โดยทั่วไปการลับเครื่องมือให้คม ด้วยหินแบบสองหน้าธรรมดา รวมถึงมีดในครัวด้วย เมื่อลับในมุมทีต้องการ ด้วยด้านหยาบ จนเกิดเกษรที่คม ก็เปลี่ยนเป็นหินด้านละเอียด โดยใช้แรงกดลงบนหินให้น้อยที่สุด กลับด้านสลับไปมา ในขั้นตอนสุดท้าย จนคม ตามต้องการ จุดสังเกตุหากยังเกิดเกษรที่คมด้านตรงข้ามอยู่ แสดงว่ากดแรงเกินไป  ด้วยวิธีนี้ ด้วยหินธรรมดาๆ ราคาถูก ก็สามารถลับให้คมจนโกนขนหน้าแข้งได้สบายๆ  ครับ

มาแล้วคร๊าบบพี่ Paisal สวัสดีพี่ สมภพด้วยนะครับ

เรื่องนี้ตอนแรกผมว่าจะพูดไว้ที่ กระทู้เครื่องมือช่างชิ้นโปรด ของพี่เขมทัตทีเดียว

แต่ดูแล้วจะไม่มีวี่แวว เลยคงจะอีกนาน และเป้าหมายก็แบ่งปันความรู้กันถ้ามันจะเป็นประโยชน์

ผมก็ขออนุญาตแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันตรงนี้เลยดีกว่านะครับ

วิธีลับมีดผมว่าแต่ละคน แต่ละประเทศ ก็มีสูตรที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความถนัดและการใช้งานของแต่ละท่านไป

แต่ตราบเท่าที่ คุณเริ่มรักเครื่องมือมากขึ้น เริ่มจำเป็นต้องใช้งานในศํกยภาพเพิ่มขึ้น

จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมๆบอกได้เลยว่า หินลับมีดดีๆ( ไม่เกี่ยวกับแพงๆ)จำเป็นที่สุด สำหรับเครื่องอันเป็นที่รักของทุกๆท่านนะครับ


ป.ล. ใครช่วยแนะนำวิธีลงรูปให้ผมหน่อยนะครับ

 ฝั่งของพี่ สมภพน่าเน้นมีดทำครัวเป็นหลักหรือปล่าวครับ แต่อย่างที่พี่สมภพ ก็น่าจะเป็นหนึ่งในวิธีลับมีด หรือลับเครื่องมือในแบบปกติที่หลายๆคน

ใช้ๆกันอยู่  ปัญหาคือผมไม่แน่ใจว่าหินสองหน้านี่ เบอร์เท่าไหร่มั่ง แต่คงเป็นหยาบกับละเอียด

ถ้ามีดผมเองก็ไม่รู้ว่าวิธีการลับที่แน่นอนควรจะเป็นยังไง เพราะฉนั้นผมจะพูดถึงกบ กับสิ่วโดยเฉพาะเลยแล้วกันนะครับ

ซึ่งสิ่งที่ทุกคนพึง นึกไว้ในใจคือ (((((((    ระนาบของหินที่เป๊ะที่สุดเท่าที่จะทำได้  ))))))) 

ผมมั่นใจว่าในที่นี้มีหลายๆคนที่อยากจะเริ่มทำงานไม้ ผมเองพูดตรงๆยังไม่เคยทำโต๊ะ ทำตู้อะไรเลยซํกอย่างด้วยซ้ำ

แต่วันนึงถ้ามีเวลาพอผมจะทำแน่ๆนะครับ แหะๆ ( อย่าเพิ่งสิ้นหวังในสิ่งที่ผมจะพูดนะครับ )

วิํธีการลับนี่แล้วแ่ต่ความพอใจจริงๆ แต่ตราบเท่าที่ระนาบของหินไม่เป๊ะ โอกาสในการที่จะไม่ได้ความก็มีสูงมาก

เอาง่ายๆ ถ้าเป็นสิ่วกดไปที่กระดาษ ในแนวฉาก ถ้าหน้าหินที่ลับไม่ได้ระนาบ สิ่วจะคมแค่บางจุด เวลาเฉือนกระดาษไปมันก็จะไม่สมูธ

สะดุดๆน่ะครับ
 

ส่งรูปมาทางเมล์ผมก่อนก็ได้ครับ เพราะถ้าไม่ได้เป็นสมาชิกจะลงรูปไม่ได้ เดี๋ยวผมลงให้อีกทีครับ

 อ้อ อย่างนี้นี่เอง โอเคครับพี่เดี๋ยวผมจะส่งรูปไปนะครับ

ผมเริ่มจากวิธีลับ ที่ผมเคยใช้สมัยก่อนเป็นแบบที่ น่าจะเปลืองไม่มากมาย และ สบายชีวิตค่อนข้างมาก

คือใช้หินเพชรซะ ราคาถูกๆพอใช้ได้ก็มี DMT แบบสองหน้า สองก้อนก็อยู่แล้ว 200/400 และ 600/1200

ซื้อ Honing Guide ซํกอันนึง จบครับ ใช้งานในระดับกลางสบาย โกนขนสบาย

แค่เลือกองศา ที่พอใจตั้งแต่ 20 - 25 องศาถ้าเอามือแทงอย่างเดียว  จะให้ความรู้สึกเหมือนคมกว่าปกติเพราะหน้าสัมผัสน้อยกว่า

แต่+++++++ ก็จะเปราะตามไปด้วยน่ะครับ

ใช้งานระดับมาตรฐานถ้ายุโรปก็ราวๆ 25 ญี่ปุ่นก็จะมาราว 30 องศา เพราะพวกญี่ปุ่นเค้าลับกันระดับลึกซึ้ง ซึ่งผมก็เข้าใจได้ส่วนเดียว

หินลับมีดเค้าที่เทพมากๆก็ล่อกันเป็นแสนบาท ต่อก้อน ซึ่งยังไม่มีบุญได้เห็น และคงไม่น่าจะมีบุญง่ายๆน่ะครับ

ผมตีราคางบในระบบนี้ไว้ประมาณนี้นะครับ

DMT ก้อนปกติสองหน้าก็น่าจะ 1500-3000 สองก้อนก็น่าจะราวๆ -------------- 4000-6000

Honing Guide ทั่วๆไปก็น่าจะราวๆ                             ---------------------------- 1000-3000

ตีแล้วถ้าประหยัดๆ หินก้อนเล็กหน่อย มีโอกาสจบงบระบบลับมีด ในระดับโกนขนหน้าแข้ง ขนแขนได้ในราคา ราวๆ 5000 - 9000 บาท

แบบไม่ต้องมีฝีมือใดๆ



 

 http://www.youtube.com/watch?v=WO_M95qDdAQ

นี่น่าจะเป็นระบบแบบที่ว่าที่ดีที่สุดนะครับ ราคาก็พอรับได้จ่ายทีเดียว จบได้ในระดับนึง

จะคล้ายๆกัยที่ผมบอก แต่มี Finishing stone เป็นตัวจบอีกอัน

ป.ล.ถามผมตอนนี้สมัยผมทำงานที่เกียวกับไม้ของผมใหม่ๆ ผมลับแค่ระบบที่ว่า

บอกตามตรงว่าตอนนี้นึกไม่ออกเลยว่าตอนนั้นใช้งานเครื่องมือแบบนั้นได้อย่างไร ฮ่าๆๆ

 ระบบของ BrianBurn + ใบกบของ Ron Hock ผมว่าใกล้เคียงกับระบบลับมีดในฝันของเครื่องมือจากฝั่งยุโรป และเมกา

เลยนะครับ 

ข้อดีมากมาย สามารถสร้างระบบ ลับใบกบสองด้านได้ เช่นลับ ใบฝั่งปกติ 25 องศา ฝั่งด้านหน้าใบกบ 5 องศา เพื่อแก้ปัญหาการฉีก

ของไม้ ยิ่งพวก เฟลมๆ ย้อนเสี้ยนทั้งหลาย


ข้อเสีย ความหน้าเบื่อมากๆถ้าหินหลายๆก้อนไม่ได้ความสูงระดับเดียวกัน ต้องค่อยๆปรับขึ้นลง วางระดับพื้น รองฐานต่างๆในการได้มาซึ่งระนาบเดิม เวลาเปลี่ยนเบอร์หินที่ก้อนคนละขนาดกัน

จะให้คมกว่าที่ทำมาก็อาจจะต้องเพิ่มแบบประหยัดอีกนิดหน่อยคือ เอากระดาษหนังสือพิมตั้งไว้บนแผ่นกระจกหรือแกรนิตก็ได้ครับ

แล้วก็ต่อด้วยหนังกับ Compound เห็นมีรุ่นน้องของรุ่นพี่ผมคนนึง ในเวบที่เค้าเล่นมีดกันเค้าก็ลับถึงแค่เบอร์ 6000

แล้วต่อด้วยสองอย่างที่ว่า ก็คมในระดับตัดเส้นผมได้โดยการจับผมแค่มือเดียวนะครับไม่ได้ขึงอะไร

เรียกได้ว่าโกนขนหน้าแข้งได้แต่ ในระดับที่ผิวของเครื่องมือไม่ต้องสัมผัสกับผิวหนัง( โอ้ววว ฟังดูน่าตื่นเต้นมาก แต่.... เด๋วเอาไว้ต่อกันนะคร๊าบ)

 

 อ่ะมาต่อแล้วครับ จริงกะว่าจะไม่พูดเรื่องการลับ เครื่องมือปกติที่่เค้าใช้ๆกันนะครับ (แต่ก็ลากไปซะยาวเลย)

เรามาว่ากันที่ตอนที่เราดันเผลอไปซื้อเครื่องมือที่ราคาแพงมากๆมา อันนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากจะพูดมาก

ผมเน้นไปที่เครื่องมือ ของญี่ปุ่นแล้วกันครับเพราะผมค่อนข้างจะชินและมันก็ค่อนข้างละเอียดอ่อนหน่อย

เพราะไม่อยากให้ใครซื้อสิ่วญี่ปุ่นอันละหมื่นมา แล้วดันไปเอาเครื่องลับๆ เอาง่ายๆว่า

ถ้าคมของสิ่วญี่ปุ่นใช้เครื่องลับมีดเมื่อไหร่ ถ้าคมมีการเบิร์น ก็แปลว่าสิ่วอันนั้นใช้งานไม่ได้อีกเลย

เหล็ก HSS เท่านั้นที่ใช้งานได้น่ะครับ

 อ้อลืมไปครับ เรื่องการลับเครื่องมือในด้านของญี่ปุ่นนี่ถือว่า ว่ากันได้เป็นเดือนๆ

แต่ลืมไปว่าลิ้งจากเวบของพี่ธน ที่ขายหินญี่ปุ่นที่ผมรู้จักเค้ามีลิ้งอันนึงน่าจะเปิดหูเปิดตาทุกๆท่านได้อย่างมากนะครับ

ลองเข้าไปอ่านชมกัน ส่วนตัวผมกลัวว่าจะละเอียดจนคนอ่านเบื่อ 55

http://pinkcow.wordpress.com/page/3/

ลองเข้าไปอ่านดูนะครับถึงจะเน้นไปที่การลับมีดกับดาบ แต่อ่านเพลิน และทำให้เข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นแน่ๆ

ผมยังไม่ได้อ่านจริงจังเลย ถ้าผมเขียนอะไรไปซ้ำกับทางนั้นต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับ

ระนาบเป๊ะ 1

ระนาบเป๊ะ 2

เรียนคุณ Ply และคุณ paisal

ยินดีต้อนรับคุณ Ply สู่เว็ป ThaiCarpenter.com ครับ

ดีใจที่คุณ Ply และคุณ paisal นำความรู้ใหม่ๆมาสู่เว็ปนี้ครับ

ผมชอบคลิปวีดีโอของคุณ Brian Burns มากครับ ชอบจิ๊กของเขามากเพราะอยากได้จิ๊กที่มั่นคงและใช้หินได้เต็มหน้าแบบนี้มานานแล้ว แปลกใจเหมือนกันที่ไม่เคยผ่านตาระบบการลับแบบนี้ทั้งๆที่คุณ Brian เขาคิดและทำมาแล้วตั้ง 40 กว่าปี

ขอบคุณมากครับที่แนะนำวีดีโอนี้

 สวัสดีครับพี่ Paisal กับพี่ เขมทัตนะครับ

ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น และหวังว่าทุกๆคนจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย

ผมเองก็ต้องขอเก็บเกี่ยววิธีทำงานไม้ดีๆ ในกระทู้ของพี่ๆ เพื่อนๆหลายๆคนเช่นกัน

พี่เขมทัตครับ

ไบรอัน เบิร์น หลังจากผมใช้หินหลายก้อนหลายขนาด ชีวิตผมค่อนข้างลำบากต้องมานั่งขันน๊อตปรับจิ๊กตลอดเวลา

ถ้าอยากใช้สไตล์ ไบรอันเบิร์น ผมขอแนะนำ Sharpton Glasstone เพราะมีระนาบเท่ากันหมดไม่ว่าจะเบอร์ไหนนะครับ

ตามรูปที่พี่ Paisal ลง (((( ระนาบเป๊ะที่ผมพูดไว้ในตอนแรก ))))) คือถ้าทุกอย่างเป๊ะจริงแล้วด้าน

Back Side และ Front Side ของเครื่องมืออันล้ำค่าของแต่ละคนเรียบสนิทผลที่ออกมามันคือสูญญากาศครับ

จากรูปจะเห็นว่า สิ่วนี่ยกหินที่หนักราวๆครึ่งโลมาอย่างสบาย

หรือ ใบกบสุดที่รักของผมก็เกิดอาการเอาออกมาไม่ได้เช่นกัน เท่าที่ผมทิ้งไว้เดินไปล้างมือ หยิบมือถือมาถ่ายรูป

ก็น่าจะร่วมนาที ออกแรงระดับเบาๆก็ไม่ออกเช่นกันนะคร๊าบบบ

ป.ล. ก่อนจะเดินไปล้างมือหรือหยิบกล้องเชคดีๆก่อนนะครับ ว่ามันติดจริงหรือปล่าว ติดหลอกก็มีหล่นมา เกิดบิ่นเกิดแตกไม่คุ้มกันนะครับ

แหะๆๆๆๆ



 

Chosera  400

Binsui 800 - 1000

Naniwa aotoshi 2000

Aoto blue around 3000

 มาต่อกันนะครับพี่ๆเพื่อนๆทุกท่าน  ผมเขียนค่อนข้างจะไปเรื่อยๆไม่ได้เรียบเรียงอะไร เอาเป็นว่า

บางตอนผมขออยุญาตตัดจาก ข้อมูลบางอย่างของบางเวบมานะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะ Credit ไว้ให้

มาว่ากันที่หินลับมีดตามแบบญี่ปุ่น ก่อนเลย มีคร่าวๆดังนี้นะครับ

สำหรับญี่ปุ่นจะแบ่งหินลับมีดออกเป็น 4 ระดับด้วยกัน ได้แก่

-อาราโตะ (ara-to) เป็นหินหยาบระหว่าง 500-1000 grit

-นาคาโตะ (naka-to) เป็นหินปานกลางระหว่าง 3000-5000 grit

-ชิอาเกโตะ (shiage-to) เป็นหินละเอียดตั้งแต่ 7000-10000 grit ขึ้นไป

-นากูระ (nagura) เป็นหินที่ช่วยเพิ่มสารหล่อลื่น

อันนี้ได้มาจากเวบ ลับมีดกับวัวชมพู ที่ผมเคยแปะลิ้งไปแล้ว อ่านคร่าวๆเรื่องนี้จริงๆไม่ได้ ฟิกซ์อะไร

เอาง่ายๆว่ามีกี่เบอร์ก็ใส่ลงไปให้หมด คิดง่ายๆเหมือนเวลาขัดกระดาษทรายนั่นแหละครับ

ถ้าปรับผิวร่องลอยไว้ไม่ดีจากเบอร์หยาบเช่น 80 แล้วขัดข้ามไปเบอร์ 240 แล้วขัดไปเบอร์ 2000 ขัดไปเรื่อยๆ

วันนึงมันก็จะเรียบและลบรอยได้หมด แต่มันเปลืองพลังงานสูงมากและ โดยธรรมาชาติไม่ว่าหินลับมีด หรือกระดาษทราย

เบอร์สูงๆ มันจะแพ๊งงงง เราก็จะเปลือง รูปข้างบนนั่นเป็นระบบลับปกติของผมไล่เบอร์ไปเรื่อยๆให้ดูคร่าวๆนะครับ

ชอบ PLy

ขอบคุณมากครับ คุณ PLy

ผมรออ่านอยู่เรื่อยๆนะครับ ติดตามเสมอ

Naniwa_ss_10000

Ohira_tomae

Finished

Ohira_Tomae_vs_Okudo_asagi

สงสัยต้องเสียตังอีกเป็นแน่ๆๆ

อยากได้หินดีๆๆๆๆ

ขอบคุณที่นำความรู้มาให้ครับ

 สวัสดีครับพี่ๆเพื่ นๆทุกคน

มาต่อกันเลยนะครับ ตามรูปที่พี่ paisal ลงให้ก็จะเป็นสเตปในการลับเครื่องมือของผมโดยทะ่วๆๆไป

พูดกันให้ง่ายที่สุดก็ เริ่มต้นจากด้าน หลัง(หรือด้านเรียบก่อน)

ถ้าเป็นพวกสิ่วกบ ของฝรั่งก็ไม่ต้องคิดอะไร  มากซัดกันไปจนเก็บรอยของเบอร?หยาบกว่า

ให้หายไปให้หมด ไล่เบอร์ไปเท่าที่มี โดย เน้นนนน การกดที่มากกว่าเล็กน้อยไปที่ด้านคม

แต่ๆๅๆๆๆๆ

 แต่เครืีองมือของญี่ปุ่น ด้านหลัง มันจะมีรูป โดยหลักๆก็เพืีอให้หน้าสัมผัสมันลดลง

ยิ่งคุณภาพสูงส่วนใหญ่ก็จะยิ่งเหนียวแข็งและลับยาก(( อันนี้ใครสนใจเดี๋ยวไว้เราว่ากันอีกที))

เอาง่ายๆว่า รู  ที่เป็นทรงกล ไข่สวยงามยากด้านหลังมันมีโอกาสจะบิดเบี้ยวหน้าเกลียด สำหรับคนรักความงามได้

 วิธีการไล่ก็ดูตามรูปที่ลงได้เลยครัข

ช่วง 2000 - 3000 ก็จะเป็นตัวอย่างก็การลับที่มายังไม่ถึงคมดี

สังเกตได้ว่า ความสม่ำเสมอ ของริ้วรอยจะหายไปช่วงปลายนิดนึง

ผมก็จะย้อนไปไล่เก๋บใหม่ (( อย่างเหนืีอย )) แหะๆ

หลังจทหด้านหลังมันสำเร็จแล้ว เราก็จะกลับมาด้านหน้ากัน

คาาวนี้องศา จะปรับเท่าไหร่ก๋ตามแต่ความพอใจได้เลย

พวกที่ใช้กับไม้แข็งๆก็ให้องศาตั้งแต่ 30 -35 พวกไม้อ่อนหน่อยก็ควรอยู่ราวๆ

25-28 เพื่อความรู้สึกแสนจะนุ่มนวลเวลาแทงลงไป 

ยิ่งน้อยมันก็ยิ่งสึกดี แต่ก็จะบิ่นง่ายนั่นเอง

ยิ่งน้อยมันก็จะยิ่งรู้สึกดี นะครับไม่ใช่สึกดี ((( แต่จริงๆก็สึกดีด้วย)))

หินสำหรับจบงาน ผมจะกัดฟันลงทุนกับหินธรรมชาติดีๆซํกก้อน ( ซึ่งตอนนี้เริ่มหลายก้อนเกินไปแล้ว )

ทำไมต้องหินธรรมชาติ???????

 รายละเอียดเค้ามีกันค่อนข้างเยอะ จำเป็นที่สุดคือต้องซื้อกับคนที่ไว้ใจได้

ความเห็นของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป โดยเฉพาะ ถ้าซื้อกับฝรั่ง เทียบกับซื้อกับคนญี่ีปุ่นเอง เบอร์มีมากมายๆ ตั้งแต่หยาบยันละเอียด

 หินตัวจบผมจะเห้นว่า จัดให้ดูกันสองแบบคือ Ohira Tomae อันนี้ซื้อมาจากฝรั่ง และน่าจะเป็นหินจบ

ที่ดีที่สุด เทียบกับราคาตามแบบฝรั่งนะครับ คือ ความแข็งเต็ม 5 ก็จะอยู่ราวๆ 3.5

ฝรั่งเท่าที่คุยมาทั้งหมด จะมีปัญญาใช้หิน แค่เบอร์นี้ ข้อสังเกตของผมเองนะครับ

ข้อดี - ซื้อกับฝรั่งคุยรู้เรื่องง่าย ไม่ต้องหาคนติดต่อให้ ขายทุกอย่างให้เราตราบเท่าที่เปลี่ยนเป็นกำไรได้

        - เครื่องมือในเร้นจ์ที่เค้าใช้กัน ก็จะอยู่ในระดับเดียวกับที่เราพอซื้อหากันได้  บอกได้ว่าโอกาสตรงโจทยืในการใช้งานมีสูง

ข้อเสีย - ไม่มีวันเข้าใจว่า ทำไม ไอ้หินเทพๆ แข็งๆ แพงๆ  พวกชาวญี่ปุ่นเค้าชอบกันนัก ก้อนเป็น แสน หรือหลายแสนก็มี

 คราวนี้มาถึงซื้อกับคนญี่ปุ่นกันมั่ง

เรื่องหินธรรมชาติของญี่ปุ่นนี่ว่ากันไปได้ ยืดยาวผมเองก็รู้มาจากการหาข้อมูลตามอินเทอเนต หลังๆ พี่ชายที่เรียน PHD อยู่ญี่ปุ่น

ติดต่อกับเจ้าของร้าน Hardware ให้ได้คนนึงก็เลยได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นและเข้าใจ ชาวอาทิตย์อุทัยมากขึ้น

สิ่งที่ผมคุยกับเค้าเรื่องแรกเกี่ยวกับหินคือ เรื่องความแข็ง ที่แตกต่างกัน ได้ข้อสรุปคร่าวๆแบบสุภาพตามที่เค้าบอก

- คนต่างชาติ ส่วนใหญ่จะไม่มีเครื่องมือที่ดีพอจริงๆเท่าที่จำเป็นต้องใช้หินราคาสูงๆ

  หินที่เหมาะกับ เครื่องมือราคาต่ำๆของเค้า ก็จะทนริ้วรอยได้แค่ หินระดับนั้น

- ถึงมีเครื่องมือที่ดีมากๆ มีหินที่ดีมากๆ ก็ไม่มีปัญญาใช้ได้ถึงระดับนั้น ( อันนี้เข้าใจได้เพราะเคยเจอมากับตัว )

หินที่แข็งมากๆอย่างตัว Okudo Asagi ตามที่ผมลับสิ่วอันเล็๋ก ต้องยอมรับว่า ซื้อมาวันแรกอยากจะเอาไปขว้างทิ้งจริงๆ

การลับแบบ ฟรีแฮนนี่ ถ้าปรับเบอร์นำมาก่อนไม่ได้ระนาบจริง หินแข็งมากๆจะไม่ให้ตัว น้ำหนักในการกด ทุกอย่างมีผลหมด

มันจะสะดุด กึกๆๆๆๆ แบบบอกไม่ถูก จากที่ลับมาจนเงา  กลายเป็น รอยบาดเต็มไปหมด น้ำตาจะร่วง แพงก็แพง

ทำงานก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวมาว่ากันต่อ

 อ่อ แต่สเตปการลับยังไม่จบดี ของนกลับนิดนึงครับ

พอลับด้านหน้าหลังจากปรับด้านหลังเรียบร้อย ก็ซัดไปเรื่อยๆเหมือนเดิม

สำคัญที่เบอร์หยาบๆ ปรับหน้าให้ถึงขอบและเป๊ะที่สุดนะครับ

เพราะเบอร์ตั้งแต่ 3000 ขึ้นไปก็แทบไม่มีโอกาสแก้ไขริ้วรอยลึกๆอีกเลย

มันจะมีเหล็กจากปลายของคมพับกลับมาก็ไม่ต้องสนใจ

ค่อยๆไปสนใจอีกทีที่เบอร์ จบงานซักสองเบอร์หลังสุด คือลับด้านหน้าได้แล้ว

ก็พลิกมาลูบด้านหลังเบาๆซักสิบที สเตปนี้อย่ากดด้านหลังแรงนะครับ เพราะ ันจะเกิด 2nd bevel ได้

เป็นอันเสร็จสิ้น ขอทำงานก่อนดึกๆว่ากันครับ

 สวัสดีครับ 

มาต่อกันก่อนไปหาอะไรรับประทานดีกว่า

จากประสบการณ์ส่วนตัวก็ถูกทั้งคู่ ไม่ว่าจะซื้อกับญี่ปุ่นหรือฝรั่ง

แต่เริ่มต้นใหม่ก็แนะนำให้ใช้หินที่นิ่มหน่อยปลอดภัยกว่า เบอร์ราวๆ 3.5 กำลังสาวยแล้ว

แล้วทำไมต้องหินธรรมชาติ????? ส่วนตัวผมก็มีหลักๆอยู่สองเรื่องคือ

1 สวย ผลของการลับด้วยหินธรรมชาติหน้าตามันจะออกมาแบบที่เค้าเรียกว่า Hazy หรือ สลัวๆ ดังรูปน่ะครับ

ส่วนตัวผมว่ามันเท่ห์กว่า 55 (หรือไม่จริง) อันนี้แล้วแต่คนชอบเลย  จริงๆแล้วมันก็เงานะ แต่มีมุมนึงที่มันจะเป้นเช่นนี้

2 อันนี้ประโยชน์จริงไม่เหมือนข้างบน คือ ผลของหินญี่ปุ่น( ธรรมชาติ ) ที่ดีๆคือ มันจะไม่เรียบๆกริ๊บเหมือนพวกหินสังเคราะห์

ผลของไอ้หน้าตา Hazy อย่างที่ว่ามันเกิดจาก Grain ของหินธรรมชาติมันจะสร้างร่องรอยที่โมเลกุลเล็กๆ

เปลี่ยนความคมกริ๊บของ คมเครื่องมือให้กลาย เป็นหยักที่มองไม่เห็น หรือเป็นลักษณะของฟันฉลามนั่นเอง

ผลที่ได้ก็คือเครื่องมืออันเป็นที่รักของทุกคนจะรักษาคมได้นานกว่านั่นเอง

หิวแล้วไปหาไรทานก่อนนะครับ แล้วไว้เรามาว่ากันต่อ ใครสงสัยอะไรก็ถามได้นะครับ

ถ้ารู้ผมก็คงจะตอบ ถ้าไม่รู้ก็จะบอกว่าไม่รู้นะคร๊าบบบ

 อิ่มแล้วก็มาต่อกันอีกนิด น่าจะไม่มีอะไรเพิ่มเติมได้มากแล้วนะครับ

มาต่อกันเล็กน้่อยกับเรื่อง Awasedo หรือ Polishing stone คือหินตัวจบงาน ซึ่งผมจะพูดถึงแต่หินธรรมชาติแล้วกันนะครับ

เพราะใครชอบความเงาก็มีทางเลือกง่ายๆ คือ หาเบอร์ที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ก็พวกที่เป็นผง Wa มีถึงเบอร์ราวๆ 20000

หรือ ลองติดต่อพี่ ธน ที่เวบแจแปนีสเอจดูนะครับ พี่เค้ามีอะไรซํกอย่างว่ากันที่เบอร์ 6000

พี่เค้าค่อนข้างทำด้วยใจรักอย่างจริงใจ ใช้อะไรแล้วดี ราคาถูก

บอกพี่เค้าไป เค้าไม่เคยสนใจ ( เพราะเค้าไม่ได้คิดเรื่องการขายดีไม่ดีเลยจริงๆ ) 

กลับมาที่เรื่อง Awasedo กันต่อ คงไม่ลงรายละเอียดมากนะครับ เอาเท่าที่รูปใน คต 24 มีให้เห็น

อันใหญ่เป็น Ohira  Tomae ซึ่งเป็นชั้นนึงที่เค้าแบ่ง ตามระดับความลึก  ยิ่งลึกก็ยิ่งอัดกันแน่น โดยธรรมชาติก็จะยิ่งแข็งน่ะครับ

Tomae จะอยู่ชั้นกลางๆ และถือเป็นชั้นหินที่มีเกรนสม่ำ เสมอที่สุด ความเร็วในการกินเนื้อเหล็กก็จะปานกลาง

แต่ผลตามรูปคือจะรู้สึกได้ว่า ร่องรอยมันจะดูละเอียดกว่า อันเล็กนิดหนึง ความเงากะจะกึ่งเกากึ่งด้านมากกว่าเล็กน้อยนะครับ

ระดับความแข็งก็จะอยุ่ที่ 3.5 -4 

http://www.thejapanblade.com/tomae002.html

นี่ข้อมูลของ Ohira Tomae ลองอ่านกันดู





 

 ส่วนอันเล็ก ที่คต 24 เป็น Okudo Asagi ความแข็งระดับ 5++ ซึ่ง Okudo เป้นชื่อแบรนด์ หรือเหมืองเหมือน Ohira

แต่ Asagi ไม่ใช่ Strada หรือชั้นกินเหมือน Tomae นะครับ เป็นชื่อเรียก หน้าตา

คือเป็นสีนั่นแหละครับ แต่ผมก็ยังงๆกับเรื่องสีกับวิธีแบ่งของเค้าอยู่ เพราะที่เห็นส่วนใหญ่ๆมันจะเป็นสีฟ้าๆเขียวๆหรือน้ำเงินอ่อนๆ

แต่ที่แน่นอนของ Asagi ก็คือแข็งมากๆนั่นเอง ส่วนใหญ่จะเหมาะกับ เครื่องมือที่เหล็กแข็งและเหนียวจัดๆ

ข้อดีแน่ๆคือกินเหล็กเร็วทันใจมาก แต่ก็จะมีโอกาสสร้างริ้วรอยทันใจให้เรากลับไปเริ่มต้นลับกันใหม่ สำหรับคนที่ซีเรียสเรื่องริ้วรอย

และโดยธรรมชาติเท่าที่ทราบมา ส่วนใหญ่จะเหมาะกับ มีดโกนเท่านั้น ยกเว้นก้อนที่ราคาค่อนข้างสูง

ผ่านการเทสมาแล้ววว่าใช้งานกับเครื่องมือได้ ก็จะมีการบวกค่าเทส กันเข้าไป 

ก็ต้องยอมๆกันไป เพราะการซื้อหินมาแล้วใช้ไม่ได้นี่ มันเจ็บปวดแน่ๆ เหมือนจ่าย 5000 ได้ สากมาอันนึงทำนองนั้น T T

ทุกคนที่ใช้หินธรรมชาติถึงจำเป็นมากๆที่ต้องซื้อกับคนที่ไว้ใจได้เท่านั้นนะครับ (อันนี้เป็นเรื่องที่ทราบกันทั่วโลก)

เอาเป็นว่า Asagi ที่สามารถใช้งานได้ เค้าว่ากันว่ามันจะรักษาคมได้นานอย่างไม่น่าเชื่อ

ถ้าเอาเป็นเหตุเป็นผลหน่อย หินที่แข็งกว่าก็จะทำให้ระนาบของคมผิดเพี้ยนน้อยกว่า

ตามรูปมันดูมีความ Hazy มากกว่า ก็น่าจะทนทานกว่าเป็นธรรมดานะครับ

แต่สิ่วชุดนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้เทสให้ดู เพราะเคยลองเทสเทียบกะสิ่ว ในตำนานอีกอัน ที่สภาพใหม่ๆราคาว่ากันต่อชุด 250,000-1,000,000 เยน อ่านไม่ผิดแน่นอนครับ ( แต่ผมไม่มีเงินซื้อขนาดนัน้นะครับ ได้มาแบบฟลุคๆ สภาพเก่าๆ ด้วยความเอ็นดูของคนที่ผมซื้อของเค้าเป็นประจำ )

แทง Endgrain ของมะฮอกานี ไป ร้อยกว่าที

ยังหาผลแพ้ชนะกันไม่ได้ เลยเริ่มนึกได้ว่า มันคงเกินพอสำหรับการใช้งานของเราแล้วล่ะ : ) อย่าไปอยากรู้อะไรให้มันมากเลย....

เอาเป็นว่ายังไงขอลาทุกคนมา ณ. ที่นี้นะครับ 

หวังว่าที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ คงจะช่วยอะไรหลายๆคนที่สนใจได้บ้างนะครับ 

ผมเริ่มต้นแบบไปทำธุระที่อเมริกา แล้วดันโชคร้ายไปลองใช้ T T กลับ มาดันติดใจแต่ก็ไม่มีข้อมูลอะไรเลยสำหรับบ้านเรา

ดังนั้นใครมีคำถามอะไรโทรถามผมได้ ผมยินดีช่วยเท่าที่ผมมีเวลานะครับ 

เบอร์ผมนะครับ 086-5594112 ไปล่ะคร๊าบบบบ

ป.ล. ก่อนไปผมมีคำถามสงสัยมานานแล้ว ว่า รหัสป้องกันสแปมนี่ทำไมผมพิมถูกทุกอย่างแต่บ่อยมากที่ผมต้องกลับมาพิมใหม่
อย่างเช่นครั้งนี้ก็เหมือนกัน ------ มันไม่ใช่รหัสที่ทดสอบว่าสภาพจิตเราปกติใช่ไม๊ครับ ???????? ผมว่าผมปกติดีนะ T T
 
สวัสดีทุกคนครับ

ชอบครับทั้งเรื่องหินและสิ่ว  โดยเฉพาะสิ่วสวยน่าใช้มากครับเรื่องความคมคงไม่ต้องพูดถึง  ส่วนเรื่องหินคงเป็นหินในฝันของอาตมาครับ  อนุโมทนาขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ที่นำมาแบ่งปันกันครับ 

 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ^^

 กราบนมัสการ หลวงพี่ แล้วก็สวัสดีคุณ จ๊อดด้วยนะครับ

ยินดีที่ได้แบ่งปันกันครับ ล่าสุดผมลองซื้อหินในประเทศเรามาก้อนนึง ได้ผลยังไง ประมาณไหนแล้วจะมาเล่าให้ฟังกันอีกทีนะครับ

ถ้าดีก็จะเยี่ยมมากเพราะราคาถูกกว่าซื้อต่างประเทศลิบลับครับ

แต่หินธรรมชาติญี่ปุ่นก็ต้องขอย้ำอีกทีว่าอย่าซื้อเน้นถูก เพราะโดยพื้นฐานของที่ญี่ปุ่นเข้าใจค่อนข้างง่ายคือถ้าแพงกว่าก็คือดีกว่า

ถ้าดีเท่ากันแล้วถูกกว่า ก็อาจจะมีเรื่องความสวยงามที่ต่างกัน 

มาตรฐานเค้าชัดเจนไม่มีการโก่งราคา แต่ถ้าใครมีแบบถูกแล้วดีก็บอกผมด้วยนะครับ ผมก็อยากได้เหมือนกัน แหะๆ

ต้องขอขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆ(สำหรับผม) มาลองคิดดูถ้าใบกบผมทำกับเหล็กแบบนี้ และลับคมขนาดนี้ คงน่าใช้มากเลย..

 ขอบคุณครับได้ความรู้เยอะมากครับ

วิธีผมเวลา สิ่ว หรือใลกบ กับหินลับมีดธรรมดา ตอนเวลาเอาสิ่วถูกับหิน ไห้หมุนเป็น เลข 8 ทั้งด้านหยาบกับละเอียดคับ แล้วหินลับมีดจะไม่เป็นล่อง แล้วก็คมเมหือนกันคับ