาย และเริ่มถอดพันธนาการออกด้วยใจระทึก ***     

Season 5

Episode 2: น้องฮาร์วี่ย์ 1

     เริ่มต้น Episode ที่ 2 ของ Season 5 ทั้งๆที่ Episode 1 ยังไม่จบเลย เพราะต้องหลีกทางให้หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของ ช็อปงานไม้ในฝันของผมก่อนนะครับเดี๋ยวจบแล้วค่อยกลับมาต่อที่ Episode 1 กันใหม่ครับ

     มาแล้วครับน้องฮาร์วี่ย์ จากที่รอคอยมานานแสนนานรวมทั้งสิ้น 3 เดือน ตั้งแต่ผมเริ่มการเสาะแสวงหาโต๊ะเลื่อยตัวใหม่ที่สามารถใส่พี่โด้ของผมได้ตั้งแต่ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาซึ่งผมไม่ได้ไปไหนเลย นั่งทำการบ้านศึกษาหาโต๊ะเลื่อยที่ถูกใจอย่างละเอียดทุกยี่ห้อที่มีขายในอเมริกา และดูความเป็นไปได้และวางแผนในการนำเข้ามาเอง เนื่องจากหมดหวังที่จะหาซื้อจากตัวแทนจำหน่ายต่างๆในประเทศ จะซื้อเองจากโรงงานโดยปกติเขาจะไม่ขายปลีกจะต้องสั่งอย่างน้อยครั้งละ 10ตัวเขาถึงจะขายให้ แต่ในที่สุดผมก็ทำให้เขายอมขายให้ผมเพียงตัวเดียวได้ และแล้ววันนี้ผมก็ได้มาอยู่ในอ้อมกอดผมจริงๆแล้ว เหมือนฝันเลยละครับ

      น้องฮาร์วี่ย์มาด้วยกันทั้งหมด  3 กล่อง กล่องแรกเป็นตัวน้องเองที่ติดอยู่บนพาเลท ซึ่งข้างในจะมีปีกทั้ง 2 ข้างของโต๊ะที่เป็นเหล็กหล่อทั้งแผ่น แผ่นโต้ะต่อเสริมเพื่อให้สามารถตัดตามแนวเสี้ยนไม้ (Rip cut) ได้ถึง 50 นิ้ว ทำด้วยเบกาไลท์ หรือ เบคิไลก์ (bakelite) อยู่บนเฟรมเหล็ก ขาโต๊ะเหล็กปรับความสูงได้ 2 ข้าง รวมถึงอุปกรณ์ประกอบที่มากับเครื่องได้แก่ใบเลื่อยขนาด 10 นิ้ว 40 ฟันที่มีขนาดรูเพลา 5/8 นิ้ว ตัวInsert plate สำหรับใบเลื่อยธรรมดา และสำหรับพี่โด้ (dado) อย่างละอัน ประแจขันน๊อตใส่ใบเลื่อย 2 อัน ประแจ 6 เหลี่ยม 1 ชุด หนังสือคู่มือติดตั้งและดูแลน้อง ตัวดันไม้ (Push stick) ตัวพาไม้ชนิดปรับองศาได้ (Miter Gauge) ชุดป้องกันใบเลื่อย (Blade Guard)  ตัวกันไม้ตีกลับ (Riving Knife)  หนังสือคู่มือ และ สวิทช์แม่เหล็ก (Magnetic switch) ที่จะอยู่ในนี้ทั้งหมด 

        กล่องที่ 2 จะเป็นกล่องรั้ว (Fence) และกล่องที่ 3 จะเป็น รางทั้งด้านหน้า และด้านหลังครับ ห่อหุ้มมาอย่างแน่นหนา (เออ...แต่ทำไมมันไม่ใส่กล่องกระดาษครอบมาด้วย หรือเห็นเราตีลังไม้เลยเอากล่องการดาษออก ดีนะที่ไม่หลุดออกจากพาเลท เพราะยึดน๊อตมาแค่ 2 ตัวกับพาเลท จริงๆแล้วมีที่ให้ยึดได้  4ตัว) เปิดออกมาดูด้วยความตื่นเต้น เห็นพื้นหน้าโต๊ะถูกคลุมไว้ด้วยกระดาษชุบน้ำมันกันสนิมทั่วทั้งพื้นหน้าโต๊ะเลย

 น้องฮาร์วี่ย์ 2:

         ในที่สุดก็ได้ยลโฉมน้องฮาร์วี่ย์ตัวจริงกันแล้วครับ ผมเริ่มสำรวจก่อนเลยว่าน้องเขามีอะไรบุบสลายหรือเปล่า ซึ่งดูแล้วไร้รอยข่วนใดๆครับ ดีใจสุดๆ

         จากรูปที่เห็น พื้นโต๊ะหลักที่เป็นเหล็กหล่อทั้งแผ่นถูกคลุมไว้ด้วยกระดาษชุบน้ำมันเพื่อป้องกันสนิมมาจากโรงงาน กล่องกระดาษแบนๆ 2 กล่องด้านล่างซ้ายเป็นกล่องใส่ปีกเสริมของโต๊ะ (Extension Wings) ที่เป็นเหล็กหล่อเหมือนกัน อย่างหนักเลยครับและปิดทับผิวหน้าที่ขัดจนเรียบไว้ด้วยกระดาษชุบน้ำมันเหมือนกับตัวโต๊ะหลักที่ติดมากับตัวตู้เลย น้ำหนักของตู้ประมาณ 250 กก. เลยทีเดียว เนื่องจากกลไก (Mechanic) ข้างในเป็นแบบที่เรียกว่า Trunnion ที่เป็นเหล็กหล่อทั้งนั้นเลยครับถึงได้หนักมากๆ

         ส่วนกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่พื้นตรงกลางคือกล่องใส่สวิทช์เปิด-ปิดเครื่อง แบบแม่เหล็ก (Magnetic Switch) ประโยชน์ของมันคือหากเราใช้งานอยู่แล้วเกิดไฟฟ้าดับ เมื่อไฟฟ้ามาใหม่สวิทช์จะไม่ทำงาน จะต้องกดเปิดใหม่อีกครั้งเพื่อความปลอดภัย

        แท่งยาวๆ 2 อันคือขาโต๊ะเสริมทั้ง 2 ข้างผูกติดมากับล้อปรับความเอียงของใบเลื่อย ส่วนแผ่นเสริมของโต๊ะที่เป็นแบ๊คคาไลท์ ผมยกออกไปวางไว้ข้างนอกก่อนแล้วครับ

        ส่วนที่เห็นเป็นกล่องๆเหล็กติดกับตัวตู้ด้านซ้ายมือของรูปจะเป็นประตูเปิดปิด และเป็นพื้นที่ของมอเตอร์ที่จะเคลื่อนที่เวลาเราปรับความเอียงของใบเลื่อยครับ ติดตามไปเรื่อยๆเดี๋ยวผมจะเปิดให้เข้าไปดูข้างในด้วย (ดูได้นิดหน่อยนะครับ) ภายในตู้ก็จะมีกล่องอุปกรณ์ต่างๆของโต๊ะทั้งหมดรวมถึงใบเลื่อยขนาด 10" 40ฟัน เพลา 5/8" ด้วย

        น้องฮาร์วี่ย์ตอนนี้ยังไม่ได้เอาลงจากพาเลทนะครับ เพราะผมจะต้องไปขันน๊อตที่ยึดน้องเขากับพาเลทออกก่อนจึงจะเอาลงมาได้ครับ

 น้องฮาร์วี่ย์ 3:

        รูปแรกเป็นแผ่นโต๊ะเสริมที่ทำด้วยแผ่นแบ๊คคาไลท์และโครงเป็นเหล็กวางพิงอยู่ครับ ส่วนกล่องด้านหน้าเป็นกล่องที่ใส่รั้วตัด (Rip Fence) มีรอยยุบที่ไม้อัดที่ตีเป็นกล่องมา

        รูปที่ 2 เป็นรางของโต๊ะทั้งด้านหน้าและเหล็กฉากรับราง และรางด้านหลังยาว 82 นิ้วครับ ทั้งหนักทั้งยาวเลยครับ ด้านหน้าเป็นเหล็กกล่องสี่เหลี่ยมสำหรับติดตั้งรั้วตัดกับรางที่เป็นเหล็กฉาก ส่วนด้านหลังเป็นเหล็กฉากอย่างหนาพ่นสีดำเหมือนกัน

        ส่วนรูปที่เหลือเป็นอุปกรณ์ประกอบต่างๆที่เขาใส่มาให้ในกล่องของน้องฮาร์วี่เลย รวมถึงยังมีที่อยู่ในตู้อีกด้วย

 น้องฮาร์วี่ย์ 4:

        เดินดูรอบๆด้านข้างมีที่ต่อท่อดูดฝุ่นขนาด 4 นิ้ว แล้วก็มีขาโต๊ะ 2 ข้างที่เขาผูกติดมากับพวงมาลัยหมุนปรับเอียงใบเลื่อย ส่วนด้านหลังมีขอเอาไว้แขวนประแจถอดและใส่ใบเลื่อยกับตัวดันไม้ครับ ผมพยายามเดินสำรวจดูรอบๆก่อนว่ามีอะไรแตกหักเสียหายบ้างหรือเปล่า เพรากังวลเหมือนกัน

       เนื่องจากการสั่งของเข้ามาเองโดยไม่ได้ซื้อจากตัวแทนขายในบ้านเรา(หากมี) ถึงแม้เขาจะรับประกัน 1ปีก็ตาม แต่การเครมสินค้าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแถมอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งอีกพอควร แต่เมื่อไม่มีใครเอาเข้ามาขายก็ต้องยอมเสี่ยงดูละครับ ทำให้ต้องตรวจดูให้เรียบร้อยก่อน มีอะไรจะได้เครมทางเรือที่ขนสินค้าได้ก่อนเลย เนิ่นนานไปจะเครมได้ยาก เป็นเหตุที่ทำไมผมถึงต้องรีบถ่ายรูปไว้ตั้งแต่สินค้ามาถึงแล้วยังไม่ได้เอาลงมาจากรถนั่นเองละครับ

 น้องฮาร์วี่ย์ 5:

        ผมเดินตรวจรอบๆ เพื่อดูสภาพว่ามีร่องรอยอะไรไหมหลังจากเอาอุปกรณ์ประกอบต่างๆออกมาหมดแล้ว ซึ่งก็อยู่ในสภาพที่ดีครับไม่มีอะไรบุบสลายหลังจากยกอุปกรณ์ประกอบออกหมดแล้ว

         รูปที่ 2 เป็นรูปของรั้วตัด (Fence) ที่เป็นแบบมาตรฐานที่โต๊ะเลื่อยในอเมริกาที่เกือบทุกยี่ห้อจะใช้แบบนี้กันหมด เรียกว่าแบบ biesemeyer ที่ประกบด้วยแผ่นพลาสติคชนิดโพลี่เอทีลีนความหนาแน่นสูง (Camlock T-Shaped Fence with HDPE Face) เพื่อช่วยเพิ่มความลื่นเวลาเราสไลด์ไม้ผ่านรั้ว ขนาด ยาว 48" สูง 2-1/2" กว้าง 4-1/8" สไลด์อยู่บนรางเหล็กกล่องเหลี่ยม(Square Steel Tubing)

        ส่วนรูปด้านล่างซ้ายเป็นอุปกรณ์ประกอบและขาโต๊ะเลื่อยส่วนที่เป็นส่วนต่อของโต๊ะ ( extension table ) ที่ผมแกะออกมาเพื่อตรวจสอบ ส่วนรูปขวาเป็นรางทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รางด้านหน้าเป็นเหล็กกล่องสี่เหลียม กับเหล็กฉากขนาดใหญ่ และหนักมาก ส่วนรางด้านหลังเป็นเหล็กฉากอย่างหนาอีกเหมือนกัน ทั้งหมดพ่นสีดำดูน่าเกรงขาม ยกเว้นส่วนด้านหน้าและหลังของรางด้านหน้าที่ใช้ล็อครั้วจะเว้นไว้ไม่พ่นสีแต่จะขัดมัน เพื่อให้ตัวจับของรั้วตัดมาบีบที่รางเมื่อทำการล็อคราง (ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเครื่องมือที่ทำส่งขายในอเมริกามันถึงคุณภาพดีกว่าที่ทำขายแถวตลาดเอเชียที่ผมเคยเห็น)

        *** (ระบบกรองคำของ Thaicarpenter.com Webboard ฉลาดเกิน(หรือเปล่า) ไม่ยอมให้ผมโพสคำเต็มของพลาสติค HDPE เป็นภาษาอังกฤษนะครับ น่าจะเพราะตัวกรองคำฉลาดน้อยไปหน่อย .... แอ๊ดมิน... ช่วยดูด้วยนะครับ)

น้องฮาร์วี่ย์ 6:

     ผมเริ่มการติดตั้ง ณ.บัดนี้แล้วครับด้วยตัวเองคนเดียวเลย เริ่มจากหาวิธีเอาน้องฮาร์วี่ย์ลงจากพาเลทให้ได้ก่อนอื่นใดทั้งสิ้น โดยเอาแขนและมือมุดเข้าไปใต้พาเลทและใช้ประแจแหวนขันน๊อตยึดน้องฮาร์วี่ย์ออกจากพาเลท

    เนื่องจากน้องเขาหนักประมาณ 250 กก. คงจะไม่มีทางยกลงจากพาเลทได้แน่แต่ขยับน่ะพอได้นิดหน่อย ผมจึงเริ่มจากการไปเอาท่อนไม้เต็งที่มีอยู่หลายท่อนที่ตอนแรกตัดและไสเอาไว้กะว่าจะทำม้าเลื่อยแบบพับ(folding sawhorse) แต่เปลี่ยนใจเนื่องจากไม้มีน้ำหนักมากทำให้ม้าหนักเกินไปยากต่อการเคลื่อนย้าย (จึงยกเลิกไปก่อนกะว่าจะเปลี่ยนเป็นไม้ยางแทนแล้วกัน)

    กลับมาเข้าเรื่องใหม่ครับ ผมเอาไม้มาเรียงกันให้เป็นลักษณะขั้นบันไดเพื่อจะทำทางลาดเอียงให้ (แต่ก่อนที่จะวางไม้ผมวางกล่องลังกระดาษไว้ก่อนเพื่อเวลาเลื่อนลงมาแล้วน้องเขาจะอยู่บนลังกระดาษจะได้เลื่อนเข้าที่ได้ง่ายขึ้น)  เมื่อปูไม้เต็งเพื่อเป็นฐานรองรับแล้วผมเอาเศษไม้อัดขนาด 20 มม. มาปูทับอีกชั้นเพื่อให้ผมสามารถเข็นน้องเขาลงมาตามทางลาดเล็กๆได้

      ส่วนขอบของพาเลทที่สูงประมาณ 1-1/2 นิ้ว ผมเอาค้อนเลาะด้านหลังที่เป็นด้านที่ผมจะเข็นลงออกด้านหนึ่งก่อน จากนั้นก็ขยับน้องเขาเล็กน้อยด้วยความรวดเร็วในแต่ละมุม แล้วรีบสอดกระดาษกล่องเข้าไปใต้น้องเขาทีละมุมใต้น้องเขาจนครบทั้ง 4 มุม ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ลื่นพอที่ผมจะเข็นลงไปตามทางลาดได้น่ะครับ 

แม่จ้าว...อัครอลังการโพดๆ

น้องฮาร์วี่ย์ 7:

       สุดท้ายผมก็เข็นลงมาบนพื้นได้ครับ และกล่องกระดาษที่ผมรองไว้ก็ช่วยให้ผมขยับเข้าที่ตามที่ได้ทำเครื่องหมายไว้ว่าจะตั้งตรงไหนได้ไม่ยากครับ

      เสร็จไปขั้นแล้ว ตอนนี้น้องเขาปลอดภัยอยู่บนช็อปผมแล้วครับ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนครับวันนี้ ที่รีบทำก็ไม่มีอะไรมากนอกจากกะจะให้เสร็จพอตั้งไว้ให้เรียบร้อยก่อนที่ ผบ. จะกลับมาละครับและผมก็จะไม่ว่างอีก  2 วันเลยรีบทำซะวันนี้เพื่อติดตั้งให้เสร็จให้เรียบร้อยก่อน ส่วนการปรับแต่งและทดสอบเดินเครื่องเดี๋ยวค่อยว่ากันสัปดาห์หน้าครับ

      เมื่อลงมาแล้วผมก็ทำการปลดตัวล๊อคมอเตอร์ที่เขาล๊อคมาระหว่างขนส่งเพื่อไม่ให้เสียหายนะครับ วิธีเอาออกก็ไม่ยากเพราะผมดูวิดีโอ เขาจนขึ้นใจมาเป็นสิบรอบแล้ว ระหว่างรอการมาของน้องเขาครับ

น้องฮาร์วี่ย์ 8:

        ตัวแขนล็อคมอเตอร์ยึดตัวถังไว้ด้วยน๊อต ส่วนที่มอเตอรล็อคไว้ด้วย bobbin pin (ไม่รู้ภาษาไทยเรียกว่าอะไรนะครับ) เมื่อถอดแขนล็อคออกแล้วก็ใส่น๊อตกับ bobbin pin กลับเข้าที่เดิมครับ ดูพื้นโต๊ะเขาเอากระดาษชุบน้ำมันปิดไว้เพื่อกันสนิมครับเนื่องจากผิวโต๊ะเขาจะขัดด้วยเครื่องมาอย่างเรียบที่เขาเรียกว่า Precision Ground Surface ซึ่งจะไม่ได้เคลือบอะไรนอกจากขัดมันไว้เท่านั้นเอง

       แต่ไม่ต้องห่วงครับเพราะครั้งก่อนที่ไปงาน Furnitech ที่ไบเทคบางนา ผมซื้้อสเปรย์น้ำมันเคลิอบเครื่องมือ CRC 3-36 มาแล้ว 2 กระป๋อง เพื่อเตรียมไว้เคลือบเครื่องมือต่างๆที่ทำด้วยเหล็กหล่อและไม่ได้เคลือบสีเช่นโต๊ะเลื่อยตัวนี้กับ เครื่องเลื่อยสายพาน Makita หรือพวกสิ่ว เป็นต้น เวลาที่ไม่ได้ใช้งานนานๆ

น้องฮาร์วี่ย์ 9:

        ถ่ายรูปให้ดูข้างใต้ (นิดเดียวนะ) น้องฮาร์วี่ย์เป็นโต๊ะเลื่อยแบบ Left Tilt Riving Knife Table Saw ขนาด 10" ตัวฐานเป็นระบบที่เขาเรียกกันว่า Trunnion (ลักษณะตามรูปที่ 4 เลยครับ) เขาบอกว่าเป็นระบบที่ดีที่สุดที่ใช้กันในโต๊ะเลื่อยวงเดือนแบบอเมริกันน่ะครับ  ตั้งอยู่บนตู้เหล็กแบบปิด มอเตอร์ตัวที่ผมสั่งมาจะมีขนาด 3 แรงม้า (มีรุ่นที่มีขนาดมอเตอร์ 2 แรงม้า 1Ph และ 5 แรงม้า 3Ph ให้เลือกด้วย) มอเตอร์เป็นแบบTotal Enclosed Fan Cooled (TEFC) Capacitor Start Induction Motor 230v 1Ph 50Hz ของบริษัท  LEESON  ว่ากันว่าเป็นมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามอเตอร์ทั่วๆไป เขามีแบบ3hp/ 3 Ph ด้วยซึ่งผมระวังมากในการสั่งและต้องคอยเตือนว่าให้ดูดีๆว่าไม่ได้เอารุ่น 3Ph ส่งมา เพราะกลัวเขาเสือ.. รู้ดีเอา 3Ph มาให้ผมอีก จะต้องเป็นเหตุให้ผมต้องไปขอไฟฟ้า 3Ph มาใช้ที่บ้านแน่เลย ซึ่งก็จะรวมถึงขนาดของเพลาที่ต้องเป็น 5/8 นิ้วด้วยไม่ใช่ 30 มม. เหมือนที่พยายาม เสือ....รู้ดีจะส่งเพลา 30มม.มาให้ผม เพราะไอ้ความรู้ดีเป็นห่วงว่าเราจะใช้งานไม่ได้ แต่ดันไม่ถาม เปลี่ยนเองเฉยเลย คงไม่รู้ว่าผมจะใช้กับพี่โด้แบบอเมริกัน เนื่องจากพี่โด้ที่ขายทั่วไปในอเมริกาเกือบทั้งหมดจะใช้เพลา 5/8 นิ้วเท่านั้น(จะมีก็แต่พี่โด้ขนาด 10" จะใช้เพลา 1 นิ้ว แต่ก็ไม่เป็นที่นิยม) ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องคอยควบคุมกันตลอดเวลาในการส่งของให้ได้ตามที่สั่งอีกเหมือนกัน ลุ้นแทบตายกว่าจะได้ตามสั่ง

        มอเตอร์มีขนาด 3 แรงม้า ขับเพลาด้วยสายพานตัว  V จำนวน3 เส้นเรียงกันเลย ตามที่เห็นในรูปที่ 3 ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับแรงของมอเตอร์ขนาดนี้เพื่อขับเพลาใบเลื่อยโดยเฉพาะเมื่อต้องใชักับใบเลื่อย Dado ขนาด 8 นิ้วที่สามารถซ้อนกัน(Stacked) จนสามารถตัดได้ร่องกว้างสุดถึง 29/32 นิ้วได้เลย รวมถึงใบเลื่อยแบบร่องฟันใบเลื่อยมาตรฐาน 10นิ้ว (Standard Kerf) หากกำลังต่ำกว่านี้ต้องใช้ใบ Dado ขนาด 6 นิ้วและซ้อนกันได้ไม่เกิน 1/2 นิ้ว ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจที่จะเอารุ่นมอเตอร์ขนาด 3 แรงม้าเข้ามาแทนที่จะเป็นรุ่นที่แรงม้าต่ำกว่านี้แม้ราคาจะสูงกว่าพอสมควรก็ตามเพราะต้องการนำมาใช้งานกับใบ dado ขนาด 8นิ้วนั่นเองละครับ

 น้องฮาร์วี่ย์ 10:

       แถมให้ดูอีกนิดสำหรับข้างในของน้องฮาร์วี่ย์ ดูมากๆเดี๋ยวน้องเขาอายน่ะครับ รูปร่างเพลากับลูกปืนแบบผนึกแน่น (sealed) ที่ท่าทางจะเปลี่ยนหรือทำใหม่ได้ยากมาก   หากส่งมาเป็นเพลาขนาด 30 มม.(รูปที่ 4 หรือรูปล่างด้านขวามือนะครับจะเห็นเพลาที่อยู่ในลูกปืนชนิดผนึกแน่นอยู่)

 น้องฮาร์วี่ย์ 11:

       รีบเปิด Insert plate เพื่อดูขนาดเพลาว่าเป็นเพลาขนาด 5/8 นิ้วหรือเปล่า ไม่รอช้ารีบเอาใบเลื่อยที่เขาแถมมาด้วยที่มีรูเพลา 5/8 นิ้วมาลองดูเลยเพื่อความมั่นใจ(เพราะผมจำได้ว่าตอนที่เขาจะส่งรุ่นที่มีเพลา 30 มม.มาให้เห็นรูปใบเลื่อยที่ถ่ายรูปมาให้ดูก็เป็นใบเลื่อยที่มีรูเพลา 5/8 นิ้วเหมือนกัน เลยไม่ค่อยเชื่อใจ) ส่วน Insert plates ที่ ให้มามีทั้งแบบที่ใช้กับใบเลื่อยธรรมดา กับอีกอันสำหรับใช้กับใบเลื่อย dado

      แผ่น Insert plate จะถูกล็อคด้วยสกรูหัวหกเหลี่ยม จึงต้องใช้ประแจหกเหลี่ยมที่แถมมาให้ด้วยในการขัน ข้อดีคือแผ่น Insert Plate จะไม่กระเด้งหลุดออกมาจากช่องได้ง่าย

     ผมใช้ทิชชูเช็ดคราบน้ำมันที่เคลือบอยู่บนแผ่นผิวหน้าโต๊ะจำนวนมากออกให้หมดเสียก่อน แล้วทดลองใส่ใบเลื่อยเข้าไปเพื่อทดสอบเลยโดยยังไม่ได้ถอดน๊อตกับแหวนประกับออกเพราะแค่อยากรู้ขนาดเพลาเท่านั้นเองว่าขนาดตรงกับที่สั่งหรือเปล่านะครับ

โอ๊ยๆๆๆๆๆๆ3คำ....อิจฉาง่ะ

คุณ banjo

      พูดซะ เดี๋ยวคนอื่นเขาหมั่นใส้ผมเอาน่ะครับ

คุณ i3ird

     วันนี้เพิ่งได้คุยกับน้องฮาร์วี่ย์ เป็นวันแรกตั้งแต่มาถึงหลังจากที่ผมเก็บกวาดช็อปใหม่อีกรอบ โอ้ยเสียงน้องเขานิ่ม และหวานบาดใจเลยจริงๆ นี่ขนาดยังไม่ได้ใส่พี่โด้ให้นะ อิอิ

 น้องฮาร์วี่ย์ 12:

         เปิดช่อง Insert plate ด้วยประแจหกเหลี่ยมออกมาเช็ดคราบน้ำมันเคลือบออกก่อนให้หมด ก่อนที่จะติดดั้งปีกเสริม (Extension wings) ให้กับน้องฮาร์วี่ย์ โดยเริ่มติดตั้งที่ปีกขวาก่อนด้วยน๊อต 3 ตัว ผมยกแผ่นปีกออกมาจากกล่องซึ่งหนักมากเพราะเป็นเหล็กหล่อทั้งแผ่นเลย คิดอยู่ว่าจะติดตั้งอย่างไรดีด้วยตัวเองคนเดียว เพราะจะต้องพยุงไว้ระหว่างใส่น๊อตทั้ง 3 ตัวเข้าไป

         แผ่นปีกของน้องฮาร์วี่ย์บริเวณด้านบนของโต๊ะที่ไม่ได้้เคลือบสีไว้จะเคลือบด้วยกระดาษชุบน้ำมันเหมือนกัน กะน้ำหนักจากการยกดูน่าจะสัก 40 กก. ได้ครับหนักเอาเรื่องเลยถ้าไม่มี Rolling Shop Cart ของผมมาช่วยคงจะติดตั้งคนเดียวไม่ได้แน่ๆครับ

น้องฮาร์วี่ย์ 13:

      โชคดีที่ผมเห็นว่า Rolling Shop Cart ที่ทำไว้มีความสูงต่ำกว่าพื้นด้านล่างของน้องฮาร์วี่ย์เล็กน้อย(ฮาร์วี่ย์สูง 34") ได้การละครับผมเลยเข็นมาไว้ข้างๆน้องอาร์วี่ย์ กะให้อยู่ใต้พื้นโต๊ะและใกล้ที่สุดแต่ไม่ขวางทางที่ผมจะยื่นมือเข้าไปใส่สกรูข้างใต้ ผมหากระดาษกล่องและแผ่นไม้อัดยาวสักนิดมารองใต้น้องเขา(เพื่อเอาไว้งัดเพื่อใส่สกรู) แต่อยู่บน Rolling shop cart เพื่อให้ปีกและโต๊ะมีระดับใกล้เคียงกันมากที่สุด พอที่ผมจะใส่สกรูได้นั่นเอง

       เช็ดน้ำมันที่เคลือบไว้บนปีกออกเสียก่อนเหมือนกันก่อนยกขึ้นติดตั้ง เพราะกลัวมันลื่นหล่นใส่เท้าเหมือนกัน เมื่อวางได้พอดีแล้วจึงเลื่อนเข้าประกบเพื่อใส่สกรูทั้ง 3 ตัวแล้วขันด้วยประแจหกเหลี่ยมให้พออยู่ก่อนเพราะจะต้องปรับทีหลังให้พื้นโต๊ะกับปีกเรียบเสมอกัน

น้องฮาร์วี่ย์ 14:

      เอาไม้อัดช่วยงัดนิดหน่อยเพื่อให้ได้ระดับเดียวกันพอดี ขันน๊อตด้วยประแจหกเหลี่ยมพออยู่แต่ไม่เลื่อนไปเลื่อนมา เพราะจะปรับระดับทีหลังน่ะครับ เสร็จไปปีกหนึ่งแล้วครับ

 น้องฮาร์วี่ย์ 15:

       ผมใช้วิธีการเดียวกันในการติดตั้งปีกฝั่งซ้ายครับ ซึ่งหลังจากติดตั้งฝั่งขวาได้แล้ว ฝั่งซ้ายก็สามารถติดตั้งได้เสร็จอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วทำการปรับปีกทั้ง 2 ข้างให้เรียบได้ระดับเดียวกับพื้นตัวน้องฮาร์วี่ย์เลย โรงงานเขาขัดมาดีมากเรียบสนิทจริงๆ

       คุณภาพเนี้ยบสมกับที่สามารถส่งไปขายที่อเมริกาได้ (โรงงานเขาเรียกมันว่าเป็นการทำผิวหน้าแบบ Precision Ground surface finish) หลับตาเอามือลูบแทบไม่รู้เลยว่ามีรอยต่อ นึกว่าเป็นแผ่นเดียวกัน

น้องฮาร์วี่ย์ 16: 

      ถ่ายรูปให้ดูรอบๆหลังจากที่ติดปีกให้นางฟ้าของผมแล้ว ว่าน่ารักขนาดไหน

น้องฮาร์วี่ย์ 17: 

     ผมติดตั้งรางด้านหลังและด้านหน้าด้วยวิธีเดียวกัน รางด้านหลังจะต้องอยู้ใต้ราง miter เพื่อที่เวลาสไลด์แท่งสไลด์ของmiter gauge จะได้ไม่ติดรางด้านหลังตามคู่มือบอกว่าประมาณ 1/16 นิ้ว ส่วนด้านหน้าก็ให้ได้ระดับกับตัวโต๊ะ

     หลังจากติดรางหน้า-หลัง เสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็เริ่มติดตั้งขาโต๊ะเข้ากับพื้นเสริมที่เป็นแผ่นแบกาไลท์หนา 1/2 นิ้ว โดยติดตั้งขาเข้ากับโครงที่เป็นเหล็กแล้วค่อยนำไปประกอบเข้ากับรางทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพราะขาโต๊ะจะช่วพยุงไว้ด้านหนึ่ง ส่วนผมก็ยกอีกด้านหนึ่งเพื่อใส่น๊อต แล้วปรับระดับด้วยระดับน้ำอีกครั้ง ดูโต๊ะแล้วยาวสะใจจริงๆ ทึจะทำให้สามาถตัดแผ่นไม้อัด แผ่นMDF แผ่นHardboard หรือแม้กระทั่งแผ่นเมลามีนได้ทั้งแผ่นบนโต๊ะเลย แต่พวกแผ่นหนาๆคงตัดไม่ได้เหมือนกันเพราะยกขึ้นโต๊ะม่านไหว ถ้าหนาสัก 10 หรือ 15 มม.คงพอไหวน่ะครับ

น้องฮาร์วี่ย์ 18:

        น้องฮาร์วี่ย์จริงๆแล้วมีความยาวโต๊ะ (หรือความกว้างของรั้วที่สามารถตั้งได้) ให้เลือก 2 ขนาดคือ 30 นิ้วและ 50 นิ้ว แต่ผมเลือกเอาขนาด 50 นิ้วเลยเพราะสามารถตัดไม้อัดแบบ rip cut ได้ทั้งแผ่นบนโต๊ะด้วยราคาค่าตัวไม่ต่างกันมากนัก เพราะต่างกันที่ความยาวของรางกับแผ่นพื้นโต๊ะเสริมเท่านั้น นอกนั้นเหมือนกัน

        กว่าจะติดตั้งเสร็จก็ใกล้มืดพอดีเลยครับ ผมใช้เวลาติดตั้งไปประมาณ 4-1/2 ถึง 5 ชั่วโมง สนุกมากและก็มีความสุขไปด้วยที่ได้ทำด้วยตัวเอง แต่ก็เหนื่อยสุดๆ เพราะต้องทำคนเดียวนั่นเองครับ

ถ้าผบ.มาตอนประกอบนี่ ประแจหลุดมือเลยนะครับ..

น้องฮาร์วี่ย์ 19:

       ผมเริ่มติดตั้งใบเลื่อยที่เขาแถมมาให้กับน้องฮาร์วี่ย์เข้าไป เพื่อทำการวัดองศาของใบเลื่อยโดยใช้ตัววัดองศาดิจิตอลของ Moore & Wright ที่ซื้อมาจากงานที่ไบเทค ทำให้สามารถวัดองศาของใบเลื่อยได้แม่นยำมาก

      ส่วนตัว Miter Gauge ผมใช้ของ INCRA รุ่น Miter 1000 ที่ผมซื้อมาประมาณ 1 ปีแล้วแต่ไม่ได้ใช้ เพราะเดิมตั้งใจว่าจะเอามาใช้กับโต๊ะเลื่อย Makita MLT100S น่ะครับแต่ร่อง Miter ของโต๊ะเลื่อย Makita มีขนาดไม่ได้มาตรฐานของอเมริกาที่มีขนาด 3/4"x 3/8"เลยใช้ไม่ได้ ร่อง Miter ของน้องฮาร์วี่ย์เป็นแบบ T-Slot ที่ช่วยให้การยึด Miter Gauge กับรางได้แน่นหนาขึ้น ซึ่งจะใช้กับโต๊ะเลื่อยอเมริกันรุ่นใหม่ๆกันเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องเก็บไว้และตั้งใจว่าจะหาโต๊ะเลื่อยตัวใหม่ที่ใช้ร่องมาตรฐานแล้วจึงค่อยเอามาใช้ แล้วก็ได้มาใช้กับน้องฮาร์วี่ย์แทนคราวนี้สมใจละครับ

      ผมว่า Miter Gauge ของ INCRA ค่อนข้างแม่นยำและเลื่อนได้เนี้ยบกว่า Miter Gauge ที่มากับเครื่องน่ะครับ แต่ก็ยังไม่ได้ปรับเพราะรอตืดตั้งรั้วเสริมแบบ zero insert (zero insert auxiliary fence) เพิ่มก่อนแล้วค่อยปรับทีเดียว ตอนนี้เอาแค่พอไม่ให้มันอยู่ในแนวระยะใบเลื่อยก็พอ ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำทีหลังพร้อมกับที่จะทำรั้วเสริมของรั้วตัด(Rip fence)และ outfeed table น่ะครับ

 คุณ paisal 

      โชคดีที่วันนั้น ผบ.ทบ ต้องไปค้างที่ ตจว. เลยทำได้อย่างปลอดภัยครับ เพียงแต่ว่าพยายามรีบติดตั้งให้เสร็จก่อนที่จะกลับมาในวันรุ่งขึ้นน่ะครับ แล้วเอาไว้จะเล่าบรรยากาศตอนที่ ผบ.เห็นครั้งแรกให้ฟังทีหลังนะครับ ผมน่ะลุ้นแทบแย่ และไม่อยากถูกคาดโทษเพราะยังต้องการน้องจอย (Jointer) อีกคนหนึ่งน่ะครับ เดี๋ยวรอให้ลืมๆก่อนครับ

น้องฮาร์วี่ย์ 20:

         มาดู Incra Miter 1000 ใกล้ๆเข้าไปหน่อยแล้วกันว่าหน้าตาเป็นอย่างไร จากการศึกษาก่อนซื้อได้ข้อมูลว่า เป็น Miter Gauge ที่ผลิตมาจากแผ่นเหล็กไร้สนิมแล้วตัดด้วยเครื่องตัดเลเซอร์ ทำให้มันค่อนข้างเที่ยงตรงและแม่นยำมาก สามารถปรับองศาได้ 41 ระดับ ปรับได้ทีละ 5 องศา มีตัวปรับละเอีด 1/2 องศาอีกด้วย และมีรั้วยาว 18 นิ้วพร้อมตัวชนเพื่อปรับความยาวปรับขนาดได้ นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งรั้วเพื่มเข้าไปได้อีกเพื่อทำเป็นรั้วฉากแบบ zero clearance ได้อีกด้วย

        ส่วนใบเลื่อยผมก็ลองเอาตัวฉากผสม (Combination Square) ของ Johnson Levels มาลองวัดเทียบดูกับตัววัดองศาดิจิตอลก่อน เพื่อดูว่ามันฉากจริงหรือเปล่า เพราะจะต้องใช้มันในการวัดและปรับรั้วตัดและใบเลื่อยให้ขนานกันกับร่อง Miter จริงๆ ปรากฏว่าตรงดีครับไม่มีเพี้ยน เป็นอันว่าเอาไปใช้ได้ก่อนครับ แต่เดี๋ยวตอนปรับครั้งสุดท้ายผมจะเอาตัวฉากที่เป็น ฉากวิศวกรรม มาลองวัดดูให้แน่ใจอีกครั้งด้วยครับ

       ที่จริงแล้วตัววัดองศาดิจิตอลนี้ผมว่ามันมีประโยชน์มากนะครับเพราะสามารถเอาไปติดกับใบกบหรือสิ่วเพื่อวัดองศาในการลับใบกบและสิ่วได้ย่างแม่นยำโดยใช้ร่วมกับตัวลับใบกบหรือสิ่ว (Honing Guide)  ผมซื้อในประเทศในงานที่ใบเทค ราคาประมาณ 2K ครับ

        เมื่อฉากผสมแม่นยำดีแล้ว ผมก็สามารถเริ่มขั้นตอนการปรับโต๊ะเลื่อยทั้งหมดให้ขนานและตั้งฉากกันด้วยฉากผสมอันนี้ไปก่อน เพราะยังไม่ได้ซื้อ Dial Gauge มาวัด ซึ่งจะมีความละเอียดระดับ 1/10 หรือ 1/100 มม. ได้เลย เนื่องจากกำลังดูรุ่นอยู่ก่อนตัดสินใจน่ะครับ เมื่อได้มาแล้วค่อยปรับละเอียดอีกทีในภายหลัง ตอนนี้เอาแบบคร่าวๆให้สามารถใช้งานได้ก่อนครับ

        ส่วน Miter Gauge ที่มากับน้องฮาร์วี่ย์จะทำจากเหล็กหล่อ เอาไว้ผมจะถ่ายรูปมาให้ได้ดูกันในภายหลังนะครับ

 เปิดโรงงานไปเลยครับ  แล้วอย่าลืมรับผมเป็นลูกน้องด้วย 555...

 คุณถ้ำมอง

        คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่ทำไปเพราะใจรักนางฟ้าน้อยๆ ฮาร์วี่ย์ของผมเท่านั้นเองครับ แต่เอ..ยังไงผมก็ไม่รับเป็นลูกน้องแน่ๆ เพราชื่อมันฟ้องอยู่แล้วว่าเป็นพวกชอบถ้ำมอง เดี๋ยวมาถ้ำมองน้องฮาร์วี่ย์ของผมอ่ะ 555

 ผมเดาว่าน่าจะเป็นตัวแรกในไทย สุดยอดจริง ๆ ครับ ผมเคยเข้าไปดูในโรงงานผลิดเฟอร์นิเจอร์ ประเภท โต๊ะ ตู้ เตียง แถว ๆ บ้านผม ยังไม่เห็นมีใช้เครื่องอย่างนี้เลย  ว่าง ๆ จะขอมาชมเป็นขวัญตาคงไม่ว่านะครับ

ฮาร์วี่ย์ ฮาร์วี่ย์ ฮาร์วี่ย์

เป็นรีวิวที่ยอดเยี่ยม ละเอียดชัดเจนยิ่งนัก

สรุปค่าเสียหายเท่าไหร่ครับ

ครับ ๆ พี่ M  เพราะน้อง  ฮาร์วี่ย์    นี้ เป็นอะไรที่น่าค้นหาจริงๆ

ผมว่านะ...ยังไงพี่ เอ็ม ก็ไม่รอดหรอก  ถ้า ผบ. ท่านมาพบเข้า ยังไงก็ต้องโดนสอบสวนครับ

ผมว่า ผบ. คุณM น่าจะชอบนะครับ เพราะ ทุกคนใน เวปฯ อิจฉา คุณ M ที่ได้น้อง ฮาวี่ย์มาเชยชม   ผมเคยมีประสบการณ์ ครับ ตอนที่กบไฟฟ้า ผบ. ผมบอก เอาไปนอนกอดเลยไหม ( ประชด จังเลย )

คุณสมชาย

        ที่เคยเห็นมีก็ UNIONONE ที่ใกล้เคียงแต่เป็นเพลา 30มม. และใส่พี่โด้ไม่ได้ครับ เดี๋ยวรอให้ช็อปเสร็จก่อนแล้วกันครับจะได้เห็นที่ผมทำไว้ทั้งหมด

คุณ pakae

      ตกลงเป็นกองเชียร์หรือครับ

คุณbanjo

      อย่าเรียกว่ารีวิวเลยครับ แค่แนะนำการติดตั้งเอง ส่วนค่าตัวพอๆกับน้องจอย(Jointer) JET JPT-310 ที่ยังไม่กล้าเอาเข้ามาที่ช็อปผมน่ะครับ เอาไว้ช็อปเสร็จก่อนเป็นไงเป็นกันครับ

คุณถ้ำมอง

     โดนสอบน่ะโดนไปแล้วครับ แต่ผมยิ้มๆอย่างเดียวไม่ตอบอะไรเลย เปลี่ยนเรื่องคุย แฮ่ๆๆ กลัวหลุดอ่ะ

คุณnit

    ผมว่าแกไม่ชอบน้องฮาร์วี่ย์แน่ครับแพราะเห็นตาขวางๆเวลาผมมาง่วนอยู่กับน้องเขาน่ะ แต่ลดดีกรีได้ด้วยเจ้าหมาน้อยที่ผมเอามาชดเชยให้น่ะครับ เท่ากับผมต้องจ่ายค่าตัวน้องฮาร์วี่ย์เกือบ 2 เท่าเลยคราวนี้ แต่ก็ต้องยอม

 น้องฮาร์วี่ย์ 21:

          เริ่มการปรับแต่งใบเลื่อยให้ขนานกับ Miter slot ด้วยฉากผสมทั้งด้านหน้า และด้นหลังใบเลื่อยซึ่งจะวัดได้ไม่ระเอียดมากนักไม่เหมือนวัดด้วย dial gauge แต่ก็พอใช้ได้ครับ ผลปรากฏว่าตรงดีครับที่เขาปรับมาจากโรงงานไม่มีเคลื่อน

          จากนั้นก็ปรับรั้วให้ขนานกับใบเลื่อยและ Miter slot ดูความตั้งฉากของรั้วกับพื้นโต๊ะ มีการปรับนิดหน่อยเนื่องจากจะขึ้นอยู่กับเราเวลาติดตั้งคานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้วยการปรับสกรูที่ทำด้วยพลาสติค HDPE ที่ตัว T-Square ของรั้วจำนวน 4 ตัว เมื่อปรับได้แล้วก็ล็อคไว้ด้วยบุ๊ชทองเหลือง

น้องฮาร์วี่ย์ 22:

        ปรับรั้วตัดให้ตั้งได้ฉากกับพื้นโต๊ะเสร็จแล้ว ก็มาปรับ Miter Gauge ต่อโดยทำการปรับ Miter Bar ให้แนบแน่นกับร่อง Miter Slot ได้พอดีเมื่อขยับแล้วไม่หลวมด้วยการปรับที่แหวน HDPE ทั้ง 2 อันที่ด้านบนของ Miter bar

น้องฮาร์วี่ย์ 23:

       ปรับเสร็จแล้วถ่ายรูปไว้ให้ดูหลายๆมุมครับ แถมห้อยประแจกับตัวดันไม้ไว้ซะก่อนกันหาไม่เจอหรือหาย และก็เพื่อฝึกให้เกิดความเคยชินที่จะต้องทำทุกครั้งที่เอาออกมาใช้ครับ

น้องฮาร์วี่ย์ 24:

        ดูรูปร่างของน้องฮาร์วี่ย์อีกชุด ที่เห็นเป็นพื้นดำๆคือพื้นต่อของโต๊ะที่ทำด้วยแบคาไลท์หนา 1/2 นิ้วเพื่อพยุงแผ่นไม้ที่เราต้องการตัดได้กว้างถึง 50 นิ้วอย่างสะใจเลยละครับ เพราะโต๊ะ Makita MLT100S ของผมเดิมจะตัดได้ไม่เกิน 22-1/2 นิ้วเท่านั้นทำให้มีปัญหาพอควรหากจะตัดทำงานอะไรที่กว้างเกินกว่านี้ต้องเอามาตัดด้วยเลื่อยวงเดือนมือถือที่พื้นแทน

น้องฮาร์วี่ย์ 25: 

       รูปแรกเป็นรูปคานด้านหน้าของน้องฮาร์วี่ย์  ผมติดตั้ง Magnetic switch ที่ด้านซ้ายมือบริเวณใต้โต๊ะด้านหน้า ส่วนรูปสุดท้ายเป็นพวงมาลัยสำหรับหมุนใบเลื่อยขึ้นลง และหมุนเอียงใบมีดด้านซ้าย

       เนื่องจากโต๊ะเลื่อยนี้เป็นแบบ Lift Tilt Riving Knife Table Saw จึงเอียงได้เฉพาะด้านซ้าย ส่วนอีกแบบเป็นชนิด Right Tilt ซึ่งจะเอียงด้านขวา ซึ่งก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้ง  2 แบบ

น้องฮาร์วี่ย์ 26: 

      มุดเข้าไปดูใต้น้องฮาร์วี่ย์ใกล้ๆหน่อยจะเห็นพวงมาลัยขนาดใหญ่  2 วงขนาดประมาณ 10 นิ้วทำด้วยเหล็กหล่อชุบโครเมื่ยมซะเงาวับเลย ตรงกลางของพวงมาลัยจะมีปุ่มสำหรับหมุนเพื่อล็อคเมื่อได้ระดับที่ต้องการแล้ว หรือคลายออกเมื่อต้องการหมุนพวงมาลัยอีกครังเพื่อปรับขึ้นลง หรือให้ตั้งฉากหรือเอียงได้

     ใต้พวงมาลัยหมุนด้านหน้าจะเป็นสเกลของมุมที่เราจะปรับองศาของใบเลื่อยด้วยพวงมาลัยด้านข้างตู้

     ส่วนด้านล่างใต้พวงมาลัยปรับมุมใบเลื่อย จะมีข้อต่อท่อลมเข้ากับเครื่องดูดฝุ่นหรือเก็บฝุ่นขนาด 4 นิ้ว และสามารถเปิดออกเพื่อทำความสะอาดฝุ่นที่อาจตกค้างอยู้ข้างในเครื่องได้ด้วยลูกบิดที่อยู่เหนือข้อต่อท่อลม

น้องฮาร์วี่ย์ 27:

        รูปคานด้านหน้าที่เป็นเหล็กกล่องวางอยู่บนเหล็กฉาก เพื่อเอาไว้วางรั้วตัดขนาด 48 นิ้ว บริเวณผิวด้านหน้าและหลังของรางที่เป็นเหล็กกล่องจะเป็นส่วนที่ไม่ได้พ่นสีเคลือบแต่ขัดมันไว้แทน เพื่อใช้ในการยึดรั้วตัว โดยที่เมื่อเรากดคันโยกรั้วตัดลงเพื่อล็อค จะมีแผ่นประกับเข้าไปบีบรั้วตัดไว้กับราง เพื่อไม่ให้รั้วตัดเคลื่อนที่ได้นั่นเอง

น้องฮาร์วี่ย์ 28:

        ทดลองเลื่อนรั้วตัดไปมาตลอดทั้งโต๊ะเพื่อดูว่าเลื่อนได้คล่องตัวดีหรือเปล่า  ส่วนรั้วตัดสามารล็อกตำแหน่งได้ด้วยคันโยก ตามรูปเป็นตำแหน่งที่ล็อคอยู่โดยเราสามารถดูระยะได้จากช่องสเกลที่อยู่ที่ด้านขวาของรั้วตัดบริเวณพื้นราง ส่วนคันโยกนั้นเมื่อเราปลดล็อคขึ้นจนสุดจะมีแม่เหล็กเพื่อยึดคันโยกไว้ไม่ให้ตกลงมาล็อกได้

       ส่วนแถบสเกลที่จะอยู่บนพื้นรางด้านบนใต้ช่องมองสเกล ผมยังไม่ได้ใส่เพราะเนื่องจากยังไม่ได้ปรับนะครับ แล้วก็แถมรูปป้ายชื่อของน้องเขาชัดๆอีกที

น้องฮาร์วี่ย์ 29:

      ถึงเวลาที่จะจับเครื่องป้องกันใบเลื่อย (Blade Guard) ใส่เข้าที่เพื่อตรวจสอบดูว่าใส่ได้ยากมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเท่าที่ลองดูก็ใส่ไม่ยากเพราะเขาทำที่ล็อคและปลดล็อคไว้ค่อนข้างดีและง่ายต่อการใส่เข้าหรือถอดออกด้วยมือเดียว โดยทำเป็นร่องให้พอดีมือสอดเข้าไปจับได้ง่าย ซึ่งเมื่อใส่เข้าล็อคแล้วต้องปลดที่ปุ่มล็อคก่อนถึงจะเอาออกได้ ทำให้เครื่องป้องกันใบเลื่อยจะไม่มีโอกาสหลุดออกมาได้ เอาไว้จะถ่ายรูปตัวล็อคมาให้ดูในภายหลังนะครับ ระบบความปลอดภัยของเขาเป็นไปตามมาตรฐาน UL 987

      ในด้านความปลอดภัยต่างๆของเครื่องเขาสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานของแคนาดาและอเมริกันคือ CSA และ UL เพราะตลาดหลักเขาอยู่ที่โน่นครับ เขาเป็นโรงงานที่ผลิตให้กับหลายๆยี่ห้อที่ขายในอเมริกาหลักๆก็ LAGUNA และ GRIZZLY ครับ ส่วนรุ่นที่ขายในยุโรปจะได้มาตรฐาน CE เขาคุยว่าเขาเป็นรุ่นที่ขายดีมาก มีลูกค้าอยู่ทั่วโลกที่เป็นผู้ใช้งานมากกว่า 25,000 คนเลย

น้องฮาร์วี่ย์ 30:

          ต่อสายไฟของเครื่องเข้ากับปลั๊กไฟชนิด 3 สายด้วยปลั้๊กอเมริกันอย่างดีของ Cooper เพื่อให้สามารถรับกระแสไฟที่ค่อนข้างสูงสำหรับมอเตอร์ขนาด 3 แรงม้าได้เป็นอย่างดี และทดลองต่อท่อเครื่องดักเก็บฝุ่นเข้ากับน้องฮาร์วี่ย์ เพื่อทดสอบดูก่อน

ลองตัดโชว์ผ่านยูทูปสิครับ น่าจะสุดยอดเจ้าเครื่องตัวนี้นี่ครับ

คุณ sornid

      ใน youtube มีที่โรงงานเขาทำเป็นวิดีโอไว้แล้วตาม คห.ที่ 264 ครับ มีทั้ง Harvey เอง  ของ Craftex CX201, Grizzly G0691, Laguna MTS0200-0180, Oliver 4012 และ Shop Fox W1820 ที่เป็นสเป็คเดียวกันและผลิตมาจากโรงงานฮาร์วี่ย์ทั้งหมดเลยครับ

      หากมีเวลาจะลองทำดูนะครับ ตอนนี้ดูรูปนิ่ง กับวิดีโอที่โรงงานเขาสาธิตให้ดูก่อนแล้วกันครับ

 ติดตามไปเรื่อยๆครับ สนุกขึ้นเรื่อยๆเลย

ขอบคุณที่นำมาให้เรียนรู้ครับ

 อ่านสนุก ได้ความรู้ น่าติดตาม และยินดีกับสุดยอดโต๊ะเลื่อยตัวใหม่ด้วยครับ อาาาาา. อยากได้มั่งจัง...

ขอถามหน่อยครับ ที่รั้ว มีล้อหรือลูกปืน เพื่อให้เลื่อนซ้ายขวาได้สะดวกหรือเปล่าครับ ถ้ามี รบกวนขอดูภาพ รายละเอียดหน่อยได้มั้ยครับ ขอบคุณครับ

คุณวรายุทธ

ยินดีครับ

คุณเสะ

        จับหงายท้องให้ดูตามคำขอเลย ที่รั้วไม่ได้ใช้ล้อหรือลูกปืนครับ แต่จะใช้ที่เขาเรียกว่า Glide Pad 2จุด กับ Set Screw 4จุดที่รางด้านหน้า กับSet screw อีก1 จุดที่รางด้านหลัง ทั้งหมดทำจากพลาสติควิศวกรรม HDPE ที่มีความลื่นสูงและผมลองดูแล้วลื่นมากครับ และตัวล็อครั้วก็ล็อคได้แน่นมากครับเพราะเป็นรั้วแบบ bisemeyer T-Square

        ในอนาคตหากมันสึกและต้องการอะไหล่มาแทนก็สามารถสั่งจาก Grizzly หรือ Laguna Tools ก็ได้ครับเพราะใช้ parts เดียวกันหมด

น้องฮาร์วี่ย์ 31: 

         กลับมาทำต่อแล้วครับ เนื่องจากไม่ว่างไปซะหลายวัน งานสังคมเยอะน่ะครับสัปดาห์นี้อีกงาน

        เอาภาพที่ค้างไว้ตั้งแต่คราวก่อนมาให้ดูเพิ่มเติม เป็นภาพตัวป้องกันใบเลื่อยที่สามารถใส่เข้าหรือถอดออกได้ง่ายๆและล็อคด้วยตัวที่เรียกว่า Knurled Knob ซึ่งแน่นหนาดีมากครับ

น้องฮาร์วี่ย์ 32:

            น้องฮาร์วี่ย์สามารถเปลี่ยนชุดป้องกันได้ 2 ชุดคือตัวป้องกันใบเลื่อย (Blade Guard) กับตัวกันไม้ตีกลับ (Riving Knife หรือ Splitter) ได้ง่ายๆด้วยวิธีการเดียวกัน เลือกใช้ได้ตามลักษณะงานที่ต้องการใช้

น้องฮาร์วี่ย์ 33:

            ติดตั้งแถบสเกลวัดบนรางด้านหน้าและปรับสเกลให้ได้ระยะที่ถูกต้อง(ระยะห่างจากฟันใบเลื่อย) และภาพแสดงคันโยกล็อครั้วตัดที่มีแม่เหล็กติดอยู่ที่คันโยกเพื่อล็อคไม่ให้คันโยกตกลงมาขณะที่เลื่อนรั้วไปมาเมื่ออยู่ในสถานะที่ปลดล็อค

 น้องฮาร์วี่ย์ 34:

          ติดตั้งสเกลของโต๊ะและปรับแต่งเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่จะติดตั้งตัววัดแบบดิจิตอล มันจะช่วยให้อ่านค่าได้แบบตัวเลขอย่างแม่นยำและง่าย เหมาะสำหรับสายตาอย่างผมที่ใกล้เป็น สว. แล้ว โดยเฉพาะน่ะครับ ตัววัดเป็นของ WIXLEY รุ่น WR700 Saw Fence Digital Readout ชุดนี้เป็นตัววัดที่ผมสั่งมาต่างหากจากอเมริกา เพื่อนำมาติดตั้งกับน้องฮาร์วี่ย์โดยเฉพาะเลยครับค่าตัวประมาณ $100

          ที่เห็นแถบเขียวๆเป็นสเกลอิเล็คทรอนิคส์ ที่จะติดตั้งบนรางอลูมิเนี่ยม 2 อันที่เห็นอยู่อีกรูปด้านล่างครับ ขออ่านตำราหน่อยครับกันพลาด เพราะดูแล้วอาจต้องเจาะรูใต้ราง 2 รูเพิ่มเติมเพื่อติดตั้ง ขา 2 ขาที่จะรองรับราง แต่อีก 2 ขาไม่ต้องเจาะเพราะสามารถใส่ร่วมกับน๊อตที่ยึดรางเหลี่ยมกับรางฉากได้ เดี๋ยวลองหาวิธีอื่นดูก่อนนะครับ

น้องฮาร์วี่ย์ 35:

        ในที่สุดผมก็ตัดสินใจที่จะขอเจาะน้องฮาร์วี่ย์แค่  2รูเท่านั้น เพราะมิฉนั้นจะต้องไปจ้างเขาพับเหล็กรองรับรางของเครื่องวัดดิจิตอลใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกเท่าไรน่ะครับ เลยตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน(กว่าจะยอมให้เจาะได้ก็คิดอยู่นานเหมือนกัน)

        ผมทดลองติดตั้งขาไป 2 ข้างก่อน เนื่องจากสามารถใช้รูน๊อตเดิมที่โรงงานเจาะยึดรางกับเหล็กฉากที่ทำหน้าที่รองรับรางไว้ได้  แต่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าตำแหน่งของรูที่จะเจาะตรงเป๊ะ และจะได้ไม่ต้องเจาะหลายรูจะทำให้น้องช้ำหมด เมื่อผมลองติดตั้งรางอลูมิเนียมของตัววัดดิจิตอลจนได้ตำแหน่งที่ถูกต้องแล้วผมจึงทำเครื่องหมายของรูที่จะเจาะ 2 รูใต้รางด้านหน้า

        ก่อนเจาะจริงผมลองเจาะเหล็กหนาประมาณ 3มม. เพื่อทดลองก่อนก็สามารถเจาะผ่านและลองต๊าปเกลียวไปด้วยก็ผ่านไปด้วยดีโดยใช้ดอกสว่านที่ Wixey ให้มา เพื่อให้สามารถติดตั้งได้โดยไม่ผิดขนาด แต่หลังจากที่เริ่มเจาะน้องฮาร์วี่จริงๆ ผมคิดว่าเจองานหินเข้าอีกแล้วเพราะกลับพบว่าดอกสว่านแทบไม่ระคายเหล็กที่ทำรางและคานด้านหน้าเลย (แต่ละชิ้นหนา 5.7มม.) และผมจะต้องเจาะให้ทะลุทั้ง 2 ชิ้น

       เป็นไงเป็นกันละ จัดแจงใส่แว่นตานิรภัยเสียก่อนเจาะเพื่อความไม่ประมาท (เพราะต้องแหงนหน้าเจาะข้างใต้ด้วย) เมื่อเริ่มเจาะผมเอาเหล็กนำไปตอกเพื่อให้เป็นรอยที่จะเจาะดอกสว่านจะได้ไม่ดิ้น แต่ปรากฏว่าแทบไม่ระคายผิวเลยจะเป็นรอยก็แค่ความหนาของสีที่เขาพ่นไว้เท่านั้น จากนั้นผมจึงเริ่มเจาะ ผมใช้แรงเพื่อกดไปเยอะเหมือนกันแต่กินเหล็กเป็นรอยบุ๋มไปนิดเดียวเอง จนเริ่มหวั่นใจแล้วว่าท่าทางจะเจาะไม่เข้าแน่เลยและปลายสว่านเริ่มจะไหม้ เพราะไม่แน่ใจว่าเหล็กมันแข็งหรือดอกสว่านมันทื่อ แต่ก็เป็นดอกใหม่ที่ยังไม่เคยใช้ เพราะมันมากับชุดเครื่องวัดนั่นเอง

       ผมคิดอยู่ว่าถ้าดอกสว่านที่แข็งๆน่าจะเป็นดอกที่ชุบแข็งด้วยไททาเนียม จึงไปดูดอกสว่านชุบไททาเนี่ยมที่ผมมีอยู่เป็นของ IRWIN แต่ดูแล้วว่าขนาดที่มีอยู่จะมีขนาดเล็กกว่า คือจะเป็นดอก 5 มม.(ดอกที่ WIXEY ให้มาขนาด 5.5 มม.) ผมจึงเอามาลองดูปรากฏว่าเจาะเข้าดีมากเลย และเศษเหล็กที่ดอกสว่านคายออกมาเป็นเกลียวๆ หล่นใส่มือและแขนของผม ค่อนข้างร้อนจนรู้สึกได้ต้องรีบสะบัดออกเลยละครับ

       แต่เนื่องจากผมไม่มีดอกชุบไททาเนียมขนาด 5.5 มม มีแต่ขนาด 5 มม. แล้วข้ามไป 6 มม.เลย ทำให้ผมต้องเอาดอกที่ Wixeyให้มา มาเจาะในขั้นสุดท้ายอีกครังหลังจากเจาะด้วยขนาด 5 มม.ไปแล้ว ผลปรากฏว่าปลายดอกสว่านไหม้จนควันโขมงแทบจะละลาย จนผมต้องหยุดเป็นพักๆ เพื่อหยดน้ำมันช่วยระบาบความร้อนให้ดอกสว่านน่ะครับ ผมนึกเพียงว่าขอให้เจาะเสร็จทั้ง 2 รูเป็นพอ เสร็จภาระกิจแล้วก็โยนดอกสว่านทิ้งไปเลยละครับ

        ในที่สุดผมก็สามารถเจาะได้จนครบ 2 รู และผลลัพธ์ของดอกสว่านหรือครับ เยินไปตามรูปหมดสภาพความคมเลย เมื่อเจาะเสร็จผมก็เอาต๊าป ขนาด M6 มาทำการต๊าปเกลียว (ผมซื้อชุดต๊าปและดายของ Top Man ชุดนี้มาปีกว่าแล้วยังไม่เคยใช้เลย เพิ่งจะได้มาใช้งานนี้เอง ผมว่าคมใช้ได้) โดยผมหยอดน้ำมันที่ปลายต๊าปช่วยระหว่างที่ทำการต๊าปเกลียวที่น้องฮาร์วี่ย์ เพราะผมห่วงว่าดอกต๊าปจะหักคาโต๊ะเอา ซึ่งจะทำให้ผมเจองานช้างเลยละ

        ระหว่างที่ต๊าปเกลียว ผมก็ค่อยๆเดินหน้าทีละน้อยๆ แล้วถอยหลังเป็นช่วงๆ เพื่อคายเศษเหล็กออก และหยอดน้ำมันหล่อลื่นช่วยเป็นระยะๆ เสียงระหว่างที่ต๊าปเกลียวฟังแล้วก็กลัวมันหักจริงๆ นี่ถ้าไม่ใช่ดอกต๊าปเกลียวของญี่ปุ่นผมว่าดอกอาจจะหักคารูไปแล้วก็ได้ เพราะระหว่างต๊าปมันดังเอี๊ยดๆเลย

        และแล้วในที่สุดผมก็สามารถต๊าปเกลียวจนเสร็จทั้ง 2 รูจนได้ โดยดอกต๊าปไม่หักเสียก่อน จากนั้นผมจึงเริ่มขั้นตอนติดตั้งขารับรางที่เหลืออีก 2 ขาเข้าที่ และทำการต่อรางด้วยชุดต่อที่ Wixey ให้มาด้วย โดยผมใช้ความยาวของทั้ง 2 รางเลยเพื่อให้สามารถวัดรั้วตัดได้จนถึง 50 นิ้วเลย

น้องฮาร์วี่ย์ 36:

          เมื่อติดตั้งรางเสร็จเรียบร้อยก็เสียเวลาปรับแต่งรอยต่อของรางด้วยตะไบเล็กๆ (พอดีผมมีตะไบเพชรอยู่) และปรับรางเครื่องวัด(รางอลูมิเนียม) ให้ขนานกับรางของน้องฮาร์วี่หน่อย ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้มันเนี้ยบเท่าที่จะทำได้ เมื่อเวลาเลื่อนรั้วตัดมันจะได้ไม่สะดุด หรือจะได้ไม่ทำให้ตัวอ่านเลื่อนไปเลื่อนมาน่ะครับ ปรากฏว่าการเจาะรูเพียง 2 รูกับการต๊าปเกลียว ผมใช้เวลาไปชั่วโมงเศษๆ ส่วนการติดตั้งและปรับแต่งรางใช้เวลาไปอีกพอๆกัน

          เมื่อปรับได้ที่แล้วจึงทดสอบเอาตัวอ่านใส่เข้าไปที่รางแล้วลองขยับรั้วดูว่าลื่นดีหรือไม่ ผมทำการปรับอีกเล็กน้อยเมื่อเข้าที่ดีแล้วจึงทำความสะอาดรางอลูมิเนียมก่อนติดตั้งแถบเซนเซอร์(แถบสีเขียวในรูป) เพราะแถบเซ็นเซอร์จะติดกับรางด้วยเทบกาวที่ติดอยู่หลังเซ็นเซอร์มาจากโรงงาน หลังจากทำการปรับระยะทุกอย่างได้ตามคู่มือแล้วเป็นอันเสร็จในส่วนของรางที่ใช้เวลาไปประมาณ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว

น้องฮาร์วี่ย์ 37:

         หลังจากติดแถบเซ็นเซอร์เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะสไลด์ตัวเซ็นเซอร์เข้าไปในรางเพื่อให้ตัวอ่านสัมผัสกับเซ็นเซอร์ ทาง Wixey ก็ให้แถบพลาสตีคที่ทำไว้พิเศษเพื่อช่วยในการใส่ตัวอ่านเข้าไปในรางเมื่อมีแถบเซ็นเซอร์อยู่ในรางแล้ว เนื่องจากมันจะคับหน่อยเพราะเขาต้องการให้มันสัมผัสกันสนิทจะได้อ่านค่าได้อย่างแม่นยำ

        เมื่อสไลด์ตัวอ่านเข้าไปแล้วก็เริ่มทำการปรับแต่งให้โดยการรีเซ็ตค่าให้เป็นศูนย์ในตำแหน่งที่รั้วตัดสัมผัสกับส่วนปลายของใบเลื่อยพอดี จากนั้นก็ลองเลื่อนรั้วตัดดู ผลที่ได้ก็เยี่ยมครับวัดได้ละเอียดดีมากและสามารถแสดงผลได้ทั้งหน่วยเป็น มม. และ นิ้วเลย รวมถึงการแสดงแบบเศษส่วนของนิ้ว (fraction)ด้วย การวัดขนาดสามารถวัดได้ทั้งแบบ Absolute และ Increment เลยซึ่งจะเพิ่มความสะดวกในการใช้งานขึ้นไปอีก แล้วก็ทำให้น้องฮาร์วี่ย์ดูไฮโซขึ้นมาอีกนิดครับ เห็นด้วยไหมครับ

        เสร็จไปอีกอย่างครับ และก็ครบหนึ่งสัปดาห์พอดีตั้งแต่น้องฮาร์วี่ย์เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ในอ้อมกอดของผม เหลืออีกนิดเดียวก็จะได้เดินเครื่องทดสอบ (ที่จริงได้ลองสตาร์ทเครื่องเพื่อฟังเสียงหลังจากตรวจดูความเรียบร้อยเมื่อติดปลั๊กไฟเสร็จมารอบหนึ่งแล้ว) และลองตัดไม้จริงๆทั้งด้วยใบธรรมดา และใบพี่โด้กันแล้วละครับ แต่คงจะต้องทำตัวช่วยก่อน เพื่อที่จะทำให้น้องเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ Sacrificial Rip fence, Zero clearance miter gauge auxiliary fence, Outfeed table และ Zero clearance Insert plate ก่อนที่จะใช้งานจริงเพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นก่อนอื่นใด ส่วน Crosscut sled เดี๋ยวผมเอาที่ทำไว้ใช้กับ โต๊ะเลื่อย Makita มาเปลี่ยน Miter bar แล้วเอามาใช้แทนชั่วคราวก่อน ตัวใหม่เดี๋ยวค่อยเอาไว้ทำใหม่ทีหลัง

        จากนี้ไปน้องฮาร์วี่ย์ก็คงจะมาแทนที่ Makita MLT100S ของผมแล้วละครับให้น้องมากิไปเป็นผู้ช่วยหรือไม่ถ้าไม่มีที่ว่างจริงๆอาจต้องหาผู้มารับไปอุปการะแทนละครับเอาไว้ดูพื้นที่ก่อน

        จะได้ทำช็อปในฝันของผมต่อไปให้เสร็จให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ครับ เพื่อเอาไว้รับน้องจอย (Jointer) อีกคนเมื่อช็อปเสร็จแล้วนะครับ

ใหญ่โตน่ะเกรงขามมาก

ไม่น้องแล้วร่ะ

พอจะบอกได้มัยว่า

รวมหมดแล้วราคาเท่าไร

ไม่รวมน้องหมาน่ะครับ

 ขอบคุณสำหรับข้อมูล รั้วครับ

หลังจากทุกอย่างติดตั้งเรียบร้อย น่าจะมี sliding table ด้วยนะครับ ขอส่ง Exaktor sliding table เข้าประกวดครับ. 

น้องฮาร์วี่ย์ 38:

       เอารูป Miter Gauge ที่มากับเครื่อง มาเทียบกับ INCRA Miter 1000 ให้ดูครับ เจ้าMiter Gauge และ Miter bar ที่ติดมากับเครื่องทำด้วยเหล็กหล่อ ที่ miter bar จะมีแถบเหล็กเล็กๆ 2 อันที่ด้านข้างเพื่อใช้ในการปรับให้พอดีกับ Miter slot ซึ่งก็พอใช้งานได้ครับ

       มาดู Miter Gauge ของ Incra กันครับที่ miter gauge และ Miter bar จะเป็นเหล็กกันสนิมตัดออกมาด้วยเลเซอร์ ที่ miter bar จะมีตัวปรับเป็นวงแหวนทำด้วยพลาสติควิศวกรรม UHMW ที่ด้านบน จึงทำให้ของ Miter Gauge ของ Incra สไลด์ได้ลื่นกว่าแบบรู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

      ส่วน Miter Gauge ที่มากับเครื่องผมคงจะเอาไว้ไปใช้กับโต๊ะเร้าเตอร์ที่จะทำขึ้นใหม่น่ะครับ

น้องฮาร์วี่ย์ 39:

             ผมเพิ่งจะหา Precision Square หรือ Engineering Square ของ Incra เจอ (ซื้อมาแล้วเอาไปเก็บไว้ที่ไหนก็จำไม่ได้ ใกล้วัย สว. แล้วก็เลยมีอาการแบบนี้ละครับ ใครยังไม่เข้าใกล้วัย สว. จะยังไม่ทราบละครับว่ามันเป็นอย่างนี้จริงๆ) จึงเอามาวัดดูอีกครั้งเพื่อดูว่าที่ได้ปรับไปแล้วได้ฉาก หรือขนานกันดีหรือไม่ระหว่าใบเลื่อย Miter slot  รั้วตัด (Rip Fence) และ Miter Gauge

คุณ Pakae

เรือโดยสารยังเรียก she เลย น้องฮาร์วี่ย์คงพอไหวน่ะครับ ค่าย้ายทีมมาเข้าสังกัดผมประมาณ หย่อน 70K หน่อยๆ พอๆกับน้องจอย JET JPT-310

คุณเสะ

ยินดีครับ และขอบคุณที่แนะนำโต๊ะสไลด์ครับ ช่วงนี้คงต้องสงบๆก่อน ซื้ออะไรที่เห็นจะๆไม่ได้แล้วครับ เพราะยังต้องรอจังหวะที่จะเอาน้องจอย(Jointer) เข้าช็อปผมให้ได้ก่อนเมื่อช็อปเสร็จประมาณว่าต้นปีหน้าละครับ

EPISODE 3:

น้องฮาร์วี่ย์ 40: Sacrificial Fence

       ก่อนอื่นผมต้องทำตัวช่วยสำหรับน้องฮาร์วี่ก่อนที่จะเริ่มใช้งานจริงดังนี้ครับ

        1. Sacrificial rip fence

        2. Zero clearance miter gauge auxiliary fence

        3. Outfeed Table (โต๊ะรับไม้)

        4. Zero clearance Insert plate

       อันดับแรก เริ่มทำ Sacrificial Rip Fence หรือเรียกสั้นๆว่า Sacrificial Fence ก่อนเลยครับเพื่อใช้เป็นตัวช่วยในการทำ ร่อง(dado) และบังใบ (Rabbet) ด้วยใบเลื่อย dado ครับ ผมจะใช้แผ่น MDF ขนาด 20 มม. ในการทำ ซึ่งผมตัดแผ่น MDF เพื่อทำ Sacrificial Fence พร้อมกับ Outfeed Table และ Zero clearance miter gauge auxiliary fence ไปเลยในครั้งเดียว เนื่องจากใช้แผ่น MDF ขนาดเดียวกัน ส่วน Zero clearance Insert Plate จะใช้ขนาด 15 มมฺ

        ผมทำ Sacrificial Fence แบบที่ใช้ยึดกับ รั้วตัด (Rip Fence) ด้วย Universal Fence clamps ของ Rockler ที่ทำได้ค่อนข้างง่ายไม่ซับซ้อน และก็สามารถใส่เข้าหรือถอดออกได้ง่ายและรวดเร็ว (ตัวแคล้มป์แบบนี้สามารถทำได้ในประเทศเพราะไม่ซับซ้อนอะไร ผมเคยเห็น Bangwood ทำขายอยู่ที่ Woodworkingthai.com เหมือนกันนะครับ เผื่อใครสนใจ)

น้องฮาร์วี่ย์ 41:

     ผมยังคงต้องตัดแผ่น MDF ที่พื้นอยู่เหมือนเดิม เพราะแผ่น MDF 20 มม. มันหนักกว่าไม้อัดมาก ยกคนเดียวไม่ไหว ผมใช้วิธีเอากระดาษกล่องรองแล้วลากออกมาตัดที่พื้นใกล้ๆแถวๆนั้นจนได้ขนาดที่จะทำ Sacrificial fence กับ โต๊ะรับไม้

    โดยขนาดความยาวและความสูงของ Sacrificial fence จะเท่ากับขนาดของรั้วตัดนั่นเอง เมื่อตัด MDF ได้ขนาดที่ต้องการแล้วก็นำมาทาบกับรั้วตัดและลองใช้ แคล้มป์ 2ตัวยึดดูชั่คราว เพืีอหาตำแหน่งที่จะเจาะรูยึดแคล้มป์ ไม่ให้ใกล้กับใบเลื่อยมากเกินไป และก็ไม่ห่างจนอาจทำให้แผ่น MDF โก่งเมื่อใช้แคล้มป์ยึดเข้ากับรั้วตัดตอนใช้งานจริง ก่อนที่จะเจาะรูที่ด้านบนของแผ่น MDFเพื่อให้ขาเกี่ยวตัว L ของแคล้มป์สามารถเกี่ยวลงไปในรูที่เจาะได้จนสนิท